[letsinfoup]
1. ก้าวแรกที่เข้ามาในแฟนด้อม
เราเริ่มได้ยินชื่อ Harry Potter ตั้งแต่มันยังไม่เป็นหนัง แล้วทุกคนก็อ่านหนังสือกัน เราก็สงสัยว่ามันจะดังอะไรมากมาย เราไม่อ่านค่ะ จนกระทั่งวันที่มันได้กลายเป็นภาพยนต์เมื่อปี 2001 อยู่ดีๆ นึกยังไงไม่รู้ ไปจองตั๋วล่วงหน้าเฉยเลยค่ะ พอดูจบออกมาจากโรงเท่านั้นแหละ ข้างหน้าเขามีบูธขายสินค้า ของสะสมตุ๊กตา แล้วก็มีหนังสืออยู่ด้วย ซึ่งตอนนั้นมี 4 เล่ม กับเล่มเขียว เล่มแดง ที่เป็นเรื่องสัตว์มหัศจรรย์กับควิดดิชค่ะ เราซื้อกลับบ้านมาอ่านยกเซตเลย หลังจากนั้นก็ไม่ได้ออกจากวงการอีกเลยค่ะ
2. ชอบอะไรในแฟนด้อมนี้ และมันให้อะไรกับคุณ
มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราเลยนะ ด้วยความที่ตามมาตั้ง 21 ปีด้วยมั้ง มันเลยเป็นเหมือนอีกโลกหนึ่ง เป็นอีกตัวตนหนึ่งของเราที่คู่ขนานกันมา ตลอด 20 กว่าปีนั้น Harry Potter เป็นเหมือนเวทมนตร์ในชีวิตเราเลยค่ะ ถ้าขาดเขาไปก็น่าจะขาดสีสันอะไรหลายๆ อย่าง เขาให้ทั้งคุณค่าทางใจ อาจจะเพราะอายุใกล้ๆ กันด้วยมั้ง ถ้านับตามทามไลน์ในหนังสือกับอายุของตัวเรา coming of age พร้อมกัน สิ่งที่เขาเจอ ความกดดันอะไรหลายๆ อย่าง รวมถึงการต้องเลือกในสิ่งที่ตัดสินใจยาก ที่ต้องเสียสละ ซึ่งหลายๆ ครั้งเราก็ต้องเจอในชีวิตจริง เราเลยรู้สึกเหมือนมีเพื่อนไว้ปลอบใจตัวเอง มันเป็นเรื่องที่ต้องเจอเป็นสัจธรรมของชีวิต เป็นสิ่งที่เราต้องข้ามผ่าน มันทำให้เรารู้สึกว่าเราได้โตไปพร้อมกับตัวละครนี้
3. ของสะสมชิ้นที่แพงหรือได้มายากที่สุด
สำหรับตอนนี้น่าจะเป็น Pandora กับเลโก้ที่ยังไม่ได้ต่อ และยังไม่ได้แกะออกจากกล่องเลยค่ะ เพราะว่ายังไม่มีที่วาง ถ้าต่อแล้วก็ต้องมีตู้ให้เขาอีก เพราะว่ามันจะใหญ่มากค่ะ เป็นเลโก้ปราสาท Hogwarts ค่ะ
4. ของสะสมที่มีคุณค่าทางจิตใจมากที่สุด
ไม้กายสิทธิ์ของ Voldemort ค่ะ เพราะว่าเป็นไม้อันแรกที่ได้มา แล้วก็เป็นของขวัญที่เพื่อนสนิทรวมกันซื้อเพื่อเซอร์ไพรส์วันเกิดเรา ตั้งแต่ช่วงที่ไปแข่งแฟนพันธุ์แท้ ก่อนหน้านั้นเราก็ไม่เคยมีไม้กายสิทธิ์เป็นของตัวเอง อันนี้เป็นอันแรกเลยค่ะ
5. ถ้าไม่ได้มาอยู่ในแฟนด้อมนี้ คิดว่าชีวิตจะเป็นยังไง แล้วอะไรเป็นเหตุผลที่ทำให้ยังอยู่ในแฟนด้อมนี้
นึกไม่ออกเหมือนกันนะว่าถ้าไม่มีเขาจะเป็นยังไง จากมุมมองของคนรอบข้างนะคะ ทุกวันนี้ถ้าใครเห็นเราก็จะนึกถึง Harry Potter ถ้าใครเห็น Harry Potter ก็จะนึกถึงเพิท ถึงแม้ว่าเราจะโตขึ้นมาบ้าง มีภาระหน้าที่ต้องรับผิดชอบมากขึ้น เราอาจจะไม่ได้อินมากเท่าตอนเด็กๆ ที่มีเวลาให้ติดตามเต็มที่ แต่ว่าโลกเวทมนตร์ก็ยังอยู่กับเราตลอด เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราไปแล้ว เห็นของก็ต้องซื้อ หนังเข้าก็ต้องดู มีหนังสือ มีละครเวที มีอะไร ก็ต้องเสาะหาไปดู มันเหมือนเป็นแพชชันที่ทำให้เรามีแรงขับเคลื่อนในชีวิตต่อไป ทุกๆ ครั้งที่เราเห็นอะไรใหม่ๆ เกี่ยวกับ Harry Potter เรายังใจเต้นแรง ยังตื่นเต้นกับมัน ซึ่งยังไม่มีสิ่งอื่นที่ทำให้เรารู้สึกอย่างนี้ได้เลย
6. สิ่งที่อยากฝากถึงคนในแฟนด้อม หรือคนที่ยังไม่รู้จักแฟนด้อมนี้
ด้วยการที่ Harry Potter เป็นพ่อมดอายุ 11 เราอาจจะมองว่าหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือเด็กเนอะ หลายๆ คนอาจมองว่ามันจะน่าเบื่อหรือเปล่า แต่ว่าอยากให้ลองสัมผัส จะอ่านหนังสือหรือว่าดูหนังก็ได้ ให้ได้ตัดสินด้วยตัวเองดีกว่า ว่าทำไมยังมีคนติดตามเรื่องนี้มาตลอด 20 ปีได้ โดยที่ทุกคนก็ยังอยู่ในแฟนด้อมอย่างเหนียวแน่น มันต้องมีอะไรมากกว่าแค่หนังสือเด็ก ไม่ใช่แค่เรื่องพ่อมดน้อยที่มีพลังวิเศษคนหนึ่ง แต่มีธีมต่างๆ ทั้งเรื่องความรัก ความเสียสละ ที่สอดแทรกอยู่ในโลกเวทมนตร์ ซึ่งให้ข้อคิดดีๆ เยอะมาก แล้วมันก็ไม่ได้สดใสอย่างที่ทุกคนคิดด้วยนะ เขาพาไปพบกับสัจธรรมของชีวิตที่เราจะต้องเจอ อย่างเช่น ความตาย เพราะฉะนั้น มันไม่ใช่แค่หนังสือเด็ก เราเชื่อว่าผู้ใหญ่ก็สามารถเข้าถึงมันได้เหมือนกันค่ะ