ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่เห็นถึงความผันผวนของบ้านเมือง จนชวนให้คุณเริ่มรู้สึกสิ้นหวัง ขอประกาศกร้าวพร้อมชูสามนิ้วตรงนี้เลยว่า “เราคือเพื่อนกัน”
ท่ามกลางสถานการณ์บ้านเมืองที่ไม่สู้ดีนัก เพราะการบริหารที่ไร้ประสิทธิภาพของคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังนำพาประเทศถอยหลังจนเละไม่เป็นท่า ทำให้ใครหลายๆ คนออกมาแสดงความคิดเห็นถึงการบริหารบ้านเมืองที่ห่วยแตกสิ้นดี บ้างก็วิจารณ์ด้วยวาจา บ้างก็ใช้ภาษาในการเขียน และสุดท้าย แก่น - สารัตถะ จึงเสถียรทรัพย์ เจ้าของเพจ Uninspired by current events เลือกใช้การประมวลผลเหตุการณ์ด้วยภาพแทนภาษาพูด และเสิร์ฟประเด็นร้อนระอุไว้บนเพจได้อย่างทันท่วงที เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวแทนใจประชาชน
ขมวดปมเหตุการณ์ด้วยภาพ
หลายวันที่ผ่านมาเราเห็นผลงานของเขาผ่านสายตาแบบนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะสไลด์ปลายนิ้วบนพื้นที่โซเชียลไหนๆ ต่างก็ต้องเห็นคนแชร์ผลงานของเขามาให้เราได้เชยชมอยู่เรื่อยๆ แถมยังมีเสียงตอบรับเป็นคำชมมากมายให้เราได้เห็นผ่านตา และได้ยินคนพูดถึงอย่างหนาหู อะไรกันที่นำพาให้ผลงานของเขาเป็นที่นิยมชมชอบของคนบนโลกโซเชียลอย่างทุกวันนี้…
ก่อนที่จะเริ่มทำเพจ Uninspired by current events แก่นเล่าว่า เขาเคยเลิกเล่นเฟซบุ๊กไปสักพัก เนื่องจากสถานการณ์บ้านเมืองที่ย่ำแย่ทำให้เขารู้สึกหดหู่ และเกิดสภาวะอึดอัดทางจิตใจอย่างมาก และไม่รู้จะระบายความรู้สึกนี้ออกไปอย่างไรดี ประจวบเหมาะกับช่วงนี้เขาเปลี่ยนสถานภาพจากมนุษย์ที่เคยทำงาน กลายมาเป็นมนุษย์งานร่อยหลอที่มีเวลาอยู่บ้านมากขึ้น ด้วยความที่อยากฝึกฝีมือระหว่างอยู่บ้านเขาจึงลองหยิบยกสถานการณ์บ้านเมืองที่คับข้องใจอย่างทุกวันนี้ ค่อยๆ มาคลี่คลายความรู้สึกในใจให้มาอยู่ในรูปแบบภาพ 3 มิติ
“เพื่อนในเฟซบุ๊ก เขาก็ด่ากันไปหมดแล้ว จะเหลือประเด็นอะไรให้เราไว้ด่าก็คงไม่มี มันจึงเป็นที่มาของการแทรกการเมืองเข้าไปในรูปที่ทำ เหมือนได้ Add Conversation ในรูปแบบใหม่ๆ ที่คนอื่นยังไม่ได้ทำเข้าไป”
“วิธีการทำงานของเราไม่ซับซ้อน เราแค่อยากเล่าสถานการณ์ปัจจุบัน เรื่องข่าว เรื่องการเมือง อยากทำออกมาให้มันแปลก ไม่ซ้ำใคร ก็เลยต้องหาลูกเล่นต่างๆ เพื่อจะเล่าสิ่งที่คนอื่นเล่าไปแล้ว ให้มันเป็นท่าของเราที่ไม่เหมือนของใคร”
แก่นเล่าต่อว่า ผลงานทุกชิ้นที่ทำขึ้นมาอยากให้ทุกคนมองแล้วจรรโลงใจ ไม่ว่าใครก็ตามที่เข้ามาเจอผลงาน ก็อยากให้ตัวผลงานเองสามารถสะท้อนเรื่องราวและแง่มุมต่างๆ ได้อยู่ รวมถึงอยากให้มันน่าชื่นชมด้วยตัวของมันเอง ซึ่งทุกๆ ภาพที่ทำออกมาก็อยากให้มีคุณค่าของศิลปะหลงเหลืออยู่ ภาพที่ถูกสร้างขึ้นมันจึงชวนให้คนรู้สึกสงสัย และพลอยคิดตามไปอีกด้วย หรืออีกนัยยะหนึ่งภาพกำลังบอกให้คนที่พบเห็นนี้สามารถแปลความหมายได้ในแบบที่ใจต้องการ และสามารถตีความหมายได้ตามปัจเจกบุคคล อีกทั้งแก่นยังทิ้งท้ายประโยคชวนหัวเราะให้ฟังอีกว่า
“ง่ายๆ เลยนะ แค่อยากทำออกมาให้มันสวย ถ้ามีหน้านักการเมืองอยู่จะสวยได้ไง” (หัวเราะ)
โลดแล่นแบบไม่โลดโผน
“ยอดไลก์ ยอดแชร์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นตอนนี้ ตกใจเหมือนกันเอาจริงๆ” 1 เดือนกว่าๆ ที่เพจนี้ถูกสร้างขึ้นมา นับเป็นเวลาน้อยมากที่เพจได้ประจักษ์สู่สายตาของคนบนเฟซบุ๊ก แต่เมื่อย้อนกลับไปดูผลตอบรับและการเจริญเติบโตที่สูงเฉียดฟ้า นับว่าเหนือความคาดหวังของคนสร้างเพจด้วยเสียอีก
“เรารู้สึกว่าเราค่อยๆ ทำผลงานออกไปเรื่อยๆ ก่อน เหมือนการสร้างจักรวาลบางอย่างขึ้นมา เพื่อให้งานทุกชิ้นสามารถไปต่อในรูปแบบอื่นๆ ได้อีก ไม่ว่าจะเป็นหนังหรือเกม”
จากความต้องการที่แก่นบอกเรา คือ แค่อยากสร้างเพจเพื่อเก็บผลงาน และใช้เป็นพื้นที่ปล่อยของในการซุ่มซ้อมมือเพื่อใช้โปรแกรมเฉยๆ แต่พอมีคนเข้ามารู้จักเยอะขนาดนี้ก็มีความรู้สึกหลายอย่างเกิดขึ้น ทั้งดีใจและขอบคุณทุกคนไปพร้อมๆ กันที่สามารถทำให้เพจของเขาเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
“ไม่เคยคิดเลยว่าจะเติบโตไวขนาดนี้ ตอนแรกไม่ได้คิดจะทำเพจด้วยซ้ำ แต่เกรงใจเพื่อนๆ เพราะทำลงเฟซบุ๊กส่วนตัวทุกวัน แต่กลัวพวกมึงจะรำคาญจังเลย จึงเปลี่ยนไปสร้างเพจอย่างน้อยเพื่อนจะได้ไม่ต้องคอยช่วยแชร์” (หัวเราะ)
เขาเล่าเสริมต่อว่า เพจนี้เป็นเพียงความเก็บกดส่วนตัวล้วนๆ จึงทำให้เขาสามารถสร้างผลงานและมีเพจนี้ขึ้นมาได้ เขาไม่ใช่มนุษย์ที่เก่งในเรื่องของภาษาพูดและแสดงความคิดเห็นของตัวเองผ่านตัวอักษร เพียงแต่มองหาวิธีที่ตอบโจทย์ตัวเองที่สุดจึงเลือกใช้ภาษาภาพในการเล่าเรื่องออกมาแทน เพราะเป็นสิ่งที่เขารู้สึกสบายใจในการแสดงความคิดเห็นและเป็นวิธีที่ถนัดที่สุด ส่วนการดำเนินเรื่องของเพจในทุกๆ วัน เขาก็ขอยกให้แรงขับเคลื่อนผลงานทั้งหมดนี้อิงอยู่บนสถานการณ์บ้านเมืองอยู่ ส่วนในอนาคตถ้าไม่ได้เหตุการณ์ที่น่าปวดหัว เพจของเขาก็คงจะหยิบยกแง่มุมอื่นๆ ที่ยังเป็นปัญหาสังคมอยู่มาเล่าแทน
“สุดท้ายเราไม่ได้มองตัวเองเป็นศิลปินขนาดนั้นหรอก เรามองตัวเองเป็นแอดมินเพจ ดังนั้นการทำเพจของเราก็ต้องเกาะกระแสสักหน่อย ซึ่งกระแสช่วงนี้ยังไงก็ต้องยกให้การเมืองอยู่แล้ว”
“ภาพโต๊ะกินข้าวเป็นรูปที่มีคนแชร์เยอะมาก ส่วนตัวมองว่ารูปของเราทำให้คนกล้าแชร์ เราว่ารูปของเรามันไม่เกรี้ยวกราด ไม่ได้มีลายเส้นที่กินเลือดกินเนื้อกัน และไม่ได้ดันคนดูไปทางใดทางหนึ่ง ขึ้นอยู่กับการตีความของเขา”
ทั้งนี้ แก่นยังพูดเปรยอีกว่า เครื่องมือการวัดความประทับใจในผลงานของเขาค่อนข้างเรียบง่าย เพราะเขาวัดผลงานที่สร้างขึ้นผ่านยอดไลก์ ยอดแชร์เป็นหลัก ด้วยความที่เขามองตัวเองเป็นเหมือนแอดมินคนหนึ่งอย่างที่บอก การที่เขาสร้างสิ่งหนึ่งขึ้นมาจากเลนส์ตาของตัวเองถ้าทำออกมาได้ดีสามารถเข้าถึงคนได้ก็จะนำไปสู่ยอดไลก์ ยอดแชร์ที่ดีเช่นกัน เป็นการฉายภาพที่สามารถถ่ายทอดไปถึงกลุ่มคนได้มากที่สุด หรือเป็นการบอกแบบอ้อมๆ ว่าภาพที่เขาสร้างขึ้นสามารถเข้าไปคว้าพื้นที่ในหัวใจของผู้ชมได้เช่นกัน นั่นทำจึงทำให้ในฐานะแอดมินอย่างแก่นเองรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่สะท้อนกลับมายังผลงานของเขาได้ดีที่สุด
Uninspired by current events
เพจนี้เกิดขึ้นด้วยความหุนหันพลันแล่นของแก่นเอง ทุกอย่างจึงถูกคิดด้วยความเร็วแสง ชื่อที่คิดได้ก็เป็นป๊อปอัพแรกที่ผุดขึ้นไวๆ จากบนหัว จากนั้นจึงเริ่มลงมือก่อตั้งเพจแบบฉับพลัน
ถ้าพูดถึงชื่อเพจ Uninspired by current events คงแปลความหมายได้ว่า “ภาพทั้งหมดที่สร้างขึ้นในเพจไม่ได้รับแรงบันดาลใจจากสถานการณ์ปัจจุบันเลยนะจ๊ะ” ซึ่งก็ถูกต้องทุกอย่างตามที่แก่นได้เกริ่นให้ฟังในตอนต้นแล้วว่าภาพของเขาเปิดกว้างให้คนได้ตีความหมาย ทั้งหมดที่เขาแปลรหัสให้เป็นภาษาภาพนั้นอาจจะไม่ได้พาดพิงถึงใครเลยก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าผู้ชมถอดรหัสสารนั้นออกมาอย่างไรมากกว่า แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายและชวนให้เราฉุกคิดต่อจากนั้น เขาบอกกับเราว่าชื่อเพจยังมีนัยยะอื่นๆ ซ่อนอยู่อีกเช่นกัน นับว่าเป็นการเล่นคำแต่ยังสามารถนำเสนออีกแง่มุมหนึ่งของเพจได้เป็นอย่างดี นั่นคือ “สถานการณ์ปัจจุบันที่เกิดขึ้นตอนนี้ไม่เคยสร้างแรงบันดาลใจให้กับใครเลย”
ทั้งหมดนี้แก่นจะพูดกับเราในระหว่างบทสนทนาอยู่เสมอ ไม่ว่าอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นบนเพจเขา ทุกอย่างขึ้นอยู่กับแง่มุมและวิจารณญาณของผู้รับชม สิ่งหนึ่งที่ถูกกลั่นกรองออกมาผ่านบทสนทนาที่เรียบง่ายระหว่างเราทั้งคู่ เพื่ออนุมานให้เห็นว่า ทุกคนสามารถแสดงออกทางความคิดเห็นที่แตกต่างออกมาได้อย่างไม่เคอะเขิน และไม่ควรถูกตัดสิน ไม่ว่าจะแสดงความคิดเห็นบนงานของแก่นเอง หรือเรื่องใดๆ ก็ตาม ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะได้แสดงความคิดเห็นในรูปแบบของตัวเอง
ติดตามผลงานภาพสะท้อนสังคมได้ที่ Uninspired by current events