Art

AUTTA และ Another Level กับซิงเกิ้ลล่าสุดที่อะไรก็ฉุดไม่อยู่!

เรียกได้ว่าเป็นแร็ปเปอร์รุ่นใหม่ไฟแรงที่น่าจับตามองอีกคน สำหรับ กร - อัษฏกร เดชมาก หรือ  AUTTA ที่ชัดเจนในตัวตน จนประจักษ์แก่ผู้ฟัง ผ่านโสตประสาททางหู Another Level อีกขั้นของเพลงแร็ปที่มีกลิ่นอายเฉพาะตัว ที่สามารถนิยามได้ว่า "Conscious Rap" ซึ่งกว่าจะเป็น AUTTA ทุกวันนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย Another Level ก็เช่นกัน

กรเริ่มสนใจการแร็ปมาประมาณ 4 ปี จุดเริ่มต้นของเขาคือ ตอนม. 6 จากรายการ RAP IS NOW ที่ทำให้เขาเริ่มสนใจ และอยากลองเขียนเนื้อเพลงแร็ป เมื่อความเครียดรุมเร้า เขาเลยอยากระบายและถ่ายทอดออกมาตู้มมม...กลายเป็น AUTTA

“ตอนนั้นมีเรื่องให้เครียดๆ จนอยากระบาย มันพอดีกัน เราเลยเขียนเพื่อเป็นการบันทึกอะไรบางอย่าง จนจริงจังขึ้นเรื่อยๆ จนมาถึงตรงนี้”

AUTTA มาจากอะไร

"มาจาก อัษฏกร ซึ่งเป็นชื่อจริง จาก อัษฏ ฏ จริงๆ อัตตามันมีความสมมาตรของตัวอักษร มันพอดีกัน แต่จริงๆ มันจะไม่สมมาตรตรงตัว U จริงๆ เกือบจะใช้ AUTTUA แต่ก็ไม่ได้ใช้" 

จากกีตาร์ Jazz สู่การเป็น แร็ปเปอร์!

"น่าจะเป็นเรื่องตอนม. 6 ที่มีเรื่องเครียดๆ เยอะ เราจัดการสิ่งต่างๆ ที่เข้ามาไม่ได้ แต่จริงๆ เราก็ไม่ได้ทิ้งการเล่นกีตาร์ไปไหน เราก็ยังเล่นตามปกติ เราแค่ลองแร็ปเหมือนทดลองเล่นเครื่องดนตรีใหม่ขึ้นมา ก็ยังเล่นปกติครับ อาจจะเล่นน้อยลงกว่าเดิมและไม่ได้ซ้อมจริงจังแล้ว แต่ยังชอบเหมือนเดิมครับ" 

ผ่านจุดนั้นมายังไง

"ช่วงนั้นจำอะไรไม่ค่อยได้ มันตู้มๆ เข้ามารัวๆ หลักๆ คือ เรากลับบ้านมาแล้วจะไปขลุกตัวอยู่ที่เดิมแล้วก็วนกับความคิด แต่พอเราได้เขียนเพลง ได้จดอะไรบางอย่าง มันทำให้เรานิ่งขึ้น มีสมาธิขึ้น รู้เท่าทันความคิดตัวเองและจดจ่อกับตัวเองมากขึ้น จดบันทึกว่าเราคิดอะไรอยู่ ได้พูดออกมา ได้ระบาย ประมาณหนึ่งถ้าได้แร็ป ก็ถือว่าช่วยเยียวยาได้ดีมากๆ เลยครับ อีกอย่างคือ มีแมวจรที่มาที่บ้าน ถือว่าช่วยฮีลเรามากๆ ด้วยครับ"

เปลี่ยนสีผม..ครั้งแรกในชีวิต!

"(หัวเราะ) จริงๆ สีผมเพิ่งมาทำช่วงปลายๆ ปี 2021 เองครับ ก็ไม่เคยกล้าทำเลยครับ แต่พอทำแล้วรู้สึกดีมาก เหมือนมันปลดล็อคอะไรบางอย่างในตัวผม มันเป็นอะไรที่แปลก ซึ่งผมคิดว่าถ้ามันจะเกิดอีกทีคงไปการไปสักอะไรแบบนั้น ผมรู้สึกว่ามันเป็นความมั่นใจอะไรแปลกๆ ที่เกิดขึ้น ถ้าถามว่าบุคลิกต่างจากเดิมไหม อันนี้ผมก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันครับ ผมรู้สึกว่าผมก็ยังเป็นผมเหมือนเดิม" 

คนรอบข้างว่ายังไงบ้าง?

"ดีครับ มีคนชมเยอะครับ ดีใจครับ ผมรู้สึกมั่นใจขึ้น รู้สึกว่ามันเข้ากันพอดีด้วยครับ จริงๆ ผมเล็งว่าจะทำไว้อยู่แล้วครับ มันมีปฏิทินที่ค่ายเพลงทำออกมา ตอนนั้นจะมีถ่ายรูป ซึ่งเป็นรูปหน้าเราเนี่ยล่ะ ทีนี้เหมือนพี่ๆ เขาเอารูปเราไปรีทัชตีมวันเด็กครับ แล้วก็ล้อเล่นขำๆ ว่า ถ้าเด็กพวกนี้มันแก่มันจะหน้าตาเป็นยังไง ของผมตอนนั้นออกมาหัวหงอก หัวเทาไปเลย แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันได้อยู่นะ เลยลองทำดูละกัน" 

ตัวตนของ AUTTA

"จริงๆ ผมว่าแล้วแต่คนมองเลยครับ แต่ผมไม่ค่อยรู้ตัวเองเหมือนกันครับ หมายถึงว่า คนที่มองก็อาจจะรู้สึกแตกต่างกัน แล้วแต่มุมมอง แต่หลักๆ คือ ใช้ชีวิตเรียบง่ายดี"

แรงบันดาลใจ

"ผมชื่นชอบศิลปินแบบผลัดเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามวัย ถ้าเป็นสมัยตอนเล่นกีตาร์จะชอบมือกีตาร์ชื่อ จิม ฮอลล์ , จอร์จ เบนสัน ถ้าเป็นพาร์ทการแร็ป ก็จะเป็นเคนดริก ลามาร์ , เจ.โคล ถ้าเป็นเพลงป๊อบก็จะเป็น บรูโน่ เมเจอร์ , เร็กซ์ ออเรนจ์เคาน์ตี้ พวกนี้จะเป็นไอดอลหลักๆ ของผม แต่จริงๆ มีเยอะมากครับ ผมชอบหลายๆ ท่านครับ"

“เฮ้ย..กูอยากพูดเว้ย! อยากขบถเว้ย! ซึ่งฮิปฮอปมันมีแรงพลังตรงนั้นสูงมาก อารมณ์เรากินซาซิมิ พอมีความสด องค์ประกอบอื่นๆ แทบจะเป็นเรื่องรองไปเลยครับ”

เสน่ห์การแร็ปคืออะไร?

"ผมคิดว่ามันคือความเฟรช คือความดิบ ผมคิดว่าดนตรีที่มันป๊อบอัพขึ้นมา ในแต่เจเรเนชั่นมันคือ การขบถประมาณหนึ่งของคนที่ไม่อยากอยู่ในกรอบแล้วเว้ย เช่น ร็อคแอนด์โรล ไซดีเดลิค เมทัล แจ๊ส ตอนที่ทุกคนเล่นดนตรีคลาสสิค ทุกคนตามขนบธรรมเนียม แจ๊สแล้วบอกว่าฉันจะโซโล่อะไรก็ได้ในดนตรีและพื้นที่เท่าที่มีอยู่ คือดนตรีเหล่านี้ มันโดดเด่นได้ด้วยการตะโกนขึ้นมาว่า เฮ้ย..กูอยากพูดเว้ย! อยากขบถเว้ย! ซึ่งบางคนก็อาจจะไม่ชอบเลยก็ได้นะ บางคนก็อาจจะชอบมาก"

สิ่งที่ได้จากการทำเพลงแร็ป

"อยู่ดีๆ ก็มีอาชีพขึ้นมา มีงานมีเงิน มีเพื่อน มีสังคมอีกที่ต่างออกไปครับ คือ จริง ๆ ตอนม.6 ผมคิดภาพอนาคตและมองตัวเองไม่ออกเลยครับ สักนิดเดียวเลยครับ ตอนนั้นเราแข่งขันแล้วเราบอกกับตัวเองว่า เราเล่นแจ๊สเก่งๆ เพื่อให้มีงานเล่นที่โรงแรม บาร์แจ๊ส หรือ คลับแจ๊สต่างๆ ซึ่งพื้นที่มันค่อนข้างจำกัดมาก โอกาสในการเติบโตค่อนข้างยาก ฮิปฮอบและการทำเพลงมันให้ตรงนี้กับเราเยอะมาก มีคนช่วยซัพพอร์ตในสิ่งที่เราทำ ในดนตรีเยอะขึ้นครับ" 

เนื้อหาและการนำเสนอเพลง 

"มันเยอะมากเลยครับ และค่อนข้างกระจัดกระจาย ตามแต่ว่าตอนนั้นรู้สึกอะไรด้วยครับ มีตั้งแต่พ่อแง่แม่งอน หวานแหวว ไปจนถึงเพ้อฝัน ชายหนุ่มละเมอ ไปจนถึงเรื่องราวชีวิตที่เข้มข้น ด่ากราดหยาบคาย ค่อนข้างไม่ได้จำกัดตัวเองครับ รู้สึกอยากทำอยากพูดอะไรก็จะพูดครับ มีทั้งเรื่องของตัวเองและคนรอบข้างผสมกันไปครับ"

ประทับใจเวทีการแข่งขันไหน

"จริงๆ ก็ชอบทุกอันเลยครับ แต่รู้สึกสูบฉีดสุด น่าจะเป็น RAP IS NOW ครับ เราหลังชนฝามากเลยครับ มันไม่มีอะไรจะเสียสุดๆ แล้ว เราก็จะบ้าคลั่งนิดหนึ่งในการทำ เป็นคนตื่นเต้นง่าย ขี้ลืมง่าย ทุกเวทีไม่เคยทำได้เลย RAP IS NOW เป็นเวทีครั้งแรกๆ ที่ทำให้เราถึงจุดบีบคั้นมากที่สุดที่เราต้องทำให้ได้และเราก็ทำได้ เป็นเวทีที่สำคัญของผมมากเลยครับ เหมือนเราได้เอาส่วนลึกของจิตใจของเราออกมาจริงๆ ถ้าไม่ได้ไปยืนตรงนั้นมันจะอธิบายได้ยากมากว่ารู้สึกยังไง"

คุณต้องซ้อม ซ้อม และก็ซ้อม 

"ผมใช้ระบบเดียวกันกับการฝึกซ้อมดนตรีเลยครับ มีการแกะแร็ปเปอร์คนต่างๆ มา เอามาซ้อม เอามาเขียน พอเขียนแล้วเราต้องจำไปแข่ง ช่วงนั้นก็เข้าห้องซ้อมที่คณะเลยครับ เอาขวดน้ำมาเป็นไมค์ ทำท่ากระโดดโลดเต้นไป ที่เราเคยขึ้นเวทีมาต้องใช้พลังประมาณไหน ทำให้ร่างกายมันเหนื่อยเพื่อชินไป ซ้อมวนอยู่แบบนั้นตลอดและซ้อมแทบทุกวันครับ เพื่อให้ร่างกายมันชินครับ เล่นกีตาร์มันจะมีการอิมโพรไวซ์ ผมไม่ค่อยเก่ง แต่ถ้าจำจากบ้านไปเลยก็ทำได้ เลยคิดว่ามันเป็นดนตรีลักษณะประเภทเดียวกันกับการเล่นดนตรีก็เหมือนการแร็ป"

ถ้าต้องแนะนำคนที่อยากเป็นแร็ปเปอร์

"ผมว่าตอนนี้ศึกษาได้ง่ายขึ้น มีให้เห็นเยอะว่า มีสไตล์ไหนบ้างและสามารถทำแบบไหนได้บ้าง และมีช่องทางในการปล่อยเพลงมากขึ้น มีช่องทางให้คนรู้จักง่ายขึ้น แต่ในขณะเดียวกันมันก็จะสูงขึ้น ออกแนวฟรีมาร์เก็ต เพราะมันทำง่าย อุปกรณ์ราคาถูกลง ถ้าอยากจะทำให้เรามีแวลูขึ้นมาในความเป็นแบรนด์ชื่อเรา มันต้องมีความแตกต่าง มีความครีเอทีฟ พอทุกคนทำได้เหมือนเรา อะไรที่จะทำให้คนฟังเลือกเรามันก็เป็นเรื่องที่เราต้องพัฒนาไปด้วย แต่ถ้าทำเพื่อความสุขใจก็ตัดเรื่องพวกนี้ทิ้งไปได้เลย" 

การแข่งขันคือ คอรส์เร่งรัดให้เก่งขึ้น!

