Culture

‘เทรนท์’ เปลี่ยนบทแล้วรุ่งตามรอย 10 ตำนานแข้ง

แม้จะประสบปัญหาฟอร์มตกในช่วงฤดูกาลนี้จนเสียชื่อหนึ่งในแบ็กขวาที่ดีที่สุดในโลกลูกหนังเหมือนอย่างที่ได้รับการยกย่องมานานแล้ว แต่ตอนนี้ ‘เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์’ แนวรับจอมรุกของ ‘หงส์แดง’ ลิเวอร์พูล สามารถกอบกู้ชื่อเสียงกลับคืนมาได้บ้างแล้วในช่วงหลังถูกจับเปลี่ยนตำแหน่งให้ขยับขึ้นไปช่วยแดนกลาง ในตำแหน่ง ‘Invert Fullback’ เป็นแบบฉบับของแผนการเล่นฟุตบอลในยุคใหม่ ซึ่งจะเป็นมากกว่าตัวช่วยในเกมรับ เพราะมีหน้าที่เติมเกมขึ้นไปช่วยแนวรุกทางริมเส้นนั่นเอง และทำผลงานได้ดีแบบดุดันไม่เกรงใจใครจากการทำ ‘แอสซิสต์’ เพื่อจ่ายบอลให้เพื่อนร่วมทีมยิงประตูได้แบบเป็นกอบเป็นกำเลยด้วย

Photo Credit: The Liverpool Offside

ทั้งนี้ดาวเตะวัย 24 ปี ถือว่าเป็นนักเตะลูกหม้อของหงส์แดงอย่างแท้จริง เพราะว่าเกิดลืมตาดูโลกที่เมืองลิเวอร์พูล และได้เริ่มเข้าสู่เส้นทางอาชีพค้าแข้งด้วยการเป็นนักเตะฝึกหัดในทีมเยาวชนของสโมสรตั้งแต่ปี 2004 หลังจากนั้นกุนซือ เจอร์เกน คลอปป์ เห็นแววในฝีเท้า จึงให้เลื่อนชั้นขึ้นไปแจ้งเกิดกับทีมชุดใหญ่ในปี 2016 และสามารถยึดตำแหน่งตัวจริงจากการเป็นตัวหลักในแนวรับจนถึงปัจจุบันนี้เลยด้วย ทั้งยังมีส่วนช่วยให้ทีมประสบความสำเร็จจากการคว้าแชมป์รายการใหญ่ได้เกือบครบหมดแล้วด้วย โดยเฉพาะการยึดบัลลังก์ ‘เจ้าสโมสรยุโรป’ ในฐานะแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อปี 2019 และเคยได้ชูถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกเมื่อปี 2020 รวมถึงการกวาดแชมป์ฟุตบอลถ้วยบนเกาะอังกฤษได้ครบทั้งหมดอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น แชมป์เอฟเอ คัพ, แชมป์คาราบาว คัพ รวมถึง แชมป์คอมมูนิตี้ ชิลด์ จากเมื่อช่วงฤดูกาลก่อนนั่นเอง

Photo Credit: Goal

แต่เป็นเพราะว่าชอบเติมเกมขึ้นไปช่วยแนวรุก ทำให้ดาวเตะวัย 24 ปีจะถูกโจมตีในเรื่องของการเล่นแนวรับอยู่บ่อยๆ จากการปล่อยให้เกิดพื้นที่ว่างในแดนหลังฝั่งขวาตอนช่วงที่ขึ้นไปเติมเกมแล้ววิ่งลงมาช่วยแนวรับตามตำแหน่งของตัวเองไม่ทัน แต่กลับกลายเป็นจุดเด่นในเรื่องของการช่วยทีมยิงประตูจากการทำแอสซิสต์ได้ตลอด โดยเฉพาะการเปิดบอลจากริมเส้นได้แบบแม่นยำเหมือนจับวาง แถมยังสามารถสอยตาข่ายจากลูกยิงไกล รวมถึงการสังหารฟรีคิกจากระยะต่างๆ ได้ด้วยเช่นกัน เทรนท์จึงได้รับคำชมไปอย่างล้นหลาม และมีเสียงเชียร์จากแฟนบอลที่อยากให้เปลี่ยนบทบาทมาทำหน้าที่เป็นมิดฟีลด์เพื่อช่วยเกมรุกแบบเต็มตัวไปเลยดีกว่า เพื่อจะได้เดินตามรอยเท้าของเหล่า 10 นักเตะรุ่นพี่ระดับตำนานลูกหนังโลกตั้งแต่เมื่อครั้งอดีตจนถึงปัจจุบัน ที่ได้ปรับเปลี่ยนตำแหน่งการเล่นแล้วรุ่งจนกลายเป็นบทบาทใหม่ที่ติดตาของแฟนบอล ไม่ว่าจะเป็น

Ruud Gullit / Lothar Matthäus / Andrea Pirlo / Gianluca Zambrotta / Thierry Henry
Photo Credit: transfermarkt / DFB / bein sports / FIGC / Goal

‘รุด กุลลิท’ ตำนานดาวเตะทีมชาติเนเธอร์แลนด์ในช่วงทศวรรษ 80-90 ซึ่งเคยโด่งดังกับ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น, เอซี มิลาน รวมถึง เชลซี มาก่อน โดยแจ้งเกิดจากการยืนเล่นในตำแหน่งเกมรุก ไม่ว่าจะเป็น กองกลาง หรือกองหน้า ก่อนตัดสินใจถอยลงไปเล่นเกมรับจากการสวมบทบาทเป็นกองหลังในช่วงบั้นปลายของอาชีพค้าแข้ง และทำได้ดีเลยด้วย

ต่อกันที่รายที่ 2 ‘โลธาร์ มัทเธอุส’ ตำนานนักเตะทีมชาติเยอรมนีชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 1990 ซึ่งเคยสร้างชื่อจากการสวมบทเป็นกองกลางจอมยิงประตู ที่ทำประตูได้แบบเป็นกอบเป็นกำ ก่อนจะถอยลงไปยืนเล่นเป็นกองหลังของ บาเยิร์น มิวนิค ในช่วงบั้นปลายของอาชีพค้าแข้ง และได้จารึกชื่อเป็นตำนานนักเตะในตำแหน่งสวีปเปอร์ หรือที่เรียกกันว่า ‘ลิเบอโร่’

‘อันเดรีย ปิร์โล่’ ตำนานกองกลางทีมชาติอิตาลีชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 2006 ซึ่งแจ้งเกิดจากการสวมบทเป็นเพลย์เมกเกอร์ในตำแหน่งของผู้เล่นหมายเลข 10 ก่อนไปสวมบทบาทเป็นมิดฟีลด์ตัวรับในช่วงหลังจากที่ย้ายไปซบ เอซี มิลาน และกลายเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดไปเลยด้วย

อีกหนึ่งนักเตะทีมชาติอิตาลีชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 2006 อย่าง ‘จานลูก้า ซามบรอตต้า’ ซึ่งแจ้งเกิดจากการยืนเล่นในตำแหน่งปีกมาก่อน แต่ได้ถอยลงไปสวมบทเป็นแบ็กขวาในช่วงที่ย้ายไปซบ ยูเวนตุส และกลายเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดไปเลยด้วย เพราะสามารถเล่นเกมรับได้แบบเหนียวแน่น และขยันวิ่งขึ้นไปเติมเกมรุกได้เป็นอย่างดี 

‘เธียร์รี อองรี’ ตำนานกองหน้าทีมชาติฝรั่งเศส ซึ่งเริ่มต้นอาชีพค้าแข้งในตำแหน่งปีกความเร็วสุดเมื่อตอนสมัยที่เพิ่งแจ้งเกิดในวงการลูกหนังโลกกับโมนาโก แต่ได้ขยับมาสวมบทบาทเป็นกองหน้าเมื่อตอนที่ย้ายไปร่วมทัพ อาร์เซนอล และกลายเป็นหนึ่งในตำนานดาวยิงที่ดีที่สุดในวงการลูกหนังโลกจากการสอยตาข่ายได้แบบถล่มทลาย

