Art

NOTYPE – 4 สาวเกิร์ลกรุ๊ปพลัสไซส์ ที่อยากให้ทุกคนมั่นใจในความเป็นตัวเอง

หลายคนคงมีความฝันในวัยเด็กที่อยากไปให้ถึง แม้บางครั้งสิ่งนั้นอาจดูเป็นไปได้ยากที่จะเกิดขึ้นจริง แต่ถ้าไม่ลองวิ่งตามความฝันนั้นดูสักครั้งก็คงไม่มีทางรู้ว่า ในท้ายที่สุดเราจะเป็นตัวเองในแบบที่เคยวาดไว้ได้หรือไม่ วันนี้ EQ อยากพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ มด - สุรดา เรือนทองดี, คิม - วรษา คาฮิลล์, แพร - ณัฐรดา พูลทรัพย์ และพลอย - พลอยพิชชา ตริ่งถิ 4 สาวที่มากไปด้วยแพสชั่นจากวง ‘NOTYPE’ เกิร์ลกรุ๊ปหน้าใหม่ที่รวมตัวนางแบบพลัสไซส์ อินฟลูเอ็นเซอร์ และเภสัชกรมาไว้ด้วยกัน เรียกได้ว่างานนี้เธอทุกคนพร้อมทุ่มหมดหน้าตัก ทั้งแรงกาย แรงใจ ลงมือทำกันเองทุกขั้นตอนเพื่อให้สิ่งที่ฝันไว้ออกมาดีที่สุด

จุดพลิกผันจากนางแบบสู่การเป็นเกิร์ลกรุ๊ป

มด: มดทำแบรนด์เสื้อผ้าสาวอวบอยู่แล้วค่ะ แล้วคิมกับแพรก็เป็นนางแบบที่รู้จักกัน ส่วนพลอยเป็นเพื่อนของเพื่อน ก็เลยมาจอยกัน พอทำงานก็ได้คุยกันมากขึ้นเรื่อยๆ มีคอลเลกชั่นหนึ่งที่เป็นแนว Y2K เราถ่ายรูปกัน 4 คนแล้วลงทวิตเตอร์ ปรากฏว่า คนรีทวีตกันเยอะมากมีเอนเกจเมนต์ถึงประมาณ 3 ล้านเลย หลายคนก็แซวว่าเราจะเดบิวต์เป็นเกิร์ลกรุ๊ปหรือเปล่า ก็เลยคุยกันว่า เฮ้ย เราทำดีปะ เพราะคิดว่าในตลาดก็ยังไม่มีวงแบบนี้ ยังไม่เคยเห็นไอดอลสาวอวบ

แพร: ตอนนั้นทุกคนก็ไม่มีใครห้ามกันเลย เอาก็เอา ลองดู

คิม: แล้วด้วยความที่เราไม่มีค่าย ทำกันเอง คิดจะหาทำก็ทำเลย ก็หาทีมงานมาทำ โชคดีที่มดเตรียมเพลงไว้ส่วนหนึ่งแล้ว

มด: จริงๆ เป็นผู้จัดการวงค่ะ เขาจ้างคนแต่งเพลงแล้วก็ทำดนตรี พวกคอนเซ็ปต์ก็คิดว่า เพลงแรกอยากให้เป็นแนวไหน พอได้เพลงเราก็เอามาคุยกันในวงว่าทุกคนโอเคไหม เพื่อนชอบไหม อยากทำหรือเปล่า แล้วทุกคนก็เอาเลย อาจจะเพราะ เรามีแอทติจูดตรงกันด้วย ที่อยากจะสื่อสารไปแบบนี้

พลอย: อย่างคิมยังมีพื้นฐานบ้าง แต่มดกับแพรคือ เริ่มกันใหม่ เพราะมาจากการแม่ค้า เป็นเภสัชฯ

