Daily Pickup

กันญ์ดนัย พูนศิริวงศ์

[letsinfoup]

1. ก้าวแรกที่เข้ามาในแฟนด้อม

ต้องบอกก่อนว่าเราเคยเป็นนักเรียนชายล้วน อยู่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน เรียนตั้งแต่ประถม 1 ถึงมัธยม 6 แล้วแถวนั้นมันเจ๋งตรงที่มีของขายเยอะมาก ประมาณ 20-30 ร้าน แรกๆ เราก็ไม่ซื้อ จนสุดท้ายเราก็อดใจไม่ไหวแวะไปดูสักหน่อย แต่ตอนแรกไม่มีเงินซื้อ เลยไปดูนั่งดูคนเขาแกะการ์ดยูกิเลยไปขอซองเขามา แล้วเอาไปอวดพ่อว่า “เท่ปะ” แล้วพ่อก็ถามว่าอยากได้อันไหน เราก็จิ้มๆ ไป ซึ่งจริงๆ มันเกิดจากการที่ว่าการ์ดยูกิเป็นของที่ขายอยู่รอบโรงเรียนอยู่แล้ว ยุคนั้นมันโคตรฮิต 

2. ชอบอะไรในแฟนด้อมนี้ และมันให้อะไรกับคุณ

เราไม่ได้ชอบแค่การ์ดยูกินะ ก็อ่านหนังสือการ์ตูนมาก่อนด้วย แต่สุดท้ายที่ชอบเพราะว่ามันเป็นของเล่นอย่างหนึ่ง ด้วยกระแสยูกิมันมาแรง ตอนนั้นโดนขโมยไปขายจนท้อ ตั้งราคาตั้ง 3-4 หมื่น ก็เลยเลิกไปเป็นสิบปี แต่เราจะบอกว่าที่มีทุกวันนี้ได้ ที่พูดเก่ง ขายเก่ง ไลฟ์ขายได้ คือเราทำงานเป็นดีไซน์เนอร์ แล้วก็มีร้านเป็นของตัวเองด้วย ชื่อ @raf31.official และ @bomb3hand ประสบการณ์การขายครั้งแรกสุดคือขายการ์ดยูกิ เราไปยืนถือสมุดสะสมการ์ดเล่มเล็กๆ เรียกลูกค้าอยู่ข้างร้าน ก็เป็นการขายครั้งแรก ได้เป็นพ่อค้าครั้งแรกครับ

3. ของสะสมชิ้นที่แพงหรือได้มายากที่สุด

แพงที่สุดคือ การ์ดครบรอบ 20 ปี เป็นการ์ดฟรอยด์ที่จะมีความเงาเป็นพิเศษ ซึ่งความเงาจะมีหลายระดับ ตัวนี้เป็นลายโฮโลแกรม และมันจะมีระดับการตรวจความสมบูรณ์ของการ์ด ตั้งแต่ 1-10 ความพิเศษของการ์ดใบนี้คือแค่เป็นโฮโลแกรมก็ราคาหมื่นอัพแล้ว แถมยังไม่มีริ้วรอยอะไรเลย ได้ระดับความสมบูรณ์ของการ์ดเต็ม 10 มีคนส่งตัวนี้ไปบริษัทเกรดการ์ดที่อเมริกา แล้วเขาก็ให้เกรดกลับมา ค่าส่งไปเกรดก็ 2,000 กว่าบาทแล้ว ซึ่งตัวนี้เหมือนจะมีอยู่ไม่กี่ใบนะ ที่ได้ 10 เต็ม เราซื้อมาประมาณ 20,000 บาท ตอนนี้ราคาน่าจะอยู่ที่ 28,000 บาทครับ

