Art

พูดคุยกับเจ้าของ ‘Bored Town’ คอลเล็กชันที่ยังอยู่ แม้หลายคนจะเริ่มหันหลังให้ NFT

เมื่อเหรียญคริปโตหลายเหรียญราคาตก เว็บเทรดหลายเว็บปิดตัว ได้ทำให้ศิลปิน นักสะสม และนักลงทุนจำนวนมาก เริ่มหันหลังให้กับ NFT เพราะมองว่ามันอยู่ในช่วงขาลงที่คงสร้างรายได้ไม่ได้อีกแล้ว

แต่ไม่ใช่กับ ‘แก็ป’ ศิลปิน NFT เจ้าของคอลเล็กชัน Bored Town คนนี้ เพราะกว่า 2 ปีที่ผ่านมา เธอยังคงทำแล้ว ทำอยู่ และทำต่อ ด้วยความเชื่อที่ว่า “NFT ไม่เคยมีขาลง”

Bored Town กับการเริ่มต้นในช่วงที่ตลาด NFT เริ่มวาย

แก็ปแนะนำตัวกับเราว่า เธอคือกราฟิกดีไซน์คนหนึ่งที่สนใจในโลกคริปโต และเริ่มซื้อเหรียญมาตั้งแต่เกือบ 3 ปีที่แล้ว แต่เริ่มเข้าสู่วงการ NFT เมื่อ 2 ปีก่อน เพราะราคาเหรียญดาวน์จนทนดูเฉยๆ ไม่ไหว เลยอยากเอาเหรียญไปสร้างประโยชน์ในทางอื่น

“แก็ปเข้าวงการมาสักพักแล้ว แต่เริ่มทำ Bored Town ประมาณเดือนมิถุนายนปีก่อน เป็นช่วงที่ NFT บนอีเธอเรียมมันดรอป และเรากำลังมองหาว่าจะไปทางไหนต่อดี เพราะในช่วงนั้นมีเรื่องความคาดหวังของคนที่ซื้องานไปแล้ว จะต้องได้อะไรกลับมา เหมือนกับว่าคนทำงานขายก็ต้องมีโรดแมป ซึ่งมันค่อนข้างน่าเบื่อ”

“ตอนนั้นมันเป็นช่วงที่ Optimism เปิดตัวพอดี เราเห็นว่ามันเป็นตลาดที่ยังไม่มีใครรู้จักเรา ก็เลยไปลองดู ไปแบบแจกฟรีเลย และไม่มีโรดแมปอะไรทั้งนั้น ปรากฏว่าได้รับความสนใจดีมาก และกลายเป็นคอมมูนิตี้ที่น่าจะใหญ่ที่สุดบนนั้นแล้ว”

FYI: Optimism คือ บล็อกเชน Layer 2 ของบล็อกเชน Ethereum จึงยังคงใช้เหรียญ ETH ในการทำธุรกรรมได้ แต่ค่าแก๊สในการลงงานถูกกว่า OpenSea และ Foundation มากพอสมควร

Bored Town กับคอนเซ็ปต์ที่ไม่มีคอนเซ็ปต์

เรื่องคอนเซ็ปต์มันไม่มีอะไรเลยจริงๆ นะ เราทำด้วยความเบื่อ อยากวาดอะไรก็วาด ก็เลยใช้ชื่อว่า Bored Town ส่วนคาแรกเตอร์ก็เริ่มมาจากลิงก่อน แล้วก็เอาทุกอย่างที่สามารถวาดได้ เช่น ลิง แมว กระต่าย มาผสมกัน มันก็จะกลายเป็นตัวอะไรแปลกๆ อย่างลิงเจอหูกระต่าย ก็เรียกมันว่า Monkbit (Monkey + Rabbit) คือทำด้วยความสนุกล้วนๆ

“การที่ได้รับการตอบรับที่ดี อาจเพราะเราทำในเชิงการตลาดด้วย คือ ขายบ้างแจกบ้าง แล้วงานก็ค่อนข้างต่างจากที่มีอยู่ในท้องตลาด คือจะเป็นแนว Mandala เข้ามาร่วม ถ้าคนเห็นเขาก็รู้เลยว่าเป็นงานเรา”

ขายบ้างแจกบ้าง เพราะเชื่อว่า NFT ไม่เคยมีขาลง

เมื่อถามว่าทำไมถึงเข้าวงการนี้ตอนตลาดคริปโตเริ่มวายแล้ว และทำไมต้องขายบ้างแจกบ้าง เธอบอกว่า เป็นเพราะเธอเชื่อว่า ‘NFT ไม่เคยมีขาลง’ และเห็นโอกาสใหม่ๆ จากตรงนั้น