แพร: เราเหมือนโดนสวิทช์เลยนะ จากวิทย์จ๋า มาทางศิลป์จ๋า หลายคนก็งงว่า แกจะไปเป็นเกิร์ลกรุ๊ปหรอ ขนาดเพื่อนที่สนิทมากๆ ยังบอกว่า ไม่เคยเห็นแกเต้นเลยในชีวิตนี้ ทุกคนคิดภาพเราไม่ออก

NOTYPE กับตัวตนที่หลากหลาย

พลอย: ตอนแรกเรามีหลายชื่อ มี ‘SYRUP’ ด้วย แต่คิดๆ ไปก็รู้สึกว่า เรามารวมตัวกันแต่ละคนก็มีสไตล์ต่างกัน เลยลองตั้งชื่อว่าเป็น ‘NOTYPE’ ดีไหม เพราะตัวตนของเราสามารถเป็นได้หลายอย่าง ไม่จำเป็นต้องหวาน หรือแซ่บตลอดเวลา แต่เป็นอะไรก็ได้ที่ไม่มีรูปแบบตายตัว ไม่มีสิ่งที่ต้องมาจำกัดเรา ก็เลยคิดว่า ชื่อนี้น่าจะตรงกับพวกเรามากที่สุด 

คิม: เราก็ชอบชื่อนี้ตั้งแต่ครั้งแรกเลยนะ เพราะคิดว่า ชื่อดูเป็นเกิร์ลกรุ๊ปดี 

มด: ตอนที่เลือกชื่อเราก็มีกระบวนการทดลองแนะนำตัวนะคะ ‘สวัสดีค่ะ พวกเรา…’ แล้วก็คิดว่าชื่อ NOTYPE ดูเข้ากับพวกเราที่สุด

แพร: ก่อนหน้านี้มีชื่อ ‘UNLOCK’ ด้วย แต่สุดท้ายทุกคนก็โหวต NOTYPE

คิม: เราลองตั้งชื่อด้อมเล่นๆ กันว่า ‘TYPE C’ ด้วย

“เพราะเป็นสายชาร์ตที่เข้าได้กับหลายอุปกรณ์ ก็เหมือนแฟนคลับเป็นที่ชาร์ตแบตของพวกเรา” – มด

พลอย: First impression ตอนที่ไม่รู้จักกันจะรู้สึกว่า คิมเป็นคนสวยเซ็กซี่ มองไปแล้วรู้สึกเจริญหูเจริญตา มี charisma สูง แต่ภาพที่เราเห็นกับตัวจริงก็ต่างกันอยู่นะ พอมารู้จักแล้วกลายเป็นคนน่ารักใสๆ เฉยเลย แล้วก็ขี้เกรงใจด้วย

คิม: เพิ่งค้นพบเหมือนกันนะว่า เราเป็นคนที่ลุคดูแรง แต่ภายในรู้สึกว่า ตัวเองเป็นคนแบ๊วนะ ชอบทำกิจกรรมกุ๊กกิ๊กๆ ผู้หญิงๆ ตอนเห็นพี่พลอยครั้งแรกรู้สึกว่า เป็นผู้หญิงที่ดูแพงมาก จนมาทำงานด้วยกันถึงรู้ว่า เป็นคนที่ตลกมาก ไม่เหมือนในรูปที่คิดไว้เลย พี่แพรลุคก็ดูแพงมากเหมือนกัน ทุกครั้งที่เจอพี่แพรก็จะพูดว่า “เธอคุยกันไปก่อนนะฉันอ่านหนังสือก่อน” พูดทุกครั้งจนมาถึงปีนี้ที่เรียนจบ อย่างมดลุคอาจจะแบ๊วแต่นิสัยจริงๆ เราน่าจะแบ๊วกว่ามดด้วยซ้ำ 

แพร: ครั้งแรกที่เจอมดยังเรียกเราว่า ‘คุณแพร’ อยู่เลย คาแรกเตอร์ภายนอกอาจจะดูแบ๊ว แต่ชีเป็นคนพร้อมลุยพร้อมไฟท์ทุกอย่าง 

มด: ที่จริงเราเป็นคนสบายๆ นะ แต่ตอนทำงานจะจริงจังเลย หลังทำงานเสร็จมดก็จะมีฟีดแบ็กให้กับทุกคนว่า เราควรปรับตรงไหน แต่ข้างนอกเราอาจจะดูแบ๊วๆ งู้ยๆ ตอนเห็นพลอยครั้งแรกรู้สึกว่า สวยมากอยากชวนมาถ่ายแบบ เจอกันครั้งแรกก็ไม่ค่อยกล้าคุยเท่าไร ก็คิดว่า คงเป็นคนเชิ่ดแน่ๆ เป็นฟีลสวยแพง แต่พอมารู้จักตัวจริงเอเนอร์จี้คนละแบบเลย ตอนไปร้องคาราโอเกะด้วยกันก็จอยมาก ร้องเพลง ‘ดาวมีไว้เบิ่ง’

https://www.youtube.com/watch?v=PilvnPv5Vv8

‘Don’t Judge Me!’ ซิงเกิลแรกที่มีทั้งหยาดเหงื่อ และหยดน้ำตา

มด: เป็นความตั้งใจว่า เพลงแรกเราอยากให้เป็นเพลงนี้จริงๆ อยากสื่อสารว่า ‘Don’t Judge Me!’ เพราะหลายคนเห็นลุคเราครั้งแรกก็คิดแล้วว่าดูแรง เลยอยากบอกว่าอย่ารีบตัดสินคนอื่นดีกว่า ช่วงที่เตรียมปล่อยเพลง ในบรรดาทุกคนมดน่าจะช้าที่สุดแล้ว เพราะไม่เคยเต้นแบบจริงจังเลย สงสารเพื่อนๆ ที่ต้องเริ่มซ้อมใหม่หลายๆ ครั้งเพราะเรา ช่วงนั้นรู้สึกแย่กับตัวเองมากกลับบ้านก็คือร้องไห้เลย เลยต้องไปลงเรียนเต้นเพิ่มเพื่อพัฒนาสกิล

คิม: เพลงแรกเรายังไม่มีเวลาขนาดนั้นด้วย เวลาเตรียมตัวมีไม่เยอะ เพราะต่างคนก็มีภาระหน้าที่ส่วนตัว อย่างพี่แพรก็จะติดช่วงเรียน ช่วงสอบ อย่างที่บอกว่า เราทำกันเอง ซึ่งคนที่ทำหน้าที่สไตลิสต์ก็คือ ชีพลอยค่ะ

มด: เราแจกจ่ายหน้าที่กัน ใครทำอะไรได้ก็เอาไปทำ 

แพร: ตอนที่เพลงแรกออก แพรยังฝึกงานอยู่เลย แล้วพอเสร็จจากร้านยาตอนเย็น ก็ต้องนั่งรถจากรามอินทราไปพระรามสองเพื่อไปซ้อม

คิม: ต้องบอกก่อนว่า หลายคนคาดหวังกับเราเยอะเหมือนกัน บางคนอาจจะตีความจากรูปที่เห็นว่า พวกเราต้องแซ่บแบบตัวแม่แน่ๆ ปรากฏว่า พอเราปล่อยเพลงแรกออกมาแล้วไม่ได้เซ็กซี่เบอร์นั้น แต่ยังมีความน่ารักปนอยู่ เราก็จะเจอคอมเมนต์ที่บอกว่า ไม่น่าคาดหวังแต่แรกเลย คิดว่าจะแซ่บกว่านี้

“บางคนคิดภาพไว้ว่า เกิร์ลกรุ๊ปสาวอวบต้องแซ่บแน่เลย แต่เราก็อยากนำเสนอว่าสาวอวบก็มีหลายไทป์นะ ไม่ได้มีแต่คนแซ่บอย่างเดียว มีหวาน มีแบ๊ว มีมั่นใจ” – มด

แพร: อาจจะเพราะแคมเปญสมัยนี้เน้นเรื่องการแสดงออกถึงความเป็นตัวเองด้วย ‘ฉันต้องเปิดเต็มที่’ ‘ต้องไปให้สุด’ แต่จริงๆ คนเราสามารถมีความมั่นใจในตัวเองหลายๆ รูปแบบได้นะ

คำติชมที่ผลักดันให้อยากทำเพลงต่อไปเพื่อพิสูจน์ตัวเอง

คิม: หลายคนก็ติเรื่องโปรดักชั่น ซึ่งเราก็ยอมรับค่ะ รู้สึกเหมือนกันว่า งานออกมาไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหวังมากเท่าไร เพราะพวกเราตัดกันเองด้วย จำได้ว่า ทำถึง 7 โมงเช้า แล้วก็ขึ้นไปนอนกันต่อ 

มด: เราเกลี่ยสีกันเองด้วย ทำทุกอย่างจริงๆ ตอนนั้นนั่งตาโหลกันแล้ว ตัดกันมาเป็นสิบชั่วโมงก็ถามกันว่า เอาไงแบบนี้ได้ยัง

คิม: มันค่อนข้างฉุกละหุกด้วย เพราะอีกไม่กี่วันต้องปล่อยเพลงแล้ว

แพร: หลายคนที่คอมเมนต์ว่าผิดหวัง เขาอาจจะไม่รู้ด้วยแหละว่า พวกเราทำกันเองแบบไม่มีค่าย 

มด: แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้มีใครรู้สึกดาวน์กับคอมเมนต์นะ แค่คิดว่า รอดูเพลง 2 เลย เจอแน่! (หัวเราะ)

คิม: ใช่ กลายเป็นเอเนอร์จี้ที่ทำให้เราฮึดขึ้นมากกว่า รู้สึกอยากพัฒนาต่อ เราก็เอาคอมเมนต์ที่ได้มาเตรียมการสำหรับเพลงที่สอง

แพร: ต้องบอกตรงๆ ว่า การที่มาทำวงนี้ เราไม่ได้อะไรเลยนะ นอกจากสร้างแพสชั่นให้ตัวเอง แต่เรารู้สึกดีตรงที่มีน้องๆ บางคนมาขอบคุณที่เราทำวงขึ้นมา เพราะทำให้กล้าแต่งตัวมากขึ้น การที่เจอคอมเมนต์แบบนี้แค่คอมเมนต์เดียว มันเหมือนเป็นค่าจ้างเราแล้ว เพราะทำให้รู้สึกว่าสิ่งที่เราทำไปมีคนรอดู มีฟีดแบคที่ส่งกลับมาให้เรา

“มีคนทักมาบอกเหมือนกันว่า พี่ทำให้หนูมั่นใจมากขึ้น ชื่นใจทุกครั้งที่เห็นข้อความแบบนี้” – คิม

มด: แล้วก็เคยมีคุณแม่ท่านหนึ่งมาบอกว่า ตอนแรกจะให้ลูกลดน้ำหนัก แต่พอเห็นพวกเราก็บอกลูกว่า ไม่เป็นไร ไม่ได้ไปกดดันลูกแล้ว หมายถึงว่า มันทำให้เขารู้ว่าการมีรูปร่างอวบก็สามารถสร้างความมั่นใจได้ เรารู้สึกว่า สังคมทุกวันนี้ค่อนข้างยอมรับตัวตนที่หลากหลายมากขึ้น แล้วเราก็ไม่ได้ต้องการที่จะสร้างบรรทัดฐานของสาวอวบนะคะ แค่อยากให้ทุกคนมั่นใจในตัวเอง 

แพร: แพรเองผ่านมาทุกช่วงน้ำหนักตั้งแต่ 40 จนถึงเกือบ 100 แล้วก็มาถึงปัจจุบัน เรารู้สึกว่า ไม่มีอะไรตายตัวเลยนะ ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้ตลอด เพียงแค่ตอนนี้เป็น Best version ของเรามากกว่า 

พัฒนาการในแต่ละก้าวที่รอวันค้นพบ

คิม: ตั้งแต่ทำวงเรามีแพสชั่นกับการร้องเพลงมากขึ้น เมื่อก่อนเป็นคนที่ไม่กล้าร้องเพลงต่อหน้าใครเลย ตอนที่เรียนละครเวทีก็จะไม่เลือกเป็นคนที่ต้องร้องเดี่ยว เคยร้องไห้เพราะไม่อยากร้องเพลงด้วย รู้สึกเกร็งทุกครั้งที่ต้องร้องเพลง แต่พอมาทำวงเรากล้าร้องเพลงให้คนอื่นฟังมากขึ้น อยากเรียนร้องเพลงเพิ่ม เพราะรู้สึกสนุกกับการร้องเพลง ช่วงทำพลงที่สองก็มีครูสอนร้องเพลงมาฝึกเพิ่มให้ แล้วก็ทำให้รู้ว่า เราร้องเพลงได้ แต่แค่ยังไม่กล้า อาจจะยังไม่รู้จังหวะการหายใจ แล้วก็ยังเขินอยู่ เลยไม่กล้าร้องออกมา 

พลอย: พลอยก็เรียนเต้น เรียนร้องเพิ่มเหมือนกัน ตอนเด็กๆ เคยเรียนมาบ้าง แต่พอเราห่างมานานก็เหมือนต้องมาซ้อมใหม่ เพราะมันไม่ใช่สกิลที่เรียนแล้วจะทำได้ตลอดไป แต่ต้องคอยฝึกซ้อมอยู่เรื่อยๆ 

แพร: ช่วงที่แพรฝึกงานก็ต้องไปเรียนร้องเพลงต่อถึง 3 - 4 ทุ่ม นั่งฝึกคนเดียวในคอนโดฯ ก็มี ฝึกทุกอย่างทั้งการร้อง การใช้เสียง การใช้ลม เพื่อให้การร้องเพลงของเราดีขึ้นกว่าเดิม 

คิม: อันนี้ต้องชมพี่แพรนะ ตอนทำเพลงแรกพี่แพรยังไม่เคยร้องเพลงมาก่อน แต่พอเริ่มทำเพลงสองจะเห็นว่า สกิลพี่แพรอัปขึ้นมาก รู้เลยว่าเขาต้องซ้อมหนักแน่ๆ 

มด: ใช่ พี่แพรจะชอบอัดเสียงส่งมาให้ฟังแล้วถามว่า ต้องปรับตรงไหนบ้าง

แพร: ตอนนี้เราจริงจังกับการทำวงขนาดที่ยังไม่ไปสมัครงานเภสัชฯ ที่ไหนเลยนะ เพราะอยากมาลุยเพลงสองให้เต็มที่ อยากบอกว่า เราทำตรงนี้เพราะแพสชั่นจริงๆ แม่เคยถามว่าทำวงแล้วได้อะไรบ้าง นี่ก็บอกว่า ไม่ได้อะไรนั่นแหละ แต่มีความสุขที่ได้ทำ ก็แซวไปว่า แม่ไม่รู้หรอกว่าการเปิดเฟสบุ๊กแล้วเห็นว่า มีคนมาคอมเมนต์มันรู้สึกดีขนาดไหน

มด: ส่วนตัวมดก็มีเรียนร้อง เรียนเต้นเพิ่มเหมือนกัน แล้วก็มีเรียนแอคติ้งเพิ่ม เมื่อก่อนเราเป็นคนที่ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกของตัวเอง แต่พอเรียนแอคติ้งทำให้เรากล้าแสดงออกมากขึ้น แล้วก็ทำให้แคร์ตัวเองมากขึ้นด้วย อันนี้เป็นสิ่งที่มีผลกับชีวิตเราเลย พอเรากล้าแสดงออก ก็รู้สึกว่าทำให้งานโฟลว์มากขึ้นด้วย

