Art

เสพศิลป์แบบไม่สิ้นศรัทธา..ผ่านยันต์มงคลหนุนดวงอาจารย์หนู กับ Dee sweet drug

Deesweetdrug X Ajarn Noo Kanpai: Rediscovering Faith Through Contemporary Art

"อาจารย์หนูเคยบอกว่า ใครก็เขียนได้ ใครก็ลอกลายได้ แต่คนให้มนต์คาถานั้นต่างหากที่สำคัญ ซึ่งนั่นล่ะที่เป็นเหตุผลสำคัญที่เราต้องคอลแลปกับเขา เพราะเขาคือตัวจริง"

ความเชื่อ-ความศรัทธา เป็นของที่อยู่คู่กันกับคนไทย สิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจอาจเป็นใบเบิกทางในการใช้ชีวิตสำหรับใครหลายๆ คน ซึ่ง ดี - ชาญณรงค์ ขลุกเอียด หรือ Dee sweetdrug ผุดไอเดียจากความเชื่อและแรงศรัทธาของตนเองและคนรอบข้าง จนสรรสร้าง "ภาพยันต์มงคลหนุนดวง" ที่ร่วมคอลแลปกับอาจารย์หนู กูรูสายมูตัวจริง!

แล้วก่อนหน้านี้ทำอะไรมาบ้าง?

ทำงานศิลปะมาตั้งแต่สมัยเรียน ปี 1 ก็เริ่มเปิดแบรนด์เสื้อผ้า ขายในงานกิฟท์มหาวิทยาลัยศิลปากร ทำกับเพื่อนอีก 2 คน อยากทำจริงจัง เลยไปเปิดที่จตุจักร และในห้างสรรพสินค้า ก่อนเรียนจบเลยมีร้านขายเสื้อผ้าเป็นงานหลัก จบมาก็ไม่ได้ทำงานอย่างอื่น ที่เพิ่มเติมคือเรียนจบแล้วมีเวลามากขึ้น เลยได้ทำงานศิลปะส่วนตัว จัดแสดงเอ็กซิบิชั่น ทำงานประกวดไปด้วย และทำงานอีเวนท์ศิลปะ&ดนตรี ชื่อ Area-Five 

เราส่งผลงานประกวด ได้เข้าร่วมแสดงในหลายรายการ ได้รางวัลบ้างไม่ได้บ้าง แต่แค่ได้ร่วมแสดง ก็ถือว่าได้รางวัลแล้ว เราคิดว่าผลงานของเราคงมีคนชื่นชอบ และไปต่อได้ เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งเอารูปผลงานไปส่งให้แกลลอรี่ดู  ใส่ซีดีไปให้ เขาชอบและได้จัดแสดงผลงานที่ สีลมแกลอรี่ จากนั้นก็มีแกลลอรี่อื่นติดต่อขอดูผลงานและซื้องาน เราเลยขายงานได้ตั้งแต่เรียนจบ ซึ่งเขาซื้อเยอะมาก เลยมีเงินก้อนจากงานศิลปะ เราเลยต้องหาเวลามาทำงานศิลปะด้วย 

ส่วนแบรนด์เสื้อที่ทำอยู่มันยากจะถอนตัวแล้ว เพราะและเริ่มไว้ก่อนแล้ว เราเลยรันแบรนด์ไปเรื่อย ๆ จนมาถึงช่วงเวลาหนึ่งที่รู้สึกว่า มันไม่ได้เป็นแบรนด์และถูกพูดถึงขนาดนั้น เรามีความรู้ด้านศิลปะเพียงอย่างเดียว เลยต้องไปอบรมเพิ่มเกี่ยวกับแฟชั่น เพื่อเป็น Applied Artist เรียนอยู่ 2 ปี เพราะต้องเข้าใจแฟชั่นจริงๆ 

Dee sweetdrug อยู่ในประเภทไหน

เราคือ Applied Artist เพราะเราไม่อยากจำกัดความ เนื่องจากยุคสมัยนี้เป็นเรื่องของการประยุกต์ เราเชื่อว่างานศิลปะและงานออกแบบเกิดจากการ Applied เรื่องเก่า ๆ มาเล่าใหม่ งานของเราเล่าถูกจังหวะ ถูกเวลา และถูกที่ เราคือคนประยุกต์คนหนึ่งที่รู้ว่า ช่วงเวลานี้ จังหวะนี้ เรื่องราวนี้ เราจะพูดถึงอะไร ก็นำมาประยุกต์ใช้กับสีของเรา ลายเส้นของเรา และรูปลักษณ์ที่เคยมีมาแล้ว แบรนด์เสื้อผ้าเราคือการ Applied เรื่องราวต่าง ๆ มาสู่เสื้อผ้า ส่วนงานศิลปะคือ การ Applied เรื่องราวต่าง ๆ มาสู่งานศิลปะ

มันไม่ผิดกฎหรือวัฒนธรรมของศาสนาใดๆ ทั้งสิ้น ตราบใดที่คุณไม่ไปล่วงเกิน หรือ เอาไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม วัตถุประสงค์แรกของการใช้งานหรือการทำงาน เราอยากทำออกมาให้สวยงาม เพราะศิลปะช่วยจรรโลงโลก เราถูกสอนมาว่า ศิลปะเกิดมาเพื่อรับใช้สังคม

งานเซ็ทอาจารย์หนู "ภาพยันต์มงคลหนุนดวง"

เป็นการร่วมงานข้ามสายงาน ข้ามอายุ ข้ามหลาย ๆ อย่าง มันส่งผลต่อตัวเรา สังคม และประเทศด้วย เพราะเราถือว่างานศิลปะครั้งนี้คือ Soft Power ไม่ใช่แค่ตัวเราที่ร่วมงานกับอาจารย์หนู อาจเป็นศิลปินคนอื่น ๆ ร่วมงานกับอาจารย์ท่านอื่น ๆ อีก 10-20 คน แต่สุดท้ายมันขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้านภาพมงคล วัตถุมงคล และวัฒนธรรม ซึ่งอาจจะไปสู่ระดับโลกได้ด้วย เพราะไม่ใช่แค่ภาพวาด แต่มีความเชื่อและพูดถึงวัฒนธรรมอย่างเข้มมาก ระยะเวลาที่ได้ทดลองทำและได้ทำงานร่วมกับอาจารย์หนูมาแล้วโปรเจคหนึ่ง ซึ่งยังไม่ถูกเผยแพร่ และถ้าได้เผยแพร่มันจะดีมาก แต่ระหว่างนั้นเรารู้สึกว่ามันทำอย่างอื่นได้ เลยลองคุยกับอาจารย์หนูและทำผ้ายันต์ออกมาว่าสังคมจะคิดเห็นอย่างไร สรุปผลตอบรับออกมาดี และเราใช้สิ่งที่มีมาทำงาน เราเป็นแค่นักวาดภาพประกอบ โดยวาดภาพยันต์ขึ้นมาใหม่ และผ่านการปลุกเสกจากอาจารย์หนู

ขายงานยังไงอาจารย์หนูถึงซื้อไอเดียนี้?

วันแรกที่เจออาจารย์ เราไปพรีเซ็นท์เรื่องการออกแบบยันต์อาจารย์หนู ไม่ใช่แค่ตัวอาจารย์ถาม แต่ลูกศิษย์อาจารย์ก็ถามถึงสิ่งที่เราจะทำ ว่าจะเอาไปทำอะไร มันคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์นะ จะเอาไปให้คนเหยียบหรือเปล่า จะเอาไปให้คนต่อว่าหรือเปล่า ถ้าเกิดกระแสดราม่าเขาไม่ชอบ เพราะเป็นสิ่งที่เขานับถือ คือต้องผ่านด่านลูกศิษย์อาจารย์ให้ได้ก่อนจะไปสู่คนหมู่มากมันต้องเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะฉะนั้น ถ้าทุกคนเห็นงานชิ้นนี้ จะต้องเซอร์ไพร์ส ลูกศิษย์อาจารย์ก็มีคำถามมากมายว่า จะขายที่ไหน ขายเมื่อไหร่ เขาก็เอางานที่ผมทำไปให้อาจารย์ดูต่อทันที พออาจารย์เห็นก็ว้าวและให้ทำเลย!

เซ็ทยันต์อาจารย์หนู 4 แบบ

ที่ออกไปเซ็ทแรก คือ ผลงานศิลปะ ชุดหนุนดวง พลิกชีวิตแบบทะลุองศาเดือด ที่ทุกคนเห็นตามรูป คือ พญาเสือเหลียวหลังมหาเศรษฐี ,พญาเต่าเรือน รุ่งเรือง ร่ำรวย , เถรกวาดเกี่ยวทรัพย์มหาเสน่ห์ , พญาคางคก ปี้เมตตา มหาเสน่ห์ ซึ่งออกไปช่วงธันวา 64 ที่ผ่านมา เพราะอยากให้เป็นงานชุดแรกก่อนปี 65 เพราะเราไม่ได้มีแกลอรี่ เอ็กซิบิชั่น หรือห้างให้จัดอีเวนท์ เลยคิดว่าปริมาณของคนเห็นอาจจะแค่ในโซเชี่ยล เลยเผยแพร่ในโซเชี่ยล เพราะอยากเห็นฟีดแบคของทุกคนกับงานชุดแรกของอาจารย์หนูแบบออแกนิค รันมาจนถึงวันนี้ก็ประมาณ 1 เดือนเต็มแล้ว

ต้องการจะสื่อสารอะไร

เรื่องความเชื่อ เรื่องยันต์ แต่ละยันต์มีพุทธคุณที่แตกต่างกัน เราอาจจะแบ่งตามความต้องการของแต่ละคนด้วยซ้ำ ว่าเขาหวังที่จะได้อะไรจากภาพ ๆ นั้น สุขภาพ ความร่ำรวยและมั่นคง อำนาจบารมี หรือความรักความเมตตา ซึ่งแต่ละภาพมันชัดเจนแล้ว เพราะมันเป็นยิ่งกว่าภาพวาด เขาหวังฟังก์ชั่นจากมันด้วย ถามว่าเราให้ได้เลยไหมเมื่อคุณซื้อไป อันดับแรกเลยคือ มันไม่ได้ให้ทางกาย แต่เราให้ทางใจได้เลย เพราะแต่ละภาพเราพยายามสื่อสารให้ตรงกับเรื่องราวนั้น ๆ อยากรวยถ้าคุณซื้อไปติดในที่เห็นชัด ๆ คุณเดินผ่านบ่อย ๆ เห็นคำว่ารวย แน่นอนว่าคุณต้องมีความอยากได้ อยากหา ว่าจะทำยังไงให้รวย มันคือเอกลักษณ์ของตัวเอง เหมือนคำปลุกใจเราทุกวัน เลยรู้สึกว่าเราให้พลังใจเป็นสิ่งแรก

ไสยพาณิชย์ 

ในมุมมองของผม มันคืองานศิลปะครับ แต่ของเราเรียกว่า ไสยพาณิชย์ มาจากไสยศาสตร์ เราพูดถึงไสยศาสตร์ หรือ ไสยพาณิชย์ พูดเรื่องความเชื่อของรอยสัก งานศิลปะกับพุทธพาณิชย์หรืออะไรก็ตาม มันสื่อสารออกมาในรูปแบบงานศิลปะ 

พอได้ร่วมงานกับอาจารย์หนู เราก็ทดลองสักน้ำมันกับอาจารย์หนู พอสักมาเรารู้สึกว่า หลายๆ อย่างที่เราคิดมันลื่นขึ้น ทำอะไรง่ายขึ้น

เคยได้รับพุทธคุณไหม?

เราไม่เคยพูดเรื่องศาสนามากเท่าไหร่ ไม่เคยทำงานศิลปะที่ต้องเล่าเรื่องแบบตรง ๆ ขนาดนี้มาก่อน การที่เราจะทำเราต้องศึกษามาแล้วระดับหนึ่ง ต้องเข้าใจระดับหนึ่ง พอพูดแบบนี้ก็ไม่อยากอวยงานตัวเองว่า งานฉันซื้อไปแล้วรวย ซื้อไปแล้วอายุยืนยาวอยู่ยงคงกระพันไม่มีวันตาย ซึ่งไม่ต้องเชื่อก็ได้ เอาความสวยอย่างเดียวก็ได้ ตัวเราเองได้อะไรจากงานนี้ไหมและเชื่อเรื่องอะไรพวกนี้ไหม ต้องบอกว่าเป็นเรื่องของพลังงาน และเราเชื่อเรื่องพลังงาน ซึ่งเป็นความเชื่อแรกเริ่ม และเราอาจมีแบตแค่ 10% อยู่ดีๆ เราไปเจอสายชาร์ตแบตอันหนึ่ง ที่เสียบเข้ามาแล้วทำให้แบตเต็มร้อยได้ในระยะเวลาสั้น ๆ เลยเชื่อว่าพลังงานเหล่านี้มีอยู่จริง มันมีคนส่งต่อพลังงานมาถึงเรา

คิดว่าตัวเองติดส์ไหม

เราไม่ติดส์ แต่คนรอบข้างชอบคิดว่าเราติดส์ เราอาจมีมุมมองหรือความคิดอะไรที่เป็นส่วนตัวบ้าง มีลูปที่เป็นส่วนตัว 

มีชิ้นงานไหนที่อยากคอลแลปอีกไหม

จริง ๆ มีแผนเยอะ เพราะเราตั้งมั่นว่าเราจะเป็น Applied Artist ยังอยากสนุกและอยากได้ความรู้ในสิ่งที่เราไม่เข้าใจ อย่างชิ้นนี้เราไปทางความเชื่อ รอบหน้าอาจไปทางอาหาร ไปทางดนตรีไทย ไปทางแรปเปอร์ก็ได้ คือมีอีกแน่นอนครับ ในหลาย ๆ อย่าง

แพลนในอนาคต

เซ็ทของอาจารย์หนูก็แทบจะทั้งปี 65 นี้แล้วครับ และอาจจะมีอีกงาน เพราะครบรอบ 60 ปี ของอาจารย์หนู อาจมีเซ็ทอื่น ๆ ออกมาซึ่งจะอัศจรรย์กว่านี้ นอกจากนี้ ยังมีงานส่วนอื่นที่เราเป็นลักษณะ deconstructed ที่เป็นป๊อบอาร์ตของเราเอง ซึ่งตอนนี้เรามีงานศิลปะ 2 รูปแบบที่จะออกมาพร้อม ๆ กัน สลับไทย-ป๊อบ และมีเฟอร์นิเจอร์ เก้าอี้ ชื่อน้องเมาเมา ออกมาหลาย ๆ สี มีโต๊ะ มีพรม มีเฟอร์นิเจอร์ งานศิลปะเป็นได้ทุกอย่าง เลยพยายามสื่อสารให้ออกมาทุก ๆ โปรดักส์ ที่เขาสามารถจับต้องได้ซึ่งทั้งหมดนี้ ออกมาจากคอนเซ็ปต์ Art can be everything งานศิลปะเป็นได้ทุกอย่าง ซึ่งใช้งานได้จริง และจับต้องได้ 

นิยาม

Art can be everything งานศิลปะของ Dee ต้องเป็นได้ทุกอย่าง ถ้าใครที่ชอบและสนใจงานศิลปะของ Dee รอดูได้เลย ทุกอย่างที่คิดเราจะพยายามทำมันออกมา

ติดตามและอัปเดตผลงานเกี่ยวกับความเชื่อความศรัทธาได้ที่

Facebook: Dee Sweetdrug

Line: @deesweetdrug

YouTube: Deesweetdrug channel

Twitter: Deesweetdrug

IG: dee.sweetdrug

Email: Deesweetdrug@gmail.com   

เบอร์ติดต่อ 085-8188498

"Ajarn Noo once told me that anyone can come up with designs and patterns, but the most important aspect is actually ‘yantra-blessing.’ That’s the reason why I chose to collab with him. He’s a real deal!"