“เท่าที่แก็ปทำ NFT มา ก็เห็นมันเป็นขาขึ้นตลอด เพียงแต่เราต้องมองเทรนด์ และมองหาโอกาสเรื่อยๆ อย่างในช่วงแรกแก็ปอาจเน้นการวาดรูปขาย แต่ว่าในตอนนี้แก็ปมองเห็น NFT เป็นส่วนหนึ่งของการตลาด เพื่อที่จะทำให้คนรู้จักเจ้าของโปรเจกต์มากขึ้น ซึ่งพอมองแบบนี้ ก็จะเห็นว่ามันมีโอกาสอีกมากมาย”

การที่ Bored Town มาอยู่บน Optimism เธอบอกว่าก็มาจากการที่เห็นโอกาสในการใช้ NFT เป็นส่วนหนึ่งของการทำการตลาด เพราะเชนนี้มีสิ่งที่เรียกว่า RetroPGF คือ ใครที่เข้าไปทำประโยชน์ให้กับเชน เช่น ช่วยแปลบทความ ช่วยโปรโมตเชน ฯลฯ ก็จะมีเงินทุนเข้ามาให้อยู่เรื่อยๆ

“90% ของงานที่แก็ปทำ คือแจกฟรีนะ แต่เราได้รายได้จากการที่เราไปช่วยเชน และพวกโปรโตคอลทั้งหลายโปรโมต แล้วก็ได้เป็นแอร์ดรอปตรงนั้นมากกว่า”

โอกาสต่อยอด Bored Town สู่ลวดลายบนสินค้า

นอกจากนั้น โอกาสที่เธอมองเห็นยังรวมไปถึงการคอลแล็บกับแบรนด์ต่างๆ ที่ต่อยอด NFT ไปสู่การขายลิขสิทธิ์ภาพ เพื่อทำให้คอลเล็กชัน Bored Town แมสมากขึ้น และสร้างรายได้แบบ Passive Income

อย่างล่าสุดกับ ‘SENSEI x Bored Town’ ที่นำภาพ NFT ไปสกรีนลายลงบนสินค้าของแบรนด์ SENSEI และวางขายที่ร้าน SENSEI 3 สาขาในไทย ซึ่งงานนี้ผู้ถืองาน Bored Town จะได้รับส่วนลดพิเศษด้วย

หรือก่อนหน้านั้น ก็มีการคอลแล็บแบรนด์น้ำพริกน้ำย้อย ของดีเมืองแพร่ ที่เธอทั้งออกแบบแพกเกจจิ้ง และคิดชื่อแบรนด์แบบสนุกๆ ให้เข้ากับ NFT ของตัวเอง อย่าง ‘BORED PASTE’ (บอร์เพสต์ : บ่เผ็ด) น้ำพริกสำหรับคนไม่กินเผ็ด

เห็นโอกาส ได้รับโอกาส และส่งต่อโอกาสให้เพื่อนศิลปิน

อย่างไรก็ตาม โอกาสต่างๆ ที่เจ้าของคอลเล็กชัน Bored Town เห็น และได้รับ ก็ไม่ได้จบแค่ที่ตัวเธอเองเท่านั้น เพราะยังถูกส่งต่อไปให้เพื่อนๆ ศฺิลปิน NFT ชาวไทยด้วย เพื่อสนับสนุนเพื่อนร่วมวงการ รวมทั้งเน้นย้ำความเชื่อมั่นที่ว่า NFT ไม่เคยมีขาลง

“แก็ปได้รับทุนจาก Optimism มาประมาณ 50,000 OP หรือประมาณ 2-3 ล้านบาท เลยอยากเอาเงินนั้นมาจัด Art Contest ให้ศิลปินคนไทย เพราะเท่าที่สังเกต คนไทยจริงจังกับการวาดรูปเพื่อขายเป็น NFT มากที่สุดในโลกแล้ว ก็เลยอย่างช่วยสนับสนุน” (รายละเอียด คลิก)

ฝากถึงคนที่กำลังอยากเดินตามรอยคอลเล็กชัน Bored Town

ถ้าอยากทำ NFT เพื่อขาย ให้หนีไป๊ (หัวเราะ) เพราะว่ามันเหนื่อยมาก มันไม่ใช่วาดรูปอย่างเดียวจบ แต่ต้องคุยกับคนเยอะ ต้องใช้ภาษาอังกฤษ ต้องสร้างคอมมูฯ และแก็ปคิดว่ามันไม่มีที่ให้คนใหม่ๆ เข้ามาขนาดนั้นแล้ว แต่ถ้าอยากลองทำจริงๆ ก็อย่าไปคาดหวังเยอะ เพราะกระแส NFT มันดรอปลง และมันไม่ใช่สิ่งที่แมสเหมือนการขายหุ้น หรือการใช้พร้อมเพย์ด้วย คนยังไม่ได้เข้าใจขนาดนั้น

แต่ถ้าอยากเข้ามาวงการนี้ เพื่อใช้ NFTเป็นส่วนหนึ่งของการตลาด แก๊ปมองว่ามันน่าสนใจเลย และยังทำได้อยู่เรื่อยๆ

ติดตามคอลเล็กชัน Bored Town ได้ที่นี่