คิม: เราภูมิใจกับมดมาก ถ้าเทียบเพลงแรก กับเพลงที่สองจะเห็นว่า มดพัฒนาขึ้นมากจริงๆ หลายคนอาจจะยังมองไม่ค่อยเห็น แต่สำหรับเราที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เริ่ม ถ้าให้เอาคลิปซ้อมเต้นมาเรียงกัน จะเห็นเลยว่าทุกคนมีพัฒนาการขึ้นจริงๆ

มด: อยากให้หลายๆ คนติดตาม และรอดูพัฒนาการของพวกเราต่อไปค่ะ

ไอดอลที่สร้างแรงบันดาลใจ และอยากเดินรอยตาม

มด: ส่วนตัวมดชอบวง ‘BLACKPINK’ ค่ะ ชอบ ‘ลิซ่า’ มากๆ เรามองเขาเป็นต้นแบบของความพยายาม และความอดทนมากๆ ไม่ใช่แค่ในด้านของการเป็นเกิร์ลกรุ๊ปนะ แต่รวมถึงการใช้ชีวิตด้วย มดรู้สึกว่า เป็นเรื่องยากมากที่เราต้องอดทนฝึกทุกอย่างเป็นเวลาหลายปีโดยที่ไม่รู้ว่าเส้นทางข้างหน้าจะเป็นยังไง เลยรู้สึกว่าอินสไปร์เรามาก

แพร: แพรไม่ได้ชอบใครเจาะจง แต่ส่วนตัวชอบฟัง T-pop นะ ชอบดูว่า ช่วงนี้แนวเพลงที่ดังเขาทำกันไปในทิศทางไหนบ้าง ซึ่งเราก็รู้สึกว่า เดี๋ยวนี้วงการเพลงพัฒนาไปเยอะมาก 

คิม: เราชอบ ‘NewJeans’ ชอบไวบ์ของวงนี้มาก มีความย้อนยุคแต่ก็ทันสมัย ชอบสไตล์เพลงตั้งแต่ครั้งแรกที่ฟังเลย รู้สึกว่า เขามีอาร์ตไดเรกชั่นที่ชัดเจน สมาชิกในวงก็มีความธรรมชาติที่น่ารักของแต่ละคน ตอนเต้นด้วยกันแล้วมีเสน่ห์มาก แต่ถ้าเป็นวงไทยก็ชอบ ‘ศิลปินจากค่ายกามิกาเซ่’ มาก ถูกจริต และอินกับแนวเพลงของเขาสุดๆ ปล่อยเพลงไหนมาก็ชอบหมดเลย

พลอย: มีอีกวงที่ลืมพูดถึงนะ ‘เกิร์ลลี่ เบอร์รี่’ ไง 

มด: อ๋อ พอดีมีคนบอกว่า วงเราเต้นไม่พร้อมกัน แล้วมีคลิปนั้นออกมาพอดีเลยแซวกันว่า จริงๆ เราเป็นทายาทวงนี้หรือเปล่า เป็นฟีลม่วนไผม่วนมัน 

แพร: ทุกคนมีคาแรกเตอร์ และสไตล์ของตัวเองค่ะ พออยู่ด้วยกันบนสเตจแบบนั้นก็น่ารักดีนะ

“อาจจะฟังดูขำๆ แต่พูดจริงนะว่าอินสไปร์เรามาก หลายคนก็อาจจะเห็นคลิปที่เต้นไม่พร้อมกัน แต่เพลงเขาดีไง เป็นเพลงที่ติดหูใครๆ ก็ร้องตามได้ เราอยากเห็น NOTYPE มีเพลงที่ติดหูแล้วคนร้องตามได้ไปอีกหลายๆ ปีแบบนี้เหมือนกัน” – พลอย

อนาคต ความฝัน การเป็นที่รู้จัก และได้รับการยอมรับ

มด: แพลนในอนาคตที่คุยกันไว้ก็เป็นระยะ 2-3 ปีนะคะ มดอยากให้วงเร