In his recent collaboration Deesweetdrug X Ajarn Noo Kanpai, contemporary artist Channalong “Dee” Krugoied aka Dee Sweetdrug links up with the highly sought-after master of yantra tattooing to create an exclusive series of eye-catching yantra that puts traditional art in the contemporary context.

Can you tell us about yourself?
”I’ve been creating art since my first year of uni. I started with a clothing line I created with two other friends before we decided to open up a shop in Chatuchak and later in a shopping mall. That was pretty much my main job until I graduated. After that, I’ve been doing different things like working on my own projects, and exhibitions, entering contests, and organizing an art and music event called Area-Five. I didn’t always win a contest but I was still happy that I got to show my work.” 

When did you start having your own exhibitions?
“People from Silom Gallery saw my work and invited me to have a show there. That was when things started to happen for me. Soon after that, I showed at other galleries and sold many of my pieces in the process. Although I was still running my clothing line, I realized that the brand wasn’t exactly the talk of the town so I decided to spend the next two years learning more about fashion.”

How do you define yourself as an artist?
“I’d like to call myself an applied artist because I think we’re in an era where art and design are a direct result of revisiting what came before. It’s all about knowing the right timing and how to apply my color palette or signature to what came before. I apply all these stories to my clothing line and art.”

“As long as you don’t overstep boundaries in terms of law or culture or exploit it in any way, art should fulfill both functionality and aesthetics. I was taught that art should serve society at large.”

Deesweetdrug X Ajarn Noo Kanpai
”I believe that this crossover project will have positive feedback on the artists involved as well as our country. The aim of the collaboration is ultimately to promote soft power. It’s not just me and Ajarn Noo, but also all these other artists and the amulets industry as a whole. After having worked with him on a previous project, I’m confident that this series of blessed yantra will make an impact on a wide scale.”

How did the collaboration come about?
“The first time I pitched this project to him, his followers asked me what my intention was because yantra is considered a sacred and revered object. They don’t want any kind of drama that would backfire later. They had all these questions for me like where is it going to be sold and when? When they let me show him the illustrations, he went ‘Wow!’ and gave me the blessing right away.”

Four unique designs
“The first set that was launched in December 2021 came in four different designs featuring tigers and other motifs. We didn’t have a gallery or a space to show it yet so it was mostly promoted through social media which also allowed me to see the kind of organic feedback and reaction from the public.”

What is your intended message here?
“Each yantra has its own special power. It depends on what you’re looking to gain from each illustration. It could be wealth, good health, power, or love. I think the illustration itself is self-explanatory. It serves this other function that goes beyond its physical aspect. For example, if you want to be rich, you choose the one that says ‘Rich” and put it up where you can easily see it. The more times you see it, the more you’ll be inspired to make that a reality. It’s like a pep talk that gives you constant moral support.”

Superstition x commerce
“It’s called ‘Saiyapanich’ which is a portmanteau of ‘saiyasat’ (superstition) and ‘panich’ (commerce). It’s similar to Buddhist commerce and things like yantra tattooing which is expressed through an artistic medium.”

“I also had a chance to be tattoed by Ajarn Noo. Now, I feel like my thoughts flow more smoothly. Everything just seems effortless.”

“Prior to this project, I never really talked about religion in such a direct way before. That’s not me saying that you’ll get rich or live to be thousand years old after you buy one of the yantra. You can buy it simply for aesthetic reasons. I believe in energy. It’s like I started out with a 10% battery and suddenly found a charging cable that gave me a full charge in a really short time. I believe that someone bestowed that energy on me.”
 

Future collabs and projects
“I have a lot of projects planned because that’s my goal as an applied artist. I want to have fun and keep learning new things. This project is about belief, but the next one might be about food or Thai music, or even rappers. There’s also a project to celebrate Ajan Noo’s 60th anniversary which will be even more amazing. My other projects mainly deal with deconstructed pop art and colorful furniture pieces like a chair called ‘Mao Mao.’ Everything is based on the concept of ‘Art can be everything.’ It’s functional and tangible.” 


“My definition of art is that it can be everything.”

Still want more? Follow Dee Sweetdrug on Facebook, YouTube, Twitter, and IG