4. ของสะสมที่มีคุณค่าทางจิตใจมากที่สุด

การ์ดใบที่มีคุณค่าทางจิตใจของเราเป็นตัวที่ถูกมาก ตอนนี้มันใบละ 40 บาทเองมั้ง คือใบที่ชื่อว่า Red Eye Black Dragon เป็นการ์ดของพระเอก มาประทับใจช่วงหลังเพราะว่าเราเพิ่งกลับมาเล่น หนึ่งคือเราทำคอลเลคชั่นเสื้อตัวนี้ด้วย เลยไปหาซื้อมาเก็บอีกสักใบ เพราะตอนแรกเราไม่มีเลย ทำหายแล้วก็โดนขโมยไป 3 รอบจนหมดเกลี้ยง เราเลยเลิกสะสมไปสักพัก แล้วพอเรากลับไปซื้ออีก เปิดซองมาก็จับได้การ์ดใบนั้นพอดี ซึ่งมันตรงกับในการ์ตูน การ์ดใบแรกที่พระเอกเปิดเจอในการ์ตูนคือ Red Eye Black Dragon นี่แหละ เราก็เลยว้าวมาก มีกำลังใจในการลุยต่อ เพราะตอนนั้นเพิ่งเริ่มทำร้านเสื้อผ้าด้วยครับ 

5. ถ้าไม่ได้มาอยู่ในแฟนด้อมนี้ คิดว่าชีวิตจะเป็นยังไง แล้วอะไรเป็นเหตุผลที่ทำให้ยังอยู่ในแฟนด้อมนี้

พูดยากนะ เพราะยังไงเราก็ชอบ ถ้าไม่ชอบก็คงไม่มีชีวิตนี้แล้วมั้ง แต่ถ้าไม่ได้ไปในสายเก็บการ์ด ก็อาจจะเป็นคนที่ยังชอบเกี่ยวกับวัฒนธรรมญี่ปุ่น ชอบการ์ตูนเหมือนเดิม เพราะว่าเราโตมากับสิ่งนี้ ทั้งการ์ตูน ทั้งการ์ด ของเล่น ก็เลยคิดว่าคงไปสักแนว แล้วสำหรับเรา ความชอบมันไม่เคยหายไป มันเหมือนอยู่ในลิ้นชัก แค่โดนความชอบใหม่ๆ ถมไปเรื่อยๆ แล้วสมัยนั้นยุ่งมาก เพราะว่าเราเรียนคณะสถาปัตย์ฯ เรียกได้ว่าไม่ต้องนอน ต้องใช้รถเมล์อีก จำได้ว่าเหนื่อยมาก ก็เลยไม่ได้สนใจการ์ดเท่าไหร่ เรามุ่งหาเงิน หาแพชชั่น จนเริ่มมาค้นพบความเป็นตัวเอง พอทุกอย่างเริ่มเข้าที่ มันเลยมีที่ว่างให้ความชอบของเราจริงๆ การ์ดยูกิก็ค่อยๆ กลับเข้ามา แล้วมันทำให้เรารู้ตัวว่ายังชอบอยู่ ชอบมากๆ ซึ่งเราไม่อยากให้มันเป็นแค่ของสะสมแล้ว เราอยากให้มันเป็นสิ่งที่สามารถพกได้ ใส่ได้ เอาไปอวดคนอื่นได้ มันก็เลยเป็นอีกแพชชั่นหนึ่งที่เอามาทำคอลเลคชั่นเสื้อผ้านี้ 

6. สิ่งที่อยากฝากถึงคนในแฟนด้อม หรือคนที่ยังไม่รู้จักแฟนด้อมนี้

คนที่ชอบอะไรสักอย่างอย่างจริงจัง เช่น ชอบการ์ด ชอบการ์ตูน มันไม่ได้เป็นเรื่องของวัย แต่เป็นเรื่องของความชอบส่วนตัว ซึ่งบางทีในสังคมไทยจะชอบมีการตัดสินว่ายังไม่โตอีกเหรอ ยังไม่เลิกดูการ์ตูนอีกเหรอ ก็ยัง แล้วมันจะทำไม? ใน Netflix ก็มี แค่รักในสิ่งที่ชอบแล้วก็เป็นตัวเอง แล้วทำให้ดีที่สุด ถ้ามันถึงวันที่ประสบความสำเร็จ คนที่เคยต่อว่าก็ไม่ได้มารอดูว่าเราจะเป็นยังไง เขาก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง