Thailand’s Education 4.0 พลิกโฉมการศึกษาไทย วลีสวยหรูที่จับต้องไม่ได้

Photo credit: นักเรียนเลว

ความปังเพลง Lalisa ของลิซ่า BLACKPINK พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน กล่าวว่าปลื้มใจที่ลิซ่าสร้างชื่อเสียงระดับโลก และสั่งคณะรัฐมนตรีสนับสนุนเยาวชนไทยเพื่อพลิกโฉมประเทศตามวิสัยทัศน์ของนายก วันนี้เรามาชวนดู Thailand 4.0 กับการศึกษาไทยว่าจริงๆ แล้ววิสัยทัศน์ของนายกฯ เป็นแค่หลอกลวงหรือไม่!

Photo Credit: Lalisa

เริ่มต้นด้วยการดู ร่างพระราชบัญญัติการศึกษา ฉบับล่าสุด มาตรา 6 และมาตรา 8 กล่าวว่า การจัดการศึกษาต้องปลูกฝังให้ภูมิใจและตระหนักถึงความสำคัญของ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และซึมซับหลักเศรษฐกิจพอเพียง มาตรา 80 กล่าวว่า การจัดทำแผนการศึกษาแห่งชาติต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและแผนพัฒนาประเทศตามพระราชบัญญัตินี้ และมาตรา 88 กำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายการศึกษาแห่งชาติ ซึ่งทำหน้าที่ออกนโยบายและพิจารณาแผนงานต่างๆ โดยประธานของคณะกรรมการคือนายกรัฐมนตรีหรือรองประธานที่ได้รับมอบหมาย มาตราที่กล่าวไปข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เราอาจจะต้องมาตั้งคำถามว่า เสียงของผู้เรียนอยู่ที่ไหน? เนื้อหาการเรียนการสอนสอดรับกับThailand 4.0 ไหมหรือเป็นเพื่อการรักษาอำนาจให้ระบบหนึ่งดำรงอยู่ต่อไป  จะเป็นระบบการศึกษาที่ดีได้อย่างไรในเมื่อคนออกนโยบายและแผนงานเป็นผู้มีอำนาจ ไม่ได้สนใจเสียงของผู้เรียน

Photo credit: psdg-obec

ต่อมาเราจะมาดูเนื้อหา แบบเรียนไทย ที่ไม่ว่าดูยังไงก็ไม่ใช่ Thailand 4.0 เรียกได้ว่าโลกพัฒนาไปไกล แต่เนื้อหาแบบเรียนยังล้าหลังและแฝงค่านิยมที่เต็มไปด้วยอคติ ถ้าให้ชาวต่างชาติมาอ่านคงเกาหัวกันเป็นแถว 

1. หนังสือแบบเรียนสุขศึกษาของระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ระบุว่า “การทำงานบ้านเป็นการปฏิบัติตนที่มีคุณค่าของเพศหญิง” และ “ผู้หญิงควรสวมเสื้อและกระโปรง…มีกิริยามารยาทที่เรียบร้อยนุ่มนวล”

 Photo credit: catdumb

2. หนังสือแบบเรียนสุขศึกษาของระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ระบุว่า “ปัญหาการเบี่ยงเบนทางเพศ เป็นปัญหาที่พบได้ทั้งเพศชายและเพศหญิงโดยบุคคลอาจแสดงถึงพฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสม ทำให้สังคมเกิดความรู้สึกไม่ถูกต้องตามบรรทัดฐานที่สังคมกำหนดไว้”

Photo credit: catdumb

3. หนังสือแบบเรียนภาษาพาทีของระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เสนอเรื่องราวของ ‘เกี๊ยว’ เด็กหญิงใจแตกที่พลาดตั้งท้องตั้งแต่วัยรุ่น และ ‘น้ำอ้อย’ เพื่อนของเกี๊ยวขึ้นมาเปรียบเทียบ ย่อหน้าสุดท้ายยกสุภาษิตมาว่า อย่าชิงสุกก่อนห่าม 

Photo credit: thetsis

นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของแบบเรียนเท่านั้น แต่สะท้อนให้เห็นถึงความล้าหลังในทัศนคติเรื่องเพศ ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่าคุณค่าของผู้หญิงไม่ได้อยู่แค่เรื่องการทำงานบ้าน และผู้หญิงไม่จำเป็นต้องสวมกระโปรงหรือมีกริยาที่เรียบร้อย ค่านิยมเหล่านี้เป็นเพียงกรอบทางสังคมแบบหนึ่งที่คอยกดผู้หญิงให้เป็นไปตามบรรทัดฐานสังคม ส่วนเรื่องการเบี่ยงเบนทางเพศ เราต้องยอมรับการว่าคนในสังคมมีเพศวิถีที่หลายหลาย การจำกัดกรอบเพศให้มีแค่เพียงหญิงชายเป็นอคติและความล้าหลังทางความคิด และเรื่องการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ที่สังคมมักมองว่าเป็นการความผิดของฝ่ายหญิง ทั้งที่การตั้งครรภ์เกิดขึ้นเพราะฝ่ายชายด้วย เราควรสอนวิธีการป้องกันอย่างถูกวิธีและให้ความรู้เรื่องเพศศึกษาที่หลุดจากศีลธรรมอันดีของสังคมไทยมากกว่าการโทษผู้หญิงเพียงอย่างเดียว

Photo credit: นักเรียนเลว

สุดท้ายไม่พูดไม่ได้เลยคือ การเรียนออนไลน์ ที่แฝงไปด้วยความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา เด็กกว่า 1.8 ล้านคนกำลังจะหลุดจากระบบการศึกษาเพราะการเรียนออนไลน์ สถานการณ์โควิดและหนี้ครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้นส่งผลให้ผู้ปกครองและนักเรียนต้องแบบรับค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก รวมถึงรัฐไม่ได้สนับสนุนค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการเรียนออนไลน์ ผลักภาระค่าใช้จ่ายและความรับผิดชอบทั้งหมดให้กับนักเรียนและผู้ปกครอง อีกทั้งเด็กไทยยังต้องนั่งเรียนออนไลน์เป็นระยะเวลานาน คุณครูหรืออาจารย์สั่งงานเยอะขึ้น แต่ประสิทธิภาพการเรียนลดลง บางโรงเรียนยังบังคับเด็กใส่ชุดนักเรียนและเคารพธงชาติออนไลน์ซึ่งเป็นเรื่องไร้สาระเป็นอย่างมาก สิ่งต้องเผชิญเหล่านี้ส่งผลต่อสุขภาพจิต (Mental Health) เด็กเกิดความเครียดสะสม จนเกิดเป็นโรคซึมเศร้าและจนบางครั้งนำมาสู่การฆ่าตัวตาย เยาวชนที่เป็นอนาคตของชาติ รัฐบาลกลับไม่แยแส ไร้นโยบายหรือการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ เราลองมาคิดดูว่า ถ้าเด็ก 1.8 ล้านคนหลุดออกจากระบบการศึกษาทั้งหมด อนาคตของเยาวชนของประเทศนี้จะเหลืออีกหรือไม่?

Photo credit: Khaosod

จากที่กล่าวมาข้างต้นยังเทียบไม่ได้การปัญหาการศึกษาไทยที่เผชิญอยู่ในปัจจุบัน วลีที่กล่าวว่า “เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” ประเทศไทยจะเดินหน้าไปสู่ Thailand 4.0 ตามวิสัยทัศน์ของนายกรัฐมนตรี ความเป็นจริงกลับสวนทางกัน การศึกษาจะก้าวหน้าได้อย่างไรในเมื่อรัฐบาลไม่เคยคิดจะฟังเสียงของผู้เรียน มีเพียงการใช้อำนาจเพื่อปิดปากคนที่มีความเห็นต่างออกไป และคนที่รัฐเลือกปิดปากคือ อนาคตของประเทศ! 

อ้างอิง

https://www.thetsis.com/post/article-2020-thaibook-primary6

https://twitter.com/BadStudent_/status/1408696281472528386

https://www.catdumb.com/old/?p=939676

https://thestandard.co/key-messages-children-dropped-out-of-the-education-system/