เมื่อปลายปี 2021 โอม - ชนาธิป จักรวาฬ (Ohm - Chanatip Jakrawan) ได้กลายเป็นตำนานบทใหม่ของสโมสรไฮเทค และวงการบาสเกตบอลไทย ด้วยการเป็นนักบาสไทยคนแรกที่สโมสร New Taipei CTBC DEA ของไต้หวัน ที่ถูกยืมตัวไปเป็นผู้เล่นในฐานะนักกีฬาอาชีพแบบมีค่าตัวในตลอดระยะเวลา 1 ฤดูกาล ซึ่งตอนนี้ก็เข้าสู่เดือนที่ 6 แล้ว ที่เขาไปโลดแล่นอยู่ในลีกอาชีพต่างแดน เชื่อว่าหลายคนคงสงสัยไม่ต่างกันว่า บนทางเดินเส้นใหม่นี้ตัวเขาได้พบเจอกับอะไรมาบ้าง
แน่นอนว่าเราไม่ปล่อยให้ทุกคนสงสัยนาน เรารีบต่อสายถึงเจ้าตัวให้เคลียร์คิววัน Day off มาพูดคุยกันเลย
อัปเดตชีวิตที่ไต้หวันให้ฟังหน่อย
คงต้องเกริ่นก่อนว่า ชายเจ้าของความสูง 203 ซม. ที่อยู่หลังกล้องนั้นไม่ได้เริ่มบทสนทนาด้วยการตอบคำถาม แต่เลือกที่จะถามเรากลับว่า “ที่ไทยร้อนมากไหม” พร้อมกับชูแขนให้ดูว่ากำลังใส่เสื้อกันหนาวตัวโคร่ง เพราะที่นั่นอากาศกำลังเย็นสบายสุดๆ
“โอมมาอยู่ที่เขตซินเตี้ยน (Xindian Qū) อยู่ระหว่างไทเปกับนิวไทเป ตอนนี้อากาศเย็นสบาย หลายวันก่อนมีแผ่นดินไหว 6 ริกเตอร์กว่า ของในห้องสั่นไปหมด ส่วนการแข่งขันตอนนี้เหลืออีกแค่ประมาณ 8-9 แมตช์ก็จะจบฤดูกาลแล้วครับ แต่โอมน่าจะอยู่ได้อีกแค่ 6 แมตช์ เพราะปลายเดือนเมษาต้องกลับไทยไปเตรียมตัวแข่งซีเกมส์ 2022”
มีลุ้นต่อสัญญาหรือเปล่า
“ทีมโค้ชกับเพื่อนร่วมทีมก็ถามเหมือนกันว่าจะกลับไปที่ไต้หวันอีกไหม ยอมรับเลยว่าไม่แน่ใจ เพราะต้องกลับไปเรียนให้จบก่อน มันจะเต็มโควตา 8 ปีแล้ว (หัวเราะ) แต่จะรอลุ้นโอกาสในวันที่เราพร้อมอีกครั้งหนึ่ง”
เสียดายไหมที่บาสเกตบอลทำให้เราเรียนจบช้ากว่าคนอื่น
“บาสเกตบอลทำให้การเรียนป.ตรีมันยาวนานกว่าคนอื่น รู้สึกเสียดายเวลาเหมือนกัน แต่มันไม่มีทางเลือก ถึงโอมจะให้ความสำคัญกับการเรียนเป็นหลัก แต่การบาลานซ์การเรียนกับกีฬาให้ดีเท่ากันทั้งคู่ก็ค่อนข้างยาก ก็ต้องยอมรับผล”
เคยคิดไหมว่าจะมาไกลถึงลีกต่างชาติ
อย่างที่โอมเคยให้สัมภาษณ์อยู่บ่อยๆ ถึงปัจจุบันจะเป็นนักบาสที่ทุ่มเทกับการพัฒนาตัวเอง แต่ในอดีตเขาเป็นเด็กที่ปฏิเสธการชักชวนให้เป็นนักกีฬาบาสเกตบอลมาตลอด และแค่อยากเล่นบาสเพื่อเป็นโควตาเรียนต่อเท่านั้น
“ไม่เคยคิดเลยครับ รู้สึกดีใจมาก เพราะพี่ๆ หลายคนบอกว่าเราเป็นคนแรกของไทยเลยที่ได้เล่นลีกต่างชาติ และมีเงินเดือนในฐานะนักกีฬาอาชีพ กลายเป็นประวัติศาสตร์ของเมืองไทย”
ถ้าวันนั้นไม่เลือกเล่นบาสเกตบอล วันนี้เราจะทำอะไรอยู่
“น่าจะเรียนจบคณะดนตรีที่มหา’ลัยแถวลำปาง และเป็นครูสอนดนตรีมั้งครับ เพราะตอนนั้นชอบดนตรี หรืออาจจะขับ Grab อยู่ที่ไทย เพราะตกงานช่วงโควิด (หัวเราะ) ต้องขอบคุณบาสเกตบอลที่เข้ามาเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิต”
เป้าหมายหลังจากได้สัมผัสลีกไต้หวัน
“อยากไปเล่นลีกอื่นๆ ในเอเชียครับ ไม่ได้อยากไปไหนไกล เพราะแค่ได้มาเล่นลีกไต้หวันก็ถือว่าประสบความสำเร็จมากแล้ว และอยากให้ตัวเองเก่งขึ้นกว่านี้ มีบทบาทในเกมมากขึ้น”
มีอะไรบ้างที่วงการบาสไทยต่างจากไต้หวัน
“อย่างแรกเลยคือลีกไต้หวันยาวมากๆ จัดแข่งตั้งแต่พฤศจิกายน–มิถุนายนของทุกปี นักกีฬาก็จะได้เงินเดือนเต็มทุกเดือน แต่ที่ไทยไม่กล้าเรียกว่าลีกด้วยซ้ำ มันเหมือนรายการแข่งมากกว่า รายการละประมาณ 1 เดือน ใน 1 ปีจะมีประมาณ 3-4 รายการ นักกีฬาก็มีเงินเดือนแค่เท่าที่แข่งนะครับ หรืออย่างทีมชาติเองก็ไม่ได้มีเงินเดือนทุกคน จะมีแค่เฉพาะตัวท็อปในทีม ส่วนใหญ่เป็นเบี้ยเลี้ยงซ้อมวันละไม่กี่ร้อยบาท หลายคนเลยต้องทำงานประจำ แล้วเอาเวลาว่างมาซ้อม เป็นแบบนี้มานานแล้ว ซึ่งมันค่อนข้างจะเป็นผลเสียกับนักกีฬา เพราะเวลามีแข่งอะไร เขาก็จะหวังแชมป์ แต่พอตัดภาพมาที่การส่งเสริมจากภาครัฐ จะเห็นว่ามันยังไม่มากพอเลย”
“การเล่นก็ต่าง ที่ไต้หวันจะเล่นเกมเร็ว ถ้ามีโอกาสก็จะทำแต้มตลอด ไม่เสียดายเลยว่าบุกแล้วจะยิงไม่ลง แต่ที่ไทยสไตล์จะช้าๆ กว่าจะส่งลูก กว่าจะชู้ต ส่วนความสามารถและร่างกายเขาก็ดีกว่า เพราะมีนักวิทยาศาสตร์การกีฬาดูแล”
แล้วแบบนี้เราต้องปรับตัวนานแค่ไหน
“เกือบ 2 เดือนเลยกว่าจะเข้าใจระบบทีม โอมต้องปรับเรื่องระบบการเล่นใหม่หมด ตอนอยู่ไทยจะได้เล่นเฉพาะในเขต 3 วินาที ใต้แป้น แต่พอมาอยู่ที่นี่ เขาจะให้เราวิ่งทั้งข้างในและข้างนอก ต้องเป็นคนต่อบอล เป็นสายป้องกันแทน ทำทุกอย่างที่ไม่เคยทำ ช่วงแรกกดดันมาก เพราะเขาอยากให้เรามาเพื่อทำแต้มวงใน แต่โค้ชก็บอกว่าไม่เป็นไร ค่อยๆ พัฒนาไป เขาสอนอะไรเยอะเลย ได้ประสบการณ์เยอะมาก การมาไต้หวันมันเลยไม่ได้เหมือนมาเพื่อแข่งนะ แต่มาซ้อมมากกว่า”
การใช้ชีวิตทั่วไปลำบากไหม
“การกินต้องพึ่งร้านสะดวกซื้อกับเดลิเวอรี่เป็นหลัก เพราะพูดจีนไม่ได้ ราคาอาหารเฉลี่ยต่อวันเกือบ 1,000 NT$ และมีการพูดคุยกันในทีมที่ลำบากหน่อย เพราะบางคนพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ถ้าสื่อสารเรื่องบาสจะพอเข้าใจ แต่กับเรื่องทั่วไปก็ต้องเปิด Google Translate บ้าง ใช้ภาษามือบ้าง แต่ไม่มีปัญหากับการสนิทสนม โอมสนิทเกินครึ่งทีมแล้ว”
เหตุการณ์ฝังใจที่ไม่เคยเจอในไทย
“เป็นพวกบาร์กับไนต์คลับ เพราะบ้านเรา 2 ทุ่มก็ไปนั่งฟังเพลง นั่งคุยกับเพื่อนได้แล้วใช่ไหม แต่ที่ไต้หวันเขาเปิดเที่ยงคืนถึงเช้า เพื่อนเคยพาไปครั้งหนึ่งแล้วเข็ด ครั้งต่อไปเลยขอกลับตีหนึ่งพอ ง่วงไม่ไหว”
ถ้ากลับไทยคิดว่าความคาดหวังของคนอื่นจะสูงขึ้นไหม
“น่าจะเป็นแบบนั้นอยู่แล้วครับ หลายคนคงคาดหวังสูงขึ้น ถ้ากลับไทยแล้วผลงานแย่กว่าเดิม คิดว่าคงโดนคอมเมนต์ถล่มทลายแน่นอน แต่โอมมั่นใจนะว่าตัวเองมีความสามารถมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว เลยไม่กังวลว่าจะเจออะไรไม่ดี”
ความคาดหวังของโอมกับซีเกมส์ 2021
“โอมลงทั้ง 3x3 และ 5x5 คาดหวังว่าต้องเหรียญทองทั้งคู่ เพราะผู้เล่นเราดีมาก สู้ได้อยู่แล้ว แต่รายการ 5 คนอาจจะยากขึ้นหน่อย ปีนี้หลายประเทศในอาเซียนก็มีลูกครึ่งเยอะ ต้องรอลุ้นครับ ยังไงก็ฝากติดตามผลงานโอมด้วยนะครับ โอมกำลังจะกลับไปเล่นที่เมืองไทยในนามทีมชาติ และสโมสรไฮเทคเหมือนเดิม จะมีผลงานออกมาเรื่อยๆ”
ทิ้งท้ายแบบพิเศษเพื่อชาว EQ กับ 3 FACTS ABOUT OHM ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน
1. โอมนับถือศาสนาคริสต์ นิกายโปรเตสแตนต์
2. โอมเป็นเด็กที่มีความฝันหลากหลาย ตอนเด็กอยากเป็นตำรวจตามพ่อ แต่โตขึ้นมาหน่อยก็อยากเรียนบัญชีตามพี่สาว ก่อนขึ้นม.ปลายเคยอยากเรียนดนตรี พอมาอยู่อัสสัมชัญ ธนบุรี แล้วได้รู้จักกับสาขาธรณีวิทยา ก็เลือกสอบโควตาเข้าคณะนี้
3. ก่อนจะมาเรียนคณะศึกษาศาสตร์ เอกพลศึกษา ม.เกษตรศาสตร์ ปี 7 โอมเคยเรียนคณะวิทยาศาสตร์ที่สถาบันเดียวกันมาแล้ว 4 ปี แต่ก็ย้ายคณะ เพราะต้องแบ่งเวลาไปทุ่มเทให้บาสด้วย
ติดตามไลฟ์สไตล์และอัปเดตผลงานได้ที่ j.chanatip31
Photo credit: 新北中信特攻籃球隊 New Taipei CTBC DEA