Daily Pickup

Don't F**k with Cats : Hunting an Internet Killer – แมว (พวก) ข้าใครอย่าแตะ!

Trigger Warning: เรื่องนี้ไม่เหมาะกับผู้ที่อ่อนไหวต่อประเด็นเรื่องสัตว์ในคดีฆาตกรรม (Murder, Animal abuse)

“Don't F**k with Cats : Hunting an Internet Killer” สารคดีความยาว 3 ตอนจาก Netflix ที่นำเสนอเรื่องราวของคนทั่วโลกที่ตามล่าฆาตกรที่ดังที่สุดในแคนาดาผ่านทางโลกอินเทอร์เน็ต ‘ลูก้า แม็กน็อตต้า’ (Luka Magnotta) สิ่งเดียวที่คุณรู้เกี่ยวกับชาย ผู้กลายเป็นประเด็นของการตามล่าจากนานาชาติ มีเพียงวิดีโอที่กำลังฆ่าลูกแมวเท่านั้น แต่ใครจะคิดว่านักสืบโซเชียลฯ ที่เป็นกลุ่มคนรักสัตว์เหล่านี้จะสามารถสืบรู้ไปถึงพฤติกรรมของคนร้าย ที่กำลังเปลี่ยนจากการฆ่าลูกแมวตัวเล็กๆ ไปสู่การฆ่าคน

สารคดีเรื่องนี้เริ่มต้นด้วยการที่กลุ่มคนในอินเทอร์เน็ตพยายามสืบว่าบุคคลปริศนาที่โพสต์คลิปทารุณแมวคือใคร พวกเขาร่วมกันวิเคราะห์วิดีโอแบบเฟรมต่อเฟรม วิเคราะห์แม้กระทั่งปลั๊กไฟว่ามาจากประเทศอะไร ผ้าคลุมเตียงแบบนี้ซื้อมาจากที่ไหน ฯลฯ สุดท้ายแล้วกลุ่มคนเหล่านี้ก็สืบชื่อของชายปริศนามาจนได้ 

เขาคือ ‘ลูก้า แม็กน็อตต้า’ (Luka Magnotta) อายุ 29 ปี ผู้มีความฝันอยากจะเป็นนักแสดงและนายแบบ ซึ่งปัจจุบันอาศัยอยู่ในโตรอนโต ประเทศแคนาดา เมื่อสืบไปเรื่อยๆ ผู้คนในอินเทอร์เน็ตก็รู้ไปถึงนิสัยแปลกๆ ที่ชายคนนี้ชอบสร้างบัญชีปลอมต่างๆ มาชื่นชมตัวเองประหนึ่งว่าเป็นแฟนคลับ แปลกถึงขั้นสร้างข่าวลือว่าตัวเองเดตกับนักร้องชื่อดังระดับโลกอย่างมาดอนน่า ไหนจะมีการตัดต่อภาพตัวเองไปใส่รูปคนอื่น โชว์ชีวิตหรูสุดเหวี่ยงในโลกออนไลน์ และยังมีอีกหลายอย่างที่บ่งบอกได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิตอย่างแน่นอน สิ่งหนึ่งที่ชาวเน็ตจับสังเกตได้คือลูก้าชอบการเป็นจุดสนใจ ชายคนนี้แอบแฝงตัวอยู่ในกลุ่มโดยใช้แอ็กเคานต์อวาตาร์ และคอยจับตาว่าสมาชิกสืบเรื่องราวเกี่ยวกับเขาไปถึงไหนบ้าง ราวกับใช้ชีวิตอยู่ในหนังเรื่อง “จับให้ได้ถ้านายแน่จริง” (Catch me if you can) อย่างไรอย่างนั้น

ตลอดเส้นทางการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับลูก้า สายสืบออนไลน์ก็ยังคงรวบรวมเบาะแสต่างๆ ไปเรื่อยๆ จนมาวันหนึ่ง เสียงแจ้งเตือนในเฟซบุ๊กก็ดังขึ้น พร้อมกับโพสต์หนึ่งที่ทำให้กลุ่มคนรักแมวอึ้งจนพูดไม่ออก 

“1 Lunatic 1 Ice Pick”