"การประกวดมันเหมือนคอร์สเร่งด่วน หลักสูตรเร่งรัด ไม่ต้องเรียนก็ได้ ซึ่งคอร์สเร่งรัดนี้ คุณจะได้พบกับปัญหามากมายเข้ามารุมเร้าในระยะประชิดมากๆ อย่างตอนผมแข่ง 1 เดือนตรวจและส่งเนื้อ จำท่าเต้น จำท่าบล็อกกิ้ง ซึ่งเราต้องทำแบบนี้จำนวนหลายๆ รอบ จนร่างกายมันชินและสามารถปรับ นอกเหนือจากชื่อเสียงและรางวัลที่จะได้จากการแข่ง มันเป็นการพัฒนาตัวตนที่ค่อนข้างแข็งแรงและเร็ว ถือว่าดีสำหรับคนที่อยากพัฒนาเรื่องภายใน ส่วนชื่อเสียงและความดัง มันคือผล กำไรมากกว่า"

พูดถึง ANOTHER LEVEL หน่อย

"เป็นเรื่องที่เจอมาตลอดครับ เรายังไม่มีเพลงที่เป็น represent มันคือวัฒนธรรมหนึ่่งของฮิปฮอบ ซึ่งจะมีการอวดอ้างสรรพคุณ ว่าฉันดียังไง ฉันเก่งยังไง คุณถึงต้องเคารพ ที่มาของเพลงนี้คือ มีคุณ Luke ชาวออสเตรเลีย เขาเป็นนัก reaction บนยูทูปและฟังเพลงผมและส่งมาให้ดูว่า "ทำไมคุณเลิกแร็ปไปแล้ว ผมชอบนะ" เราก็เฮ้ย ยังทำงานอยู่นะครับ ก็เลยอยากทำเพลงที่รีแอคต่อสิ่งนี้ ว่าเราไปทำอะไรมา ทำอะไรอยู่ และเราก็ยังไม่ได้เลิกแร็ป เพราะเราเป็นคนที่มักจะถูกมองข้ามในวงการฮิปฮอบ เราแค่รู้สึกตลอด"

เบื้องหลังการทำงาน ANOTHER LEVEL

"ตัวเพลงมีความยากในการเขียนอย่างหนึ่งครับ เทคนิคทางดนตรีหลายๆ อย่างมาผสมกัน ซึ่งยังไม่ค่อยมีคนไทยทำแบบนี้บนเพลงแรปไทย และจะมีเรื่องทางดนตรีอีกอย่างคือ การเปลี่ยนไทม์ซิกเนเจอร์ มีการเปลี่ยนจังหวะค่อนข้างเยอะ มีมายากลค่อนข้างเยอะในเพลง ที่มันเป็นอัตลักษณ์และเอกลักษณ์ของแนวดนตรี - Progressive Rock  ซึ่งผมกับเพื่อนรู้สึกมานานว่า Progressive Rock มันเข้ากับฮิปฮอปได้ดี มันยากตรงเทคนิคที่ต้องเขียนเพื่อสนองนีดของตนเองและยังมีความหมาย ยังให้อารมณ์และความคิด ให้การคิดต่อยอดกับคนฟังได้"

MV ANOTHER LEVEL

"เหนื่อยมากเลยครับ (หัวเราะ) ปกติจะมีตัวคนอื่นดำเนินเรื่อง แต่อันนี้คือ เราล้วน ๆ ถ่าย 12-13 ชั่วโมงครับ เหนื่อยมากครับ แดดร้อนๆ ไม่มีต้นไม้เลย ต้องวิ่งตลอด เหนื่อยมาก ตื่นมาก็คือปวดหลัง ต้องนวดเลย คือไม่ไหว (หัวเราะ) สถานที่คือจังหวัดประจวบฯ ครับ ถ่ายตั้งแต่บ่ายถึงสี่ห้าทุ่ม"

ขาว-ดำ

"ภาพขาวดำผมให้ผู้กำกับจัดการเลยครับ คือพี่ Mangto และพี่โจ้ Phenomenyx ครับ ผมแทบจะไม่มีเอ็มวีไลน์ซิงค์เลยครับ พูดร้องแร็ปอย่างเดียว ไม่เคยมี เพราะต้องมีสตอรี่ตลอด รู้สึกว่าการมีสตอรี่แบบนี้มันจะเบี่ยงเบนความสนใจจากเนื้อเพลง การทำเอ็มวีไลน์ซิงค์เลยตอบโจทย์กับเนื้อเพลงล้วนๆ เลย" 

