Culture

The Late Risers’ Cafe: จิบ(ค็อกเทล)กาแฟ ในคาเฟ่สำหรับคนตื่นสายที่ ‘WAWA Café & Bar’

EQ Tour วันนี้ อยากชวนทุกคนไปสัมผัสกับวัฒนธรรมการดื่ม ‘Cofftails’ เครื่องดื่มที่ผสานวัฒนธรรมกาแฟ และค็อกเทลเข้าไว้ด้วยกัน ที่ WAWA Café & Bar by Never Normal บาร์ที่ซ่อนตัวอยู่ลับๆ ในซอยลาดพร้าว 18 กับคอนเซ็ปต์คาเฟ่สำหรับคนตื่นสาย ที่พร้อมเป็นสนามเด็กเล่นให้กับคนจากทุกคอมมูนิตี้ที่อยากมาใช้พื้นที่ปลดปล่อยความเป็นตัวเอง ซึ่งเราได้คุยกับ ‘กร’ – ณฐกร ลีฬหะสุวรรณ Bar Manager, ‘จ๋า’ – กัญญาณัฐ กัลยาธนทรัพย์ Assistant Manager และ ‘อ๊อฟ’ – ธีรภัทร สกุลรุจิดาศิริ บาร์เทนเดอร์ ถึงที่มาที่ไป และความตั้งใจของการทำสนามเด็กเล่นลับๆ ของนักดื่มแห่งนี้

Playground ลับๆ ในแบบฉบับ ‘Nerver Normal’

จ๋า: จุดเริ่มต้นมันเกิดจากพี่เจ้าของร้านเขามาเจอที่ตรงนี้ ที่รู้สึกว่ามันเป็นที่ลับ ก็จะเห็นจากซอยว่าเข้ามาแล้วดูเหมือนข้างในไม่น่าจะมีอะไร พอเขามาเห็นตึกนี้ เขาก็ทำเป็นคาเฟ่ก่อน แล้วก็เป็น Co-working Space แต่ว่าตอนเริ่มมันก็เป็น Cafe & Bar อยู่แล้วแหละ แต่ว่าเวลาเปิดมันก็จะค่อนไปทางคาเฟ่มากกว่า ก็คือเป็นช่วงเช้าไปจนถึงหัวค่ำ แล้วพอเรากลับมาเปิดใหม่รอบนี้ เราก็เลยกลับมาเปิดเป็นช่วงเวลาใหม่ ก็คือ 16.00 - 24.00 น. ค่ะ เพราะว่าตรงระยะเวลาที่เราปิดไป เราไปทำคลับที่ชื่อว่า Never Normal ไดเรกชั่นของร้านมันเลยเปลี่ยน เพราะว่าลูกค้าของเราส่วนมากจะเป็นลูกค้าสายปาร์ตี้ เที่ยวกลางคืน คนดนตรี ดีเจ คนที่เขาทำงานฟรีแลนซ์ หรือว่าเป็นบาร์เทนเดอร์ด้วยกัน

กร: ไวบ์ของคนที่นี่จะแบ่งเป็น 2 พาร์ท คือ คนที่ต้องการความเป็นส่วนตัว กับคนที่อยากมาเจอเพื่อนที่ทำงานในวงการใกล้ๆ กัน เพราะอย่างเจ้าของร้านก็จะอยู่ในสายโปรดักชั่น น้องๆ ในร้านก็จะเป็นนักดนตรี Sound Engineer เป็นดีเจ ส่วนมากลูกค้าก็จะมาทางสายนี้เยอะ

แต่หลักๆ ก็คือ พวกเราตื่นสาย แล้วพวกเราก็ชอบกินกาแฟ กว่าปิดร้านก็เที่ยงคืน กว่าจะเก็บร้าน กลับถึงบ้านก็ตี 3 - 4 แล้วตื่นมาเราอยากกินกาแฟ แต่ตื่นมาบ่าย กว่าจะกินข้าว ร้านกาแฟปิดหมดแล้ว เราเลยรู้สึกว่า คนแบบพวกเราน่าจะมีเหมือนกัน คนที่เขาอยากกินกาแฟตอนเย็นบ้าง เราก็เลยพยายามเทิร์นให้มันเป็น Coffee & Cocktail เพราะด้วยความที่เราไม่ได้เชี่ยวชาญทางด้านกาแฟอยู่แล้ว เราคงจะไปแข่งเรื่องกาแฟกับคนอื่นยาก ผมเลยมุ่งมาทางด้านนี้มากกว่า

จ๋า: แล้วที่นี่มีห้องกระจกที่มองเห็นวิวพระอาทิตย์ตกสวยมาก ท้องฟ้าสวย ช่วงเย็นๆ จะได้ฟีลแบบ Cozy มาถึงจิบ Coffee Cocktail สักแก้วหนึ่ง แล้วก็ทุกคนจะรู้สึกว่ามันเหมือนเป็นร้านลับจริงๆ ที่รู้สึกว่าปลอดภัย ไม่มีคนมาเดินผ่านด้านหน้า รู้สึกไพรเวท ลูกค้าเขาก็มาเป็นตัวของตัวเองได้

กร: โลเคชั่นตรงนี้มันได้เรื่องความเงียบ แล้วโล่งด้วยครับ เพราะมันอยู่ในเมืองเลย แล้วข้างๆ ก็โล่ง ถ้าเป็นปกติคงมีคอนโดขึ้นไปแล้ว แต่มันอยู่ใกล้เสาไฟฟ้าแรงสูง คอนโดหรือตึกสูงมันเลยขึ้นไม่ได้

จ๋า: ถ้าจะบอกว่าจุดเด่นที่ไม่ซ้ำกับที่อื่นก็คงจะเป็นเรื่อง Open Deck ที่เรามีเพิ่มขึ้นมา

กร: ด้วยความที่ WAWA อยู่อันเดอร์ Never Normal มันก็จะมีบางส่วนที่ลิงก์กับตรงนั้นมา

จ๋า: ต้องขอเล่าย้อนกลับไปที่ Never Normal ซึ่งเราโฟกัสอยู่ 2 อย่าง คือ Music & People เรื่อง Music ก็ชัดเจนว่าเป็น Electronic Music เป็นสไตล์ดีเจ ส่วนเรื่อง People คือเรามีคอมมูนิตี้ของเราที่เปิดรับศิลปะทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นดนตรี ศิลปะแบบที่อยู่ในแกลเลอรี่ ภาพถ่าย งานวิชวล หรือว่าแฟชั่น เรารับหมด แล้วก็รู้สึกว่าอยากให้ตรงนี้เป็น Safe Space ของทุกคน สามารถมานั่งทำงาน มา Express ตัวเองได้ มาคุยกันว่าเดี๋ยวมีโปรเจกต์นี้นะ มาร่วมทำกันได้ ปกติวันอาทิตย์ต้นเดือนที่นี่จะมีกิจกรรมตลอด ก็จะเป็นอีเวนต์ที่ให้คนมาพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องในคอมมูนิตี้ พูดง่ายๆ ว่าเป็นพื้นที่สำหรับทุกอย่าง ใครอยากมาจัดงาน มาจัดเวิร์กช็อป ได้หมดเลย อยากให้ทุกคนเข้ามาแล้วรู้สึกว่าอยากทำอะไรกับที่นี่ก็ได้

กร: เสนอมา ถ้าเราช่วยได้เราช่วย ถ้าเราไม่รู้เดี๋ยวเราจะไปหาความรู้มาช่วย เราพยายามซัพพอร์ตเรื่องของสัมผัสทั้ง 5 รูป รส กลิ่น เสียง

เราขอใช้คำสั้นๆ เลยคือ ‘Playground’ อยากให้รู้สึกว่าเป็นสนามเด็กเล่นของทุกคนที่เข้ามาแล้วเราก็อยู่ตรงนี้ จะคอยคุยกับลูกค้า คอยสนับสนุน คอยช่วยเวลาที่เขามีโปรเจกต์อะไรเข้ามา – จ๋า

จิบ(ค็อกเทล)กาแฟคาเฟ่ของคนตื่นสาย

จ๋า: ก็อย่างที่บอกว่าพวกเราเป็นคนตื่นสาย ลูกค้าส่วนมากก็เป็นคนทำงานกลางคืน ตื่นมาก็อยากกินกาแฟสักแก้วหนึ่ง สมมุติว่าตื่นมาเริ่มใช้ชีวิตก็บ่ายสองแล้ว กว่าจะกินข้าวก็สี่โมง มาถึงนี่อยากกินกาแฟสักแก้วหนึ่ง แต่ก็อยากกินเหล้าเหมือนกัน ก็เลยผสมไปเลย

กร: ด้วยเวลา 16.00 - 17.00 น. ก็เป็นเวลาที่คนบางส่วนก็เริ่มดื่มแล้ว เป็นเรื่องปกติ

จ๋า: ถ้าไปดูเราจะมีกราฟิตี้เขียนว่า ‘Home is where you make it yours’ ทีนี้เราก็รู้สึกว่าอยากให้ทุกคนมาแล้วรู้สึกว่าสบาย เหมือนอยู่บ้าน มีโซฟาสบายๆ นั่งชิลล์ได้ แล้วก็ไม่รู้สึกเกร็งกับพนักงาน กับสถานที่ มันคือคำว่ารู้สึกปลอดภัย

กร: แล้วความที่เราใส่ใจลูกค้า เราจะจำลูกค้าได้เกือบทุกคน คนไหนชอบดื่มอะไร

อ๊อฟ: คอนเซ็ปต์เครื่องดื่มของเราที่เริ่มทำมาสักพักจะเป็น ‘Coffee with Good Spirits’ ด้วยความที่มันค่อนข้างหาดื่มยาก เราก็เลยลองมาทำดู

กร: คือน้องเป็นบาร์เทนเดอร์ ส่วนจ๋าเป็นบาริสต้า เราก็เลยเอาความรู้ตรงนี้มารวมกัน

จ๋า: จ๋าว่าเสน่ห์ของมันคือ ‘ความรู้สึก’ กินกาแฟแล้วมันขึ้น แต่ว่ากินเหล้าแล้วมันลง แล้วมันเป็นความรู้สึกที่ไม่ได้รู้สึกได้ทุกวันนะ

‘Wake Me Up and F*ck Me Up’ น่าจะเป็นไวบ์แบบที่เราต้องการเล่า คือ อยากตื่นนะ แต่ก็อยากมีฟีลกรึ่มๆ นิดหนึ่ง เพื่อให้มันชิลล์ – จ๋า

จ๋า: อย่างที่เราบอกว่า ที่นี่เราอยากให้คนมาเรารู้สึก Comfort, Feels Like Home, Safe เราก็จะดีไซน์เครื่องดื่มทั้งหมดให้เป็นเครื่องดื่มที่รู้สึกว่ากินแล้วมันเรียบง่าย แต่ก็ยังมีความซับซ้อนอยู่ พูดง่ายๆ ก็คือ เหมือนเวลาเราเดินเข้าคาเฟ่ไปแล้วเราคาดหวังที่จะเจอพวกเมนูเบสิกอย่าง ลาเต้ อเมริกาโน่ มอคค่า เราก็จะทำเมนูให้มันคู่ขนานไปกับเมนูคาเฟ่แบบนั้น เราจะมีลาเต้ในสไตล์ของเรา มีอเมริกาโน่ในสไตล์ของเรา

Another Evening

อย่างอเมริกาโน่ มาที่นี่เราก็จะมีเมนูหนึ่งชื่อว่า ‘Another Evening’ จะเป็นจินโทนิก ผสมเลม่อน แล้วก็เอสเพรสโซ มันก็จะได้ฟีลใกล้ๆ กับอเมริกาโน่ แต่ว่าเป็นจินโทนิก ก็คือเอาเมนูคลาสสิกของฝั่งคาเฟ่ กับค็อกเทลมาทวิสต์รวมกัน

เอาเป็นว่าคุณไปร้านกาแฟแล้วอยากกินเมนูไหน บอกเรามา เดี๋ยวเราจะทำให้ แต่ในเวอร์ชั่นของเราที่มีเหล้า – จ๋า

อ๊อฟ: ซิกเน็ตเจอร์ของร้านที่วันนี้เตรียมไว้ก็จะมีเป็นตัว Another Evening ที่เป็นเอสเปรสโซ่กับจินโทนิก แล้วก็จะมีเป็นตัว Black Snow ได้แรงบันดาลใจมาจากลาเต้สำหรับคนที่ชอบดื่มกาแฟนม อีกตัวหนึ่งจะเป็น No So Sweet Matcha เป็นมัทฉะลาเต้สำหรับคนไม่ชอบกาแฟก็จะออกครีมๆ หน่อย แล้วก็มีเมนูตัวใหม่ชื่อ Iris Mocha ก็คือจะเป็นมอคค่าที่ใส่ Iris Whiskey จะคล้ายๆ กับ Iris Coffee ครับ

Black Snow / Not So Sweet Matcha/ Irish Mocha

จ๋า: จ๋าจะตั้งคอนเซ็ปต์หลักๆ ไว้ว่า มันต้องกินง่าย ต้องเข้าใจง่าย แต่ว่าก็ต้องมีความซับซ้อนบางอย่างที่ทำให้คนรู้สึกว่าต้องมากินที่นี่ ไปกินที่อื่นก็ไม่เหมือน คือไม่ได้บอกว่าดีกว่า แต่บอกว่ามันจะแตกต่าง มันจะมีความซับซ้อนบางอย่างในทุกเมนูเลยมันไม่ใช่แค่เทจินโทนิกผสมกับกาแฟ เราปรุงเพิ่ม สมมุติเราทำ Black Snow มันคือ เมนูลาเต้ แต่ว่าเราใส่เป็น Homemade Coffee Liquor ที่เราทำเอง เราเอาไปอินฟิวส์กับเปลือกส้ม มันก็จะมีกลิ่นที่มันซับซ้อนขึ้นมา แต่ว่าความซับซ้อนนั้นมันจะไม่ได้ชัดเจนขนาดนั้น มันจะรู้สึกนิดๆ แต่ว่า ภาพรวมคือ ความกินง่าย เข้าใจง่าย

กร: อีกไอเดียที่ซ่อนอยู่ผมว่าน่าจะเป็นเรื่องราวของการซัพพอร์ตสินค้าของไทยด้วยครับ อย่าง โทนิกเราก็จะใช้ของไทย กาแฟก็ของไทย อย่างตัวคาเคานิบส์ที่เราใช้ก็ปลูกในไทย ก็พยายามซัพพอร์ตของที่มีในไทย ซึ่งบางอย่างราคาสูงกว่านำเข้าอีก แต่ก็อยากสนับสนุนตรงนี้

พื้นที่ที่เปิดกว้างให้ทุกคอมมูนิตี้

กร: ถ้าพูดถึงวัฒนธรรมค็อกเทลในบ้านเราผมมองว่า เดี๋ยวนี้ค็อกเทลเป็นสิ่งที่คนจับต้องได้ง่ายขึ้นนะ เพราะสมัยก่อนมันจะอยู่ตามโรงแรม ราคาก็จะสูง คนก็จะจับต้องไม่ถึง เดี๋ยวนี้ค็อกเทลกลับมาบูมขึ้น แล้วก็มีร้านเปิดเยอะไปหมด แล้วก็อาชีพบาร์เทนเดอร์กลายเป็นอาชีพในฝันของเด็กหลายๆ คน แต่พอมีช่วงโควิดผมว่าค็อกเทลก็ดร็อปลงไป ด้วยราคาที่ก็ยังสูงอยู่สำหรับคนทั่วไป กลายเป็นว่าคนเริ่มทำค็อกเทลดื่มในบ้านเยอะขึ้น เริ่มศึกษาเอง อุปกรณ์ก็ไม่ได้แพง

อ๊อฟ: ถ้าเป็นคนที่เข้ามาที่นี่ เขาก็ยังใหม่กับค็อกเทล พอเราทำแบบนี้คนก็เริ่มเข้าใจมันมากขึ้น เราก็จะเริ่มพัฒนามันไปต่อได้

กร: ส่วนภาพของ WAWA Café & Bar ในอนาคต ผมอยากพูดในเรื่องของการซัพพอร์ตคอมมูนิตี้ เพราะเรื่องเครื่องดื่ม เราครีเอทอยู่ตลอดแหละ แต่ว่ามันจะได้ถึงไหนยังไม่แน่ใจ แต่เรื่องของคอมมูนิตี้ เราอยากซัพพอร์ตในเรื่องของศิลปะทุกแขนง อย่างเราทุกคนตรงนี้เป็นดีเจหมดเลย ดังนั้นสิ่งที่เราถนัดคือเรื่องเพลง ดังนั้นสิ่งที่เราซัพพอร์ตคอมมูนิตี้ได้มากที่สุดน่าจะเป็นเรื่องเพลงก่อน แต่ในอนาคตด้วยความที่เรามีเพื่อนในวงการอาร์ตเยอะ แต่ละคนก็มีโปรเจกต์ที่อยากนำเสนอ แต่สถานที่เขาอาจจะไม่พร้อม เรายินดีสำหรับการเป็นสเปซให้เขา อย่างนักดนตรีที่เขามีวงเป็นของตัวเอง แต่เขามีแนวเพลงแปลกๆ ประหลาดๆ ที่เขาไม่สามารถสื่อในตัววงของเขาได้ เขาก็จะมาแอบเล่น ใส่หน้ากาก

กร: ในอนาคตมันอาจจะมีเรื่องอาหารบ้างครับ เรามีครัวที่ไม่ค่อยได้ใช้ แล้วบาร์ก็ใหญ่พอที่จะเสิร์ฟอาหาร อาจจะมีเชฟอยากทำ Fine Dining แต่ไม่มีสถานที่ คุณมายืมใช้ตรงนี้ได้

จ๋า: เคยมีน้องนักศึกษาลาดกระบัง มาขอใช้พื้นที่จัดอีเวนต์ เราก็ยินดีจะให้ใช้พื้นที่ฟรีแล้วก็ น้องๆ เขาก็เอาค่าบัตรไป ส่วนตัวบาร์เดี๋ยวเราจัดการให้เอง เราค่อนข้าง Open มาก

WAWA Café & Bar by Never Normal

35/37 ซอยลาดพร้าว 18 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10310 (Google Map)

เปิดให้บริการทุกวันอังคาร และวันพุธ เวลา 16.00 - 24.00 น.

วันพฤหัสบดี - วันเสาร์ เวลา 16.00 - 02.00 น.

สอบถามเพิ่มได้ที่ Line: @wawacafeandbar

ติดตาม WAWA Café & Bar ต่อได้ที่

Instagram: wawacafebarbkk

Facebook: WAWA Cafe' and Bar at Never Normal