แม้ชาวเน็ตพยายามที่จะส่งข้อมูลให้ตำรวจว่าลูก้านั้นมีสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนจากการฆ่าลูกแมวสู่การฆาตกรรมมนุษย์มากแค่ไหน สุดท้ายแล้วข้อมูลต่างๆ ที่พวกเขาเพียรหากันมาเป็นปีๆ ก็ถูกเพิกเฉย ตำรวจยังมองว่าการคาดการณ์ของชาวเน็ตนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อยเกินใป และแล้ววันที่ชาวเน็ตคาดไว้ก็มาถึง เมื่อมีคนพบชิ้นส่วนลำตัวของมนุษย์ในกระเป๋าเดินทางที่ถูกทิ้งไว้ข้างถังขยะ มือกับเท้าถูกส่งเป็นพัสดุไปยังสำนักงานใหญ่ของพรรคการเมือง 2 พรรค ในกรุงออตตาวา ทั้งยังจ่าหน้าพัสดุฯ ถึงนายกรัฐมนตรีแคนาดาอีกด้วย สุดท้ายตำรวจก็ต้องกลับมาขอความช่วยเหลือจากชาวเน็ตอยู่ดี ข้อมูลเกี่ยวกับลูก้า แม็กน็อตต้าที่ถูกเพิกเฉยไปคราวก่อนนั้น กลับเป็นเบาะแสสำคัญของคดีนี้

อาชญากรรมที่ลูก้าก่อนั้นน่าสยดสยองจนแม้แต่สารคดีเกี่ยวกับตัวเขาเรื่องนี้ก็ยังไม่ได้ลงรายละเอียดทั้งหมด ลูก้าได้ทำล่อลวงนาย ‘จุน หลิน’ (Jun Lin) นักศึกษาชาวจีนมาที่อพาร์ตเมนต์ของเขา จากนั้นจึงทำการวางยา เปลื้องผ้า มัดนายจุนไว้กับเตียง แล้วฆ่าเขาด้วยมีดเจาะน้ำแข็ง ลูก้าได้บันทึกการฆาตกรรมไว้ และโพสต์คลิปนั้นภายใต้ชื่อ “1 Lunatic 1 Ice Pick”

“ถ้าคุณไม่ชอบภาพสะท้อน ก็อย่ามองไปที่กระจก ผมไม่แคร์”

นั่นคือประโยคที่ฆาตกรได้ทิ้งเอาไว้ในห้องที่ใช้ฆาตกรรมจุน หลิน ในความเข้าใจของนักเขียนเอง ประโยคนี้ให้ความรู้สึกเดียวกันกับประโยคที่ว่า ‘ถ้าไม่ชอบก็เลื่อนผ่าน ไม่ต้องดู’ ที่ชาวเน็ตชอบใช้เอามากๆ ด้วยความที่ลูก้าต้องการเป็นจุดสนใจในโลกออนไลน์ เพราะคุณจะสามารถเป็นอะไรก็ตามที่อยากเป็น จะพิมพ์ หรือจะด่าอะไรก็ได้ เขาจึงอาจคิดว่า ‘ถ้าจะฆ่าคนแล้วถ่ายคลิปมาลง จะเป็นอะไรไปล่ะ ถ้าไม่ชอบก็เลื่อนผ่านไปแค่นั้น’

ตลอดสารคดีเรื่องนี้ เราจะเห็นได้ว่าฆาตกรมีความหมกมุ่นในการไล่ตามชื่อเสียง ทั้งยังสามารถเชื่อมโยงเข้ากับความหลงใหลในภาพยนตร์ที่ลูก้ามีอีกด้วย จากบทสัมภาษณ์ของแม่ของเขา เราจะทราบได้ว่าฆาตกรมีความชื่นชอบภาพยนต์แนวฆาตกรรมเป็นอย่างมาก อีกทั้งสารคดี “Don't F**k with Cats : Hunting an Internet Killer” แสดงให้เห็นว่าความหลงใหลในภาพยนตร์ของฆาตกรเปลี่ยนไปในทางที่มืดมนแค่ไหน และค่อยๆ เฉลยว่าการฆาตกรรม “1 Lunatic 1 Ice Pick” นั้นมีรูปแบบมาจากเนื้อเรื่องของหนัง “Basic Instinct” เกือบทั้งหมด แม้กระทั่งในตอนที่ฆาตกรโดนจับกุมเองก็ยังเลียนแบบท่าทางของ ‘แคทเธอรีน ทราเมล’ (Catherine Tramell) แสดงโดย ‘ชารอน สโตน’ (Sharon Stone) ตัวเอกของเรื่อง ประหนึ่งว่าฉากฆาตกรรมที่ลูก้าก่อขึ้นนั้นคือหนังของเขา และมีเขาเป็นตัวเอกของเรื่องเท่านั้น