อัดและบันทึกเสียง 

"อันนี้ผมอัดเองหมดเลยครับ กดเข้าคอม ตอนแรกพยายามจะอัดกับโปรดิวซ์เซอร์ครับ แต่เราชอบเกรงใจและชอบเกร็งติดอยู่ในคอมฟอร์ทโซนตัวเอง ไม่กล้าร้องแล้วเราก็จะเกร็ง เลยเอามาอัดเอง แต่ความยากมันจะอยู่ที่ ผมเป็นคนใช้เวลาอัดเยอะมาก ซึ่งถ้าไปทำกับเพื่อนน่าจะล้าไปก่อน เลยเหนื่อยก็นอนแล้วตื่นขึ้นมาทำใหม่ แต่ตอนนี้ข้างห้องก่อสร้าง บางท่อนก็จะมีเสียงกรีดเหล็ก เสียงทุบ ด้วยครับ เราไม่ได้ตั้งใจให้เสียงมันเข้า แต่เทคนั้นดีสุดครับ"

ทุกท่อนสะกดคนฟัง!

"จริงๆ มันไม่ได้เร็วมากขนาดนั้น แต่ผมใช้มายากลนิดหนึ่งครับ ถ้าไปเทียบ Mirror Mirror ของ MILLI จะเร็วกว่า ผมเริ่มมีสูตรบางอย่าง ที่สามารถรีเซ็ทหูและหลอกว่ามันเร็วได้ ความยากมันน่าจะอยู่ที่ตัว accent ข้างใน มันน่าจะผิดธรรมชาตินิดหนึ่ง เพราะคนที่แร็ปเร็วๆ มากๆ จะแร็ปได้เร็วกว่านี้แบบสบายๆ แต่มันยังมีเรื่องของคำ เนื้อเพลง และภาพที่เร้าอารมณ์ มันเป็นเรื่องของอารมณ์ที่ผมตั้งใจส่งไปให้รู้สึก intense ให้รู้สึกเหนื่อยกับการฟัง ทั้งหมดทั้งมวลเรียกว่า Conscious Rap"

AUTTA - ANTLV (Prod. by Mick Petchpoom) / ENG/JPN | YUPP!

https://www.youtube.com/watch?v=mw-MiNh9uQM

คอสตูม 

"เสื้อผ้า เราปรึกษาร่วมกันกับพี่ๆ ผู้กำกับ มีพี่สไตล์ลิสต์ช่วยเลือกให้ พี่โลมาครับ เหมือนจะรู้ว่าถ้าแต่งออกมาแบบนี้น่าจะดีกับเรา ก็จะไกด์ๆ ไป ซึ่งพี่ๆ เขาคิดไว้อยู่แล้ว ไปลองเสื้อผ้า ลองปรับโหมดเป็นขาวดำ"

รู้สึกยังไงกับฟีดแบค

"ยินดีมากครับ เราไม่ได้คาดหวังขนาดนั้นว่ามันต้องมีคนมาตอบรับอะไรมากมาย แต่เราตั้งใจทำงานที่เราชอบและมีคนสนับสนุนก็ดีใจมากแล้วครับ คงเป็นมาตรฐานที่เซ็ทตัวเราเองว่าต้องทำออกมาให้ดีขึ้น"

ANOTHER LEVEL ของ AUTTA คือ

"ตามเพลงเลยครับ จริงๆ ตอนแรกตีความว่า ฉันเจ๋ง ฉันเก่งกว่าแก แต่พอทำไปเรื่อยๆ เราก็ค้นพบว่า เราไม่สามารถเป็นนายสุดเจ๋งตลอดได้ เราไม่สามารถเป็นที่ 1 ตลอดเวลา เราแค่ทำให้มันดีขึ้นไปเรื่อยๆ ก็พอแล้วครับ" 

มอง AUTTA ในอนาคตอย่างไร

"ทำไปเรื่อยๆ รู้สึกว่าเป็นแบบนี้ก็ต้องทำแบบนั้น มีแพลนคร่าวๆ และลุยครับ ทำเต็มที่ในทุกๆ งาน และทุกๆ อย่างที่ทำครับ"