Daily Pickup

Lady Chatterley’s Lover: หนังอีโรติกที่ถ่ายทอดเรื่องราวของผู้หญิง ผ่านมุมมองของผู้หญิง

‘Lady Chatterley’s Lover’ ภาพยนตร์ดัดแปลงจากนิยายความรักต่างชนชั้นชื่อดังของนักเขียน ดี. เอช. ลอว์เรนซ์ (D.H. Lawrence) ที่สร้างตำนานการเป็นนิยายอีโรติกชิ้นเอกของโลก ถูกนำมาถ่ายทอดผ่านเลนส์กล้องของผู้กำกับหญิงชาวฝรั่งเศส ลอร์ เดอ เคลร์มงต์-ตงแนร์ (Laure de Clermont-Tonnerre) นำแสดงโดย เอ็มมา คอร์ริน (Emma Corrin) ในบท คอนนี่ รี้ด, แจค โอคอนเนล (Jack O'Connel) รับบท โอลิเวอร์ เมลเลอร์ส และแมทธิว ดักเก็ตต์ (Matthew Duckett) รับบท คลิฟฟอร์ด แชตเตอร์เลย์ 

นิยายเรื่องนี้ถูกนำออกมาสร้างเป็นภาพยนตร์ ที่เสนอมุมมองความรักต่างวรรณะ ความสัมพันธ์ต้องห้ามระหว่างผู้หญิงสูงศักดิ์ กับชายหนุ่มผู้ดูแลสวน พล็อตเรื่องสุดคลาสสิก ที่ผ่านการตีความตามยุคสมัยในแบบที่สามารถดูได้เพลินๆ ในแบบภาพยนตร์สุดโรแมนติก หรือถ้าจะตั้งใจดูก็จะเห็นพฤติกรรม ผ่านเลนส์ของวัฒนธรรมที่มีตัวแปรเป็นเรื่องของช่วงเวลา 

เรื่องราวทั้งหมดเริ่มขึ้นหลังจากคืนวันแต่งงานที่สนุกสนานของพวกเขา (คอนนี่ และคลิฟฟอร์ด) หลังแต่งงานได้เพียงหนึ่งวัน คลิฟฟอร์ด แชตเตอร์เลย์ ต้องออกไปรบที่ด่านหน้า เมื่อสงครามจบลงเขากลับมาด้วยอาการอัมพาตครึ่งล่าง ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงค่อยๆ เหินห่างขึ้น คลิฟฟอร์ดทุ่มเทให้กับงานเขียนของตัวเอง การจัดการที่ดินในมิดแลนด์ และเหมืองถ่านหินของเขา ปล่อยให้คอนนี่ ภรรยาของเขาต้องโดดเดี่ยวอยู่ตามลำพัง ความเหนื่อยหน่ายกับชีวิตคู่ทำให้เธอเริ่มสานสัมพันธ์ลับกับ โอลิเวอร์ เมลเลอร์ส ชายดูแลสวนที่ภายนอกดูหยาบกระด้างแต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยน ท่ามกลางกรอบศีลธรรม สายตาจากคนรอบตัว และยศศักดิ์ของการเป็นเลดี้ ทำให้คอนนี่ต้องตัดสินใจทำสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตเธอไปตลอดกาล 

ภาพยนตร์รัก ดราม่า อีโรติก ผ่านการกำกับของผู้หญิง ให้ความรู้สึกที่ละเอียดละอ่อนเหมือนดูงานศิลปะชิ้นหนึ่งอยู่จริงๆ และยิ่งเป็นผู้กำกับหญิงชาวฝรั่งเศสอย่าง ลอร์ เดอ เคลร์มงต์-ตงแนร์ ยิ่งทำให้ Lady Chatterley's Lover มีความสมบูรณ์แบบในตัวของมันเองยิ่งขึ้นไปอีก

ผู้กำกับต้องการสร้างบางสิ่งที่ ‘เฉลิมฉลองเรื่องเพศ’ และ‘ความสุขทางเพศของผู้หญิง’  ทีมผู้สร้างได้อุทิศภาพยนตร์เรื่องนี้ให้กับเสรีภาพทางเพศ และพลังแห่งความรัก​ (ทั้งทางกาย และทางอารมณ์) เพื่อการก้าวข้าม และเอาชนะชนชั้น รวมถึงอุปสรรคอื่นๆ อย่างการที่คอนนี่ยอมทิ้งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นยศถาบรรดาศักดิ์ หรือกระทั่งทรัพย์สมบัติ