นักสืบอินเทอร์เน็ตและการล่าแม่มด 

สารคดีเรื่องนี้แสดงให้เห็นทั้งด้านมืดและด้านสว่างของการใช้อินเทอร์เน็ต ทั้งด้านดีที่ช่วยในการสืบหาเบาะแสต่างๆ การค้นหาที่ง่ายดายนี้ก็ยังนำไปสู่ด้านมืดของการด่วนตัดสินความผิดและล่าแม่มด ไม่ว่าใครที่มีลักษณะหรือมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นฆาตกรจะถูกนำรูปออกมาประจาน พร้อมชี้เป้าให้คนเข้าไปไล่ล่าโดยไม่ได้แม้แต่สืบสวนหาข้อเท็จจริง หรือมีหลักฐานเสียด้วยซ้ำ 

ในที่สุดก็มีคนต้องสังเวยชีวิตกับความด่วนตัดสินของชาวเน็ต เขาเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในประเทศแถบแอฟริกาใต้ ที่มีรูปร่างและทรงผมของเขาที่ตรงกับคนในคลิป และเขาได้แชร์วิดีโอเกี่ยวกับแมวตัวหนึ่ง เพียงเท่านี้ก็ทำให้ชาวเน็ตพร้อมใจกันยกพลเข้าถล่ม แต่น่าเศร้าที่เขากำลังต่อสู้กับภาวะซึมเศร้าอยู่ เขาจึงตัดสินใจเดินทางจากไปอย่างไม่กลับมา

Digital Footprint – อดีตลบได้ แต่แคปทัน

เรื่องนี้ทำให้เห็นว่า อะไรก็ตามที่เราทำในอินเทอร์เน็ตจะไม่หายไปตามกาลเวลา มันยังมีสิ่งที่เรียกว่า ‘digital footprint’ ซึ่งตามติดคุณเป็นเงา แม้ว่าฆาตกรจะเตรียมแผนการมาดีขนาดไหน สุดท้ายแล้วรอยเท้าดิจิทัลก็ถูกติดตามได้อยู่ดี เป็นอีกหนึ่งจุดจบของฆาตกรที่ดูสมน้ำสมเนื้อกับนิสัยหลงตัวเองของเขา เพราะในระหว่างที่ถูกไล่ล่าลูก้านั้น เขาได้เข้าใช้อินเทอร์เน็ตในร้านคาเฟ่แห่งหนึ่ง เพื่อค้นหาข่าวของตัวเองว่ามีความคืนหน้าไปอย่างไรบ้าง และแน่นอนว่าเขาถูกรวบคาร้านคาเฟ่แห่งนั้น ก็เป็นเรื่องราวที่มีจุดเริ่มต้นและจุดจบจากการใช้อินเตอร์เน็ต ที่มี digital footprint เป็นหลักฐานสำคัญในการมัดตัว 

ต้องขอบอกเลยว่าเรื่องนี้เป็นสารคดีที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งในเน็ตฟลิกซ์ เพราะถึงแม้เรื่องราวจะชวนอาเจียนขนาดไหน แต่เรื่องราวก็ดำเนินไปอย่างน่าตื่นเต้น ด้วยจังหวะการตัดต่อที่ไม่น่าเบื่อ บวกกับการนำผู้อยู่ในเหตุการณ์จริงมาเล่า ทำให้เราลุ้นตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจนหยุดดูไม่ได้เลย 

นับว่าเป็นซีรีส์ 3 ตอนยาวที่ดูรวดเดียวจบได้ง่ายๆ แม้จะมีเรื่องสะเทือนใจเกี่ยวกับน้องแมวอยู่บ้าง ผู้ชมก็สามารถดูผ่านไปได้ เพราะตัวซีรีส์ไม่ได้นำภาพที่รุนแรงจนเกินไปออกมาฉาย อีกทั้งมันทำให้เราเห็นว่าโลกอินเทอร์เน็ตมักให้ความสนใจแค่กับการตามล่าฆาตกรจนหลงลืมเหยื่อ จุน หลินก็เป็นลูกชาย เป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้องของใครสักคนเหมือนกัน และข้อเท็จจริงนี้ยังทำให้เราวนกลับมาคิดอีกด้วยว่า การที่เรายังให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่นั้น อาจจะเป็นสิ่งที่ฆาตกรต้องการก็เป็นได้ การที่เรายังพูดถึงเรื่องนี้อยู่เองก็อาจจะเป็นการสืบทอดเจตนารมณ์ของการอยากเป็นคนมีชื่อเสียงของลูก้า หรือความจริงแล้ว เราเองที่เป็นคนสร้างลูก้าขึ้นมา?

ขอขอบคุณรูปภาพจาก Netflix