Art

ความเป็นไทย พลังคนรุ่นใหม่ และการโคจรมาเจอกันของ ‘Seventh of July’ กับ ‘Zeedox’ ใน ‘The Converse Campus Beat’

สำหรับคุณ ‘พลังของคนรุ่นใหม่’ หมายถึงอะไร? แล้วพลังที่ว่าจะสามารถเป็นอะไรได้บ้าง? ถ้านึกไม่ออกลองมาทำความรู้จักกับศิลปินรุ่นใหม่อย่าง 4 หนุ่ม มิ่ง (ร้องนำ/กีตาร์), มีโอ (เบส), ไอซ์ (กลอง), ทรั้ง (กีตาร์ลีด) จาก ‘Seventh of July’ และศิลปิน All Stars ซี – เวหยุทธ์ เกตุปัญญา หรือ ‘Zeedox’ ที่โคจรมาสาดพลังของคนรุ่นใหม่ ในโปรเจกต์พิเศษ ‘The Converse Campus Beat’ เพราะการรวมพลังของคนจากต่างสายงาน เพื่อสร้างสรรค์สิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน คือสิ่งที่ Converse All Stars เชื่อมาเสมอ เช่นเดียวกับโปรเจกต์นี้ที่ Converse ตั้งใจที่จะนำศิลปินสมาชิก All Stars มาร่วมมือกับศิลปินรุ่นใหม่จากค่าย Whattheduck และนักศึกษาสาขาดนตรีไทย เพื่อสร้างสรรค์รสชาติใหม่ทางดนตรี โดยทั้ง 2 ศิลปิน จะนำเพลงฮิตของตัวเองมาสลับกัน Arrange ใหม่ ในแบบที่เราต่างไม่เคยได้ฟังจากเพลงเวอร์ชั่นออริจินัลแน่นอน โอกาสดีๆ แบบนี้ EQ ก็ไม่พลาดที่จะชวนทั้ง 5 หนุ่มมาแชร์เรื่องราวบนเส้นทางสายดนตรี, ความท้าทายของโปรเจกต์พิเศษกับ Converse, ความ Original ในแบบของพวกเขา และความเป็นไทยที่ซ่อนอยู่ในตัว ก่อนชวนทุกคนมาระเบิดพลังของคนรุ่นใหม่ไปพร้อมๆ กัน

ตัวตนบนเส้นทางสายดนตรี

‘ขอสัก 1 คำ ที่บอกความเป็นตัวตนของเรามากที่สุด’ เป็นคำถามที่เริ่มใช้ทำความรู้จักกับทั้ง 2 ศิลปินรุ่นใหม่ ซึ่งคำตอบที่ได้ก็ทำให้หายสงสัยว่า ทำไมพวกเขาถึงได้โคจรมาเจอกันในโปรเจกต์นี้

ซี Zeedox: ‘Trippy’ คำนี้แหละครับ เพราะรู้สึกว่าหัวตัวเองมัน Trippy 

มิ่ง Seventh of July: คงจะเป็น ‘สนุก’

มีโอ Seventh of July: ‘งงๆ มึนๆ’

ไอซ์ Seventh of July: สำหรับผมคงมองเป็น ‘เพื่อน’ ครับ

ทรั้ง Seventh of July: น่าจะเป็น ‘ฟุ้งๆ’

มิ่ง Seventh of July: เน้นที่คำว่า ‘งงๆ’ ครับ

“ทำงานด้วยกัน ถ้าไม่ใช่พวกนี้ก็ทำกับคนอื่นไม่ได้” – ไอซ์​ Seventh of July

คาแร็กเตอร์มึนๆ งงๆ ของพวกเขาไม่ใช่จุดร่วมเดียวที่ทำให้สัมผัสได้ถึงคอนเนกชั่นบางอย่างจากศิลปินคู่นี้ เพราะเมื่อถามถึงสไตล์เพลงของพวกเขา ทั้ง 2 ศิลปินก็ยังมีจุดร่วมทางดนตรีที่ใกล้ๆ กันอีก

ไอซ์ Seventh of July: ให้พูดตอนนี้เราก็คงจะเป็นวง Hippie/Indie แต่มันก็ยังอยู่บนพื้นฐานของ Dream Pop

ซี Zeedox: ผมจะพูดว่าสไตล์ของผมมันคือ Indie Pop แล้วกันครับ เป็นเพลงป็อปที่ทำโดย Independent ไม่ได้ทำกับค่าย ไม่ได้มีสูตรตายตัว

ถึงจะเห็นว่ามีจุดร่วมใกล้เคียงกันแบบนี้ แต่จริงๆ แล้วพวกเขามาจากพื้นฐานทางดนตรีที่ต่างกันสุดๆ

ไอซ์ Seventh of July: จริงๆ เราฟังเพลงกันคนละขั้วเลย ก่อนที่จะมาเจอกันผมมาจากดนตรีแรงๆ เลยครับ ด้วยความเป็นมือกลองก็จะมาจากเพลงร็อกแบบหนักๆ เลยครับ พอมาเล่นแรกๆ เหมือนต้องล้างหูใหม่หมดเลย (หัวเราะ)

มิ่ง Seventh of July: ผมเป็นฝั่ง Dream Pop, Lo-fi ชอบความลอยๆ ฟุ้งๆ

ไอซ์ Seventh of July: ตอนแรกผมก็เป็นหนึ่งในคนที่แบบ ‘อะไรของมันวะ’ เพลงแรกก็ไม่ได้เก็ทขนาดนั้น ก็ค่อยๆ ซึมซับมา

มิ่ง Seventh of July: ผมก็ยังตกใจเลยว่า เขาฟังกันขนาดนี้เลยเหรอ คนเขาชอบกันเฉยเลย 

ทรั้ง Seventh of July: ของผมช่วงมัธยมก็ฟัง Metallica, The Beatles ไม่ได้ฟัง Dream Pop เลย ตอนแรกที่รู้จัก Seventh of July ก่อนเข้ามาอยู่ ผมก็ยังแบบ ‘อะไรวะเนี่ย’ ฟังไม่ถึงครึ่งเพลงก็ปิดแล้ว แต่พอได้มารู้จักมิ่ง ได้มาอยู่ในวง ได้ซึมซับ Dream Pop มาเรื่อยๆ ตอนนี้ก็กลายเป็นชอบ Dream Pop ไปแล้ว

มีโอ Seventh of July: ของผมก็จะฟังได้ทุกแนวเลยครับ ก็แล้วแต่วัย ถ้าเป็นช่วงประถมก็จะฟัง Taylor Swift หรือ EDM พอมามัธยมก็จะไปทาง Folk แล้ว มันก็จะรวมๆ กันมา เพราะว่าผมชอบเล่นกับหลายๆ คน ก็ต้องฟังหลากหลายแนว

ซี Zeedox: ผมโตมากับ Paradox, อพาร์ตเมนต์คุณป้า แล้วก็ไปเจอ Artic Monkeys จนไป Brit Pop ยุค 90s ไปเพลงยุค 90s ของอเมริกาต่อ ย้อนไป 80s 70s 60s ลงไปเรื่อยๆ 

“เหมือนมันถอยหลังไปเรื่อยๆ แล้วผมจะเอาสิ่งที่ซึมซับจากตรงนั้นมาทำเพลง มากกว่าที่จะซึมซับจากเพลงยุคใหม่” – ซี Zeedox

แน่นอนว่าทั้ง 5 คนเป็นวัยรุ่น ย่อมผ่านช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อกันมาทุกคน เลยอดที่จะถามไม่ได้ว่า มีวีรกรรมอะไรบ้างไหมที่พอมองย้อนกลับไปแล้ว ‘ถ้าไม่ทำคงไม่ได้มาถึงจุดนี้’

ไอซ์ Seventh of July: ผมขอเล่าก่อนเลย ตอนที่ผมอยู่วงโยฯ (ช่วงม.ต้น) ตอนนั้นผลการเรียนตกมาก ที่บ้านก็อยากให้ออกจากวง เขายื่นข้อเสนอที่ตามใจเรามากๆ เพื่อให้ออกจากวงโยฯ ตอนนั้นไปปรึกษาเพื่อน เพื่อนก็บอกให้ออกเถอะ ออกมาแล้วมันจะใช้ชีวิตง่ายขึ้น แล้วผมก็เลือกที่จะไม่ออก (หัวเราะ) ผมเลือกที่จะอยู่กับมัน เลือกที่จะรักดนตรี ตัดสินใจว่าฉันชอบดนตรีวันนั้นเลย 

มิ่ง Seventh of July: ของผมคงเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านระหว่างเล่นแซ็กฯ ในวงโยฯ กับเล่นกีต้าร์ ถ้าผมไม่เลือกทิ้งสิ่งที่ผมเก่งอยู่แล้ว แล้วออกมาทำสิ่งที่เรามีไอเดีย แต่ไม่ได้เก่งเท่าคนอื่น ถ้าผมไม่เริ่มที่จะออกมาปั้นเดโม่ ก็คงไม่มี Seventh of July วันนี้ครับ

ทรั้ง Seventh of July: ของผมน่าจะเป็นเรื่องที่ตัดสินใจเข้าคณะดุริยางค์ นี่แหละครับ ตอนแรกผมกะว่าจะไม่ได้เรียนดุริยางค์แล้ว เพราะเล็งสายภาษาไว้ก่อน แต่ก็คุยกับที่บ้านไว้ว่าอยากเรียนดนตรี ตอนแรกเขาก็เหมือนจะไม่สนับสนุน แต่ก็อธิบายจนเขาเข้าใจว่า มันเป็นสิ่งที่เราชอบจริงๆ ถ้าวันนั้นไม่ได้เลือกดุริยางค์ ก็คงไม่ได้มาอยู่ตรงนี้

มีโอ Seventh of July: ถ้าวันนั้นไม่ได้เล่นเกมกับเพื่อนคงไม่มีวันนี้ เพราะวันนั้นนั่งเล่นเกมกับเพื่อน 3 คนอยู่ครับ มีเพื่อนคนหนึ่งบอกว่า ‘เราออกไปซ้อมดนตรีกันไหม’ อีกวันก็ออกไปซ้อมเลยครับ 

ซี Zeedox: มันเป็นเรื่องเล็กๆ นะครับ ก่อนหน้านี้ผมเล่นกีต้าร์ให้ แดเนียล (Daniel Ryn) ถ้าผมไม่ได้ตอบตกลงไปเล่นให้เขาในวันนั้น ผมก็คงไม่ได้เริ่มอะไรแบบนี้ ก็เป็นครั้งแรกที่ผมได้ออกไปเล่นข้างนอก ได้เห็นว่าคอมมูนิตี้นี้ ดนตรีซีนนี้มันเป็นอย่างไร 

“ถ้าไม่ได้ออกไปในวันนั้น ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้ออกไปตอนไหน” – ซี Zeedox

จากความมึนๆ สไตล์เพลงที่ไม่มีขีดจำกัด และเส้นทางบนสายดนตรี ทำให้อยากรู้ว่า ‘พวกเขาชอบสิ่งที่เป็นอยู่ในวันนี้ไหม?’

ไอซ์ Seventh of July: ผมชอบพาร์ทการทำงานแบบนี้เหมือนกันนะครับ แต่ก็ตีกันบ่อยมาก (หัวเราะ)

มีโอ Seventh of July: ถ้าไม่ใช่ 4 คนนี้ผมก็คงไม่กล้าทะเลาะด้วย

ซี Zeedox: ตอนนี้มันเป็นช่วงที่ผมชอบตัวเองที่สุดแล้ว จากทุกตอน เพราะว่ามันเหมือนเราขัดเกลาอะไรมาพอแล้ว ไม่ได้เยอะมาก ไม่ได้เก่งมาก กำลังพอดีๆ ที่จะไปต่อบนถนนตัวเองได้แล้ว ไม่ต้องไปซึมซับอะไร

‘Bad Trip’ และ ‘Still’ 2 เพลงที่สลับกันทำใหม่ กับสไตล์ที่เปลี่ยนไปของ Seventh of July และ Zeedox

อย่างที่เล่าไปในตอนต้นว่าโปรเจกต์พิเศษของทาง Coverse นี้ คือการดึงเอาศิลปินรุ่นใหม่มาคอลแลบฯ กัน ผ่านการสร้างสรรค์ผลงานเพลงที่ Arrange ขึ้นใหม่ เพื่อโชว์สไตล์ของตัวเอง ซึ่ง Seventh of July ก็ได้เลือกเพลงBad Trip ของ Zeedox มา Re-arrange ให้กลายเป็นเพลงที่เจ้าตัวบอกว่า ‘ร้ายๆ’ ขึ้นจากต้นฉบับแน่นอน ขณะที่ฝั่งของศิลปิน All Stars อย่าง Zeedox ก็เลือกเพลง Still (ยังคงอยู่)ของ 4 หนุ่มมาทำใหม่ในสไตล์พั้งก์-ร็อก ที่ชวนให้ได้ย้อนนึกถึงความทรงจำจากยุค 2000s

ไอซ์ Seventh of July: ในโปรเจกต์นี้ได้ทำหลายอย่างเลยครับ

มิ่ง Seventh of July: เราได้เลือกเพลงของกันและกัน มา Arrange ทำใหม่ ได้ทำทุกอย่างเลย ยกเว้น Master 

ซี Zeedox: ผมก็เริ่มตั้งแต่เลือกเพลงของ Seventh of July ไปไล่ฟังว่า เพลงไหนโดนบ้าง ผมไม่ได้เลือกเพลงที่ฟังยาก เพราะต้องเอามาทำเป็นสไตล์ของตัวเอง แต่พอเป็นเพลงที่ Complete อยู่แล้ว ผมฟังบ่อยๆ ก็ไปติดสไตล์ของเขามา เลยเปลี่ยนวิธีเป็นแกะคอร์ด เอาแต่เนื้อมา แล้วปิดเพลงไปเลย จะได้ไม่งงว่าที่เขาทำไว้คืออะไร 

เมื่อต้องเอาเพลงต้นฉบับที่มีเอกลักษณ์ชัดเจนมาทำให้เป็นเวอร์ชั่นใหม่ พวกเขาเลยต้องขนไอเดียมาตีความให้เพลงในโปรเจกต์นี้น่าสนใจ และแตกต่างไปจากเดิม

ไอซ์ Seventh of July: จริงๆ พอฟัง (Bad Trip) แล้วมันเห็นภาพเลยครับ ว่ามันจะไปทางไหน จังหวะมันจะออกมาเร็วขึ้น เพลงเดิมเขาจะมีความชิลมากๆ 

มิ่ง Seventh of July: เราเลือกทำอีกแบบหนึ่งที่ต่างจากเพลงอื่นๆ ของเรา และต้นฉบับ

มีโอ Seventh of July: มันเป็น Bad Trip ในเวอร์ชั่นที่แบดกว่าเดิม

ทรั้ง Seventh of July: เพิ่มความแบดเข้าไป ให้มันร้ายขึ้น

ซี Zeedox: ส่วนผมคิดถึงความพั้งก์ ความร็อก ความแรง มันจะได้คอนทราสต์กับเพลงต้นฉบับ แต่พอให้เพื่อนฟัง เพื่อนก็บอกว่า มีความคล้าย Paradox อยู่ ซึ่งก็คงเป็นแรงบันดาลใจที่มันแทรกอยู่ในตัวผมอยู่แล้ว บวกกับวงพังก์ วงร็อกเก่าๆ ที่ผมลองเอามาใช้ดู

มิ่ง Seventh of July: ตอนทำเพลงเราไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไร เหมือนเราก็เพิ่งเคยเจอกัน แต่ได้ฟังเพลง (Bad Trip) ครั้งแรกก็ชอบ แล้วก็หยิบเลย (ตอนทำงาน)แทบจะไม่ได้แชร์อะไรกันเลยครับ (หัวเราะ) ต่างคนต่างมีวิธีของตัวเอง ก็ซัดเอาเลยครับ แล้วก็มาเจอกันหน้างาน

ไอซ์ Seventh of July: เจอกันครั้งแรกตอนเล่นที่งานเลย แต่พอได้คุยกันก็รู้สึกนับถือใจเขามากๆ ชื่นชอบครับ พี่ซีเขาทำให้ผมเห็นว่า เรื่องที่เราคิดว่าทำไม่ได้ มันทำได้นะ พี่ซีเป่าแคนเองในวันที่เล่นจริง แล้วเขาฝึกวันนั้นเลย ผมชอบตรงนี้มาก

ซี Zeedox: ผมรู้สึกว่า ผมไม่ได้แก่มากหรอก แต่ผมฟังอะไรที่มันเก่าแล้ว พอได้มาเจอวงนี้ มันเหมือนผมได้ซึมซับความเป็น New Generation บางอย่าง บางเรื่องที่คนรุ่นใหม่เขารู้กัน แต่ผมยังไม่รู้ ก็ได้ลองเอาไปใช้กับตัวเองบ้าง ไม่รู้มันคืออะไร แต่ก็พยายามศึกษาไปเรื่อยๆ แล้วผมก็โยนความ Alternative ยุค 2000s ลงไป ความ Silly Fools ความ Paradox ก็โยนอะไรพวกนั้นลงไป แต่ใช้ทางคอร์ดแบบใหม่

ไอซ์ Seventh of July: ผมว่าพี่เขายังวัยรุ่นอยู่ครับ เด็กแนว สไตล์พี่ซีเขาเท่ 

ซี Zeedox: ผมรู้สึกได้ถึงพลังวัยรุ่นครับ (หัวเราะ) ของผมมันกำลังจะหมดไปไง แต่พวกนี้เขายังเต็มกันอยู่ ผมก็ต้องขุนความเป็นวัยรุ่นกลับมา 

“มันก็เติมไฟความเป็นวัยรุ่นสำหรับเราเหมือนกัน ผมก็มองว่า มันใหม่สำหรับเราเหมือนกันนะ สำหรับผมพี่เขาไม่ได้เก่า” – มิ่ง Seventh of July

เรื่อง ‘ไทยๆ’ ที่ไม่ได้อยู่แค่ในงาน

อีกหนึ่งความพิเศษของโปรเจกต์นี้คือ การเชื่อมต่อดนตรีจากโลกเก่า และโลกใหม่เข้าด้วยกัน เพราะ All Stars ยังคงเชื่อว่า ทุกคนมีแรงบันดาลใจจากสิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้วในอดีต ดนตรีก็เช่นกัน เหมือนกับการผสมผสานดนตรีไทยไว้ในเพลง ของศิลปิน All Stars และศิลปินรุ่นใหม่อย่าง Zeedox กับ Seventh of July พูดมาถึงจุดนี้ทั้ง 5 หนุ่ม ก็เริ่มช่วยกันแชร์ความรู้สึกตอนที่ได้ฟังการผสานความดั้งเดิม และความเป็นคนรุ่นใหม่ของโปรเจกต์นี้

มีโอ Seventh of July: ตอนผมได้ฟังก็รู้สึกว้าวมาก

มิ่ง Seventh of July: ผมว่ามันก็เข้ากันได้ดีอยู่นะ เป็น Sound ที่หลากหลายขึ้น เป็นกลิ่นใหม่ เพราะเพลงของ Seventh of July มันก็จะมีสเกลเมโลดี้ที่ระนาดเขาใช้กันอยู่แล้ว

ซี Zeedox: ผมค่อนข้างว้าว เพราะตอนแรกที่คิดไว้ในหัวว่า มันต้องมีแคน มันถูกต้องแล้ว พอแคนเข้ามามันเหมือนเพิ่มอะไรสักอย่างให้เต็มขึ้น เหมือนเป็นสองสีที่รวมกันแล้วออกมาเป็นสีใหม่

ได้ฟังแบบนี้แล้วคงอดไม่ได้ที่จะถามพวกเขาต่อถึงความ ‘ไทยๆ’ ที่ซ่อนอยู่ในตัวของพวกเขา และมัน Inspire อะไรบ้างในการทำงานดนตรี

ไอซ์ Seventh of July: จริงๆ ผมกับมิ่งเคยประกวดลูกทุ่งมาก่อน ก็จะมีพวกดนตรีไทยอยู่ อาจารย์เขาก็ฝากฝังเรามาบ้างเหมือนกันครับ แล้วก็รู้สึกว่าชอบเสียงระนาดที่สุดแล้ว (ซึ่งเสียงระนาดก็ถูกใส่ไว้ในโปรเจกต์นี้ของ Seventh of July ด้วย)

ซี Zeedox: มันมีความไทยอยู่ครับ แต่มันจะไม่ใช่ความไทยแบบท้องถิ่น โบราณ เก่าๆ เหมือนเครื่องดนตรีที่เอามาใช้ มันจะเป็นความไทยจากยุค 2000s ของเรา ผมนึกถึงตรงนั้นเยอะมาก ความวัยรุ่นไทยยุคนั้น ถึงตอนนั้นผมจะไม่ใช่วัยรุ่นหรอก ผมยังเป็นเด็กอยู่ (หัวเราะ)

ตัวตนในแบบ ‘Original’

พูดถึงความดั้งเดิมของดนตรีไทยไปแล้ว คงต้องมาดูกันบ้างว่า ตัวตนในแบบ ‘Original’ ของทั้ง 2 ศิลปินจะเป็นอย่างไร และมันสำคัญกับพวกเขาขนาดไหน

ซี Zeedox: สำหรับผมความดั้งเดิมคือ การซึมซับจากไอดอลทุกคนที่ชื่นชอบ จนมันหลอมรวมเป็นตัวเราเอง เหมือนเราเก็บทุกอย่างมาจนรู้ว่าตัวเองจะไปในทางไหน แล้วก็สร้างตัวตนของเราไปเรื่อยๆ ครับ 

มิ่ง Seventh of July: ‘ความดั้งเดิมคือผม’ เพราะเริ่มแรกมันมาจากผมแค่คนเดียวเลย จนตอนนี้ก็ฉีกออกมาจากเดิมพอสมควร เพราะเรามีกัน 4 คน ก็มีหลายไอเดียมากขึ้น

ทรั้ง Seventh of July: ผมก็คิดเหมือนมิ่งว่า Seventh of July มีตัวตนของมิ่งอยู่ มิ่งเป็นคนเริ่ม ทั้งเรื่องเพลง และอีกหลายเรื่องๆ 

ไอซ์ Seventh of July: เปอร์เซ็นต์เพลงส่วนใหญ่ก็จะมาจากมิ่ง

มีโอ Seventh of July: เราเพิ่งมาปรับกันในเพลงใหม่ที่เพิ่งปล่อยไป ก