Javier Mascherano / Philipp Lahm / Gareth Bale / Sergio Ramos / Christiano Ronaldo
Photo Credit: skysports / transfermarkt / adda247 / Goal / npr

ตามมาด้วย ‘ฮาเวียร์ มาสเชราโน่’ ตำนานนักเตะทีมชาติอาร์เจนติน่า ซึ่งสร้างชื่อจากการยืนเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรับ แต่ได้ถอยลงไปสวมบทเป็นกองหลังจำเป็นในช่วงที่ บาร์เซโลน่า ประสบปัญหาขาดแคลนผู้เล่นในตำแหน่งนี้ และทำหน้าที่ได้ดีแบบไม่มีที่ติเลยด้วย

กัปตันทีมชาติเยอรมนีชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 2014 ‘ฟิลิปป์ ลาห์ม’ ผู้เริ่มต้นสร้างชื่อจากการยืนเล่นในตำแหน่งแบ็กขวาของ บาเยิร์น มิวนิค แต่ได้ขยับมาสวมบทเป็นกองกลางตัวรับในยามที่มีการปรับเปลี่ยนแผนการเล่น และกลายเป็นอีกหนึ่งตำแหน่งที่เล่นได้ดีเป็นอย่างมาก

‘แกเรธ เบล’ ตำนานดาวเตะทีมชาติเวลส์ ที่แจ้งเกิดจากการสวมบทเป็นแบ็กซ้ายความเร็วสุดสมัยที่เพิ่งแจ้งเกิดในวงการลูกหนังโลกกับ เซาแธมป์ตัน จึงถูกขยับให้ขึ้นไปยืนเล่นในตำแหน่งปีกซ้ายระดับพระกาฬ และเคยจารึกชื่อเป็นเจ้าของสถิตินักเตะค่าตัวแพงที่สุดในโลกเมื่อตอนที่ย้ายจาก ท็อตแนม ฮอทสเปอร์ ไปร่วมทัพ เรอัล มาดริด เมื่อปี 2013 ด้วยค่าตัวสูงถึง 89 ล้านปอนด์เลยทีเดียว

‘เซร์คิโอ รามอส’ ดาวเตะจอมเก๋าชาวสเปน ซึ่งเริ่มต้นแจ้งเกิดจากการยืนเล่นในตำแหน่งกองหน้าให้กับทีมเยาวชนของ เซบีญ่า แต่ได้ถอยลงไปสวมบทเป็นแบ็กขวา ก่อนถูกจับยืนเป็นกองหลังในช่วงหลังจากที่ย้ายไปปักหลักค้าแข้งกับ เรอัล มาดริด และกลายเป็นตำแหน่งกองหลังที่ดีที่สุด จนถึงปัจจุบันที่ยังคงลงสนามรับใช้ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง อยู่

ปิดท้ายด้วย ‘คริสเตียโน่ โรนัลโด้’ ดาวเตะทีมชาติโปรตุเกสผู้เริ่มต้นแจ้งเกิดจากการยืนเล่นในตำแหน่งปีกริมเส้น แต่ได้ขยับมาสวมบทเป็นกองหน้าในช่วงหลังจากที่ย้ายซบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในรอบแรก และกลายเป็นหนึ่งในสุดยอดกองหน้าของโลกลูกหนังจนถึงยุคปัจจุบัน แม้ว่าตอนนี้จะย้ายไปค้าแข้งให้กับ อัล นาสเซอร์ ในลีกซาอุดิอาระเบียแล้วก็ตาม 

นี่คือ 10 ตำนานนักเตะที่เปลี่ยนบทบาทไปตามตำแหน่งการเล่นในสนามแล้วรุ่ง ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ทุกคนตั้งตารอให้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ เดินตามรอยอยู่ได้ทุกเมื่อ