จะกล่าวว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ได้กลิ่นอายฝรั่งเศสจ๋ามาจากงานภาพของผู้กำกับเองเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายแลนด์สเคปออกมาได้อย่างสวยงาม ทั้งดอกไม้ ทุ่งหญ้า สายน้ำใสไหลเชี่ยวเหนือโขดหิน เดรสสีแดงสดของคอนนี่ที่ตัดกับสีเขียวขจีของทุ่งหญ้าในเขตคฤหาสน์ หรือจะเป็นการเปลือยกายเต้นรำท่ามกลางสายฝน พร้อมทั้งบทเพลงไพเราะแสนหนักหน่วง

แม้ว่าจะเป็นภาพยนตร์อีโรติกแต่ Lady Chatterley’s Lover ก็ไม่ได้ประโคมฉากเซ็กส์เข้ามาจนรู้สึกว่าถูกยัดเยียด ตัวหนังถูกถ่ายทอดออกมาในเชิงศิลปะมากกว่าความอนาจาร ไล่ลำดับสอดคล้องกับพัฒนาการของตัวละครได้เป็นอย่างดี  

โทนสีของหนังจะคุมโทนไปทางโทนเย็น ซึ่งมันยิ่งส่งให้ภาพยนตร์เรื่องนี้มีมวลของความรู้สึกลุ่มหลง เคล้ากับความหลงใหลทางเพศอยู่ สีฟ้าที่ถูกย้อมอยู่ทั้งเรื่องจนสังเกตได้ ยิ่งขับให้ตัวละครทุกตัวโดดเด่นขึ้นไปอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันจับกับสีแดงในชุดของคอนนี่ หรือแจกันดอกทิวลิปที่เธอกำลังจัด เรียกได้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ขายงานทัศนศิลป์ได้คุ้มค่าเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

แม้ว่าจะถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์มาหลายเวอร์ชั่นแล้วก็ตามแต่ Lady Chatterley's Lover เวอร์ชั่นนี้ก็มีความแตกต่างออกไปจากเดิม เนื่องจากตัวบทไม่ได้เน้นไปที่ความลุ่มหลงในราคะของเลดี้คอนนี่อย่างเดียว แต่ยังแสดงให้เห็นมุมอื่นๆ ของตัวละครตัวนี้อีกด้วย การพากย์เสียงบอกเล่าเรื่องราวเป็นครั้งคราวเผยให้เห็นเนื้อหาในจดหมายของคอนนี่ที่ส่งถึง ‘ฮิลดา’ น้องสาวของเธอ (แสดงโดย Faye Marsay) ช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้คอนนี่เป็นหญิงสาวหัวก้าวหน้าที่มีความปรารถนาในชีวิต และดูเป็นผู้หญิงสมัยใหม่ที่มีอิสรเสรี ซึ่งจะดึงดูดผู้ชมวัยหนุ่มสาวในปัจจุบันได้อย่างชัดเจน

การนอกใจไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง ซึ่งบทภาพยนตร์ก็ไม่ได้นำเสนอว่ามันถูก ทุกการกระทำมีผลของมัน และต้องยกความดีความชอบให้กับการแสดงของ เอ็มมา คอร์ริน ในเรื่องนี้จริงๆ แม้ภาพจำของคนส่วนใหญ่จะเห็นเธอในบทของเจ้าหญิงไดอานา จากซีรีส์ The Crown แต่ในบทบาทของ คอนนี่ รี้ด เธอก็แสดงออกมาได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน เธอสะท้อนความเฉลียวฉลาด ความเหงา และโหยหาความรักของคอนนี่ออกมาได้อย่างเจิดจรัส สง่างาม จนมิอาจละสายตาจากเธอได้เลย ซึ่งถือว่าดีมากที่เธอเอาอยู่ เพราะในบทดัดแปลงนี้ เธอต้องแบกภาพยนตร์ไว้ตลอดสองชั่วโมงเต็มๆ เลยทีเดียว 

แม้ว่าประเด็นเรื่องชนชั้นที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งจะเคยทำให้ Lady Chatterley's Lover กลายเป็นนิยายสุดอื้อฉาวในสมัยก่อน แต่ในปัจจุบันเรื่องนี้ก็ดูไม่ค่อยรุนแรงนัก ฉากเซ็กส์ที่โจ่งแจ้งในวรรณกรรมกลับถูกนำเสนอในภาพยนตร์ และสามารถเข้าชมได้อย่างแพร่หลาย บ่งบอกถึงยุคสมัยที่เปลี่ยนไปแล้ว แม้มันจะไม่ใช่ภาพยนตร์ที่แตกต่างจากเรื่องอื่นมากนัก แต่ก็คุ้มค่าพอที่จะใช้เวลาสองชั่วโมงกว่าๆ ไปกับการเสพผลงานภาพในเรื่อง การแสดงของนักแสดง และดื่มด่ำไปกับบรรยากาศฟุ้งๆ ของความรักในศตวรรษที่ 20