“อีนี่มันต้องโดนต๊บ!” วลีของ ปันปัน นาคประเสริฐ หรือ Pangina Heals จากวิดีโอแนะนำเหล่าควีนบนเวที RuPaul’s Drag Race UK vs The World ปันปันถือว่าเป็นแดร็กควีนคนแรกของไทยบนเวทีระดับโลก และเป็นการพลิกบทบาทจาก Co - Host สู่ผู้เข้าแข่งขัน วันนี้เรามีโอกาสได้พูดคุยกับปันปันถึงเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับการแข่งขันครั้งนี้
ความรู้สึกหลังจากได้รับการติดต่อ
RuPaul’s Drag Race เป็นรายการแดร็กควีนระดับโลก เราจึงเริ่มบทสนทนาด้วยการถามถึงความความรู้สึกหลังจากได้รับการติดต่อเพื่อเข้าแข่งขันรายการ RuPaul’s Drag Race UK vs The World
“ตื่นเต้นมากๆ มันเป็นความฝันของเรา แล้วเป็นความฝันของเด็ก LGBTQ ทุกคน ที่อยากเห็นคนไทยคนนึงไปแข่ง Drag Race เราไม่ใช่แค่คนไทยคนแรก แต่เราเป็นคนแรกจาก Southeast Asia ที่ไปแข่งด้วย เพราะส่วนมากคนที่เขาแข่งจะเป็นคนอเมริกันหรือว่าคนที่อยู่ในประเทศนั้นอยู่แล้ว มันมีความกดดันไม่ใช่ฐานะที่แป็นคนไทยคนเดียวด้วย แต่มันมีความกดดันตรงที่เราเป็นกรรมการมาก่อน ถ้าเกิดเราทำได้ไม่ดี คนก็จะบอกว่า เธอมีสิทธิอะไรมาตัดสินฉัน เราก็เลยรู้สึกว่าเราต้องไปทำให้เต็มที่ที่สุด การไปครั้งนี้รู้สึกว่าถ้ามีจุดอ่อนอะไรเราจะแก้ให้หมด และกันไว้ให้หมด ไม่ให้เขาหาข้อบกพร่องเราได้ค่ะ”
“ปันตัดสินใจเรียนเพิ่มทั้งหมด 11 อย่าง เช่น แต่งหน้าทำผม การแสดง เย็บผ้า เพื่อจะทำให้เราพร้อมที่สุด เราคิดว่าอาจจะไม่เก่งเรื่องอะไร เราไปเรียนใหม่หมดเลย”
คิดว่าทำไมเขาถึงเลือกเราเป็นผู้เข้าแข่งขัน
“เพราะว่าพอมันเป็น VS The World เนี่ย เขาอยากให้มีตัวแทนจากแต่ละประเทศไป แล้วในเมืองไทยเขาอาจจะเห็นว่าปันถนัดภาษาอังกฤษ ปากหมา เต้นเป็น และก็เป็นกรรมการมาก่อน แล้วไม่รู้ว่าพี่อาร์ตไปแข่งเข่าจะหักหรือเปล่าเพราะว่านางก็มีอายุในระดับนึง แต่ก็ชวนไปด้วย”
อีนี่มันต้องโดนต๊บ!
หลายคนอาจสงสัยว่าวลี อีนี่มันต้องโดนต๊บ! มาจากอะไร ปันปันเล่าให้ฟังว่า “ตอนนั้น quarantine กