“Magarita แก้วนี้ถึงมันจะดูเข้ม แต่ก็ดื่มง่าย ค่อนข้างเหมือนกับผม ที่หลายคนอาจมองว่าดูหยิ่ง แต่ถ้าได้คุยกันจริงๆ จะรู้ว่าผมไม่ได้เป็นแบบนั้น”

‘โย’ - ก่อเกื้อ ดีวัฒนานุกูล อธิบาย หลังจากที่เราโยนโจทย์ให้เขาดีไซน์เครื่องดื่มที่บอกความเป็นตัวเอง เพราะนักแสดงหน้าใหม่ที่หลายคนเพิ่งรู้จักนี้ คือมืออาชีพที่คว้ารางวัล และทำงานในแวดวงบาร์เทนเดอร์มานานหลายปีแล้ว

แต่นอกจากโจทย์สนุกๆ นี้แล้ว ยังมีบทสนทนาอีกมากที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนี้ ซึ่ง EQ หวังว่าแฟนซีรีส์ Be Mine SuperStar หรือใครก็ตามที่ได้อ่านบทความนี้ จะรู้จักตัวตนอันน่าสนใจของเขามากขึ้น

‍โยกับอาชีพบาร์เทนเดอร์มาเจอกันได้อย่างไร

“ตอนเด็กๆ ที่บ้านผมเปิดบาร์ครับ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจ ไม่ได้ชอบการเป็นบาร์เทนเดอร์เลย บวกกับตอนเด็กๆ ที่บ้านก็คาดหวังว่าเราจะต้องไปทางเอ็นจิเนียร์เหมือนน้าด้วย แต่สมองผมไม่ไป (หัวเราะ) ตอนจบม.3 ผมเลยเลือกไปสอบปวช. ด้านการโรงแรม พอสอบติดปุ๊บ เหมือนอาจารย์เขาก็เห็นอะไรในตัวเราสักอย่าง เลยชวนมาแข่ง ผมลงแข่งจริงจังตั้งแต่ปี 2014 เลย แต่ถ้าเริ่มทำงาน ก็เพิ่ง 4-5 ปีนี้เองครับ”

จำเป็นไหมที่บาร์เทนเดอร์ต้องดื่มแอลกอฮอล์เก่ง

“ไม่จำเป็นต้องดื่มเก่งครับ เพราะผมก็ไม่ค่อยชอบดื่มเหมือนกัน ( หัวเราะ ) ผมถนัดทำ Cocktail ประเภท ฟรุ๊ตตี้ เปรี้ยวหวานทานง่าย แต่ไม่ค่อยถนัด Spirit-forward แต่ระหว่างผสมเครื่องดื่ม ก็มีชิมบ้างครับ ซึ่งพอเราทำไปสักพัก ก็จะมีเซนส์ไปเอง เหมือนคนทำอาหาร ที่เปิดตู้เย็นเจอวัตถุดิบ ก็รู้แล้วว่าต้องทำอะไรต่อ

เมื่อก่อนผมเคยคิดว่ามีแค่ผมคนเดียวที่ไม่ดื่ม แต่จริงๆ ในวงการมีคนแบบผมเยอะ เพราะว่าไม่ใช่ทุกคนที่ชอบในแอลกอฮอล์ แต่แค่หลงใหลในการทำเครื่องดื่ม”

ย้อนประสบการณ์การแข่งขันนับร้อยเวที

“การแข่งขันจะให้คะแนนทั้งในพาร์ทของการผสมเครื่องดื่ม และการโชว์ท่าทาง ตอนแข่งครั้งแรก ผมติดโยนมากๆ เลย โยนขวดเก่งมาก แต่ยังทำเครื่องดื่มผิดอยู่ ก็เลยแพ้ไป (หัวเราะ)

หลังจากนั้นก็ลงแข่งมาเรื่อยๆ ได้รางวัลมาประมาณ 40 เวที แต่ที่ไม่ได้ก็เยอะมาก รางวัลล่าสุดก็มีรองแชมป์เอเชีย BARCHEF Flairshadow 2022 และแชมป์ Mighty Mix Bartender and Barista Thailand 2023

ถ้าถามว่าประทับใจรางวัลไหนมากที่สุด ก็ไม่มีครับ แต่มันจะเป็นปีลัคกี้ ที่เรารู้สึกว่าทำอะไรก็ดีไปหมด คือปี 2019 ที่กุมภาฯ ได้แชมป์ชาติมา มีนาฯ ก็ได้รางวัล 5^th The Master World Flair Bartending 2019 อีก

ผมพยายามให้ตัวเองไปในหลายๆ เวที เมื่อก่อนผมอยู่ภูเก็ต แต่เวลามีงานแข่งที่กรุงเทพ ถึงรู้ว่าไปแล้วยังไงก็ไม่รอดแน่ๆ แต่ก็จะพยายามไปด้วยตัวเองให้ได้ เพราะเรามีแพสชั่นจริงๆ”

จากวันนั้นจนวันนี้ อะไรที่ทำให้หันมาจริงจังกับอาชีพบาร์เทนเดอร์จนได้

“บาร์เทนเดอร์เป็นทักษะที่ยาก ไม่สามารถใช้เซนส์เหมือนการเล่นกีฬาบางอย่างได้ เพราะนอกจากจะต้องคิดเมนู ผสมเครื่องดื่ม หรือโชว์ท่าต่างๆ แล้ว ยังต้องเผชิญกับความกลัวด้วย ที่ผ่านมามือผมมีแผลเป็นเต็มไปหมด มือไม่สวยเลย เพราะตอนซ้อมโดนเศษแก้วบาดมือตลอด

แต่มันก็น่าตื่นเต้นตรงที่เราได้ปลดล็อกเลเวลในเรื่องการโชว์ท่าไปเรื่อยๆ และก็มีความสุขที่ได้เห็นลูกค้ายิ้ม หรือชวนเพื่อนมาดื่ม หลังจากดื่มเครื่องดื่มของเราไปแล้ว”

‍

‍เป้าหมายที่เปลี่ยนไป ในวันที่โตขึ้น

“ตอนนี้ในสโคปการแข่งขันบาร์เทนเดอร์ ยอมรับว่าผมเริ่มอิ่มตัวแล้ว เพราะเราอยู่กับมันมานาน แต่ในเรื่องการทำงาน ผมยังอยากทำให้ทีม (Justbar TH) ของผม ไปได้ไกลกว่านี้

เมื่อก่อนเราเป็นเด็กที่อยากไปแข่งเพราะอยากได้ถ้วย ผมบอกเพื่อนเลยนะว่าเงินรางวัลแบ่งกันเลย ผมขอแค่ถ้วย แต่พอโตขึ้น เรารู้ว่าฝีมือเราไปได้แค่ไหน เป้าหมายเลยเปลี่ยน ตอนนี้รางวัลไม่ได้สำคัญขนาดนั้นแล้ว ผมอยากหันไปโฟกัสกับงานมากกว่า อยากให้ทีมไปไกลกว่านี้ มีชื่อเสียงมากกว่านี้”

ก้าวสู่ 'นักแสดง' บทบาทใหม่ที่ท้าทาย

“ก่อนหน้านี้ผมเคยผ่านการประกวดค้นหานักแสดงหน้าใหม่ก่อน แต่เพิ่งได้เล่นเรื่อง Be Mine SuperStar เป็นเรื่องแรกครับ บทบาทก็ค่อนข้างห่างไกลตัวไปหน่อย เพราะผมอาจไม่ได้เป็นคนที่กวนขนาดนั้น

จริงๆ ผมเป็นคนกลัวการแสดงมาก และไม่มีความมั่นใจในตัวเองมาตั้งแต่เด็กๆ แต่เดี๋ยวนี้ดีขึ้นเยอะแล้ว เพราะการได้ไปแข่งบาร์เทนเดอร์บ่อยๆ ช่วยให้มีความมั่นใจมากขึ้น แต่การแสดงก็ยังยากสำหรับผมอยู่ดี มีหลายเรื่องที่ผมยังต้องทำการบ้านเพิ่ม

ผมคิดว่าบาร์เทนเดอร์น่าจะยากกว่า เพราะต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างหนัก ต้องเผชิญกับความกลัวด้วย แต่ที่ผมรู้สึกมั่นใจและทำได้ดี อาจจะเป็นเพราะผมถนัดกับมันไปแล้ว ส่วนเรื่องของการแสดงตอนนี้ ด้วยความที่มันยังใหม่สำหรับผม ผมเลยรู้สึกว่ามันยากมากกว่า แต่ผมก็ตั้งใจทำออกมาให้ดีที่สุด  ยังไงผมก็จะพัฒนาทักษะให้ดีขึ้น ขอฝากติดตามผลงานผมด้วยนะครับ”

สามารถติดตามผลงานของ โย - ก่อเกื้อ ดีวัฒนานุกูล ได้ที่

Instagram: yo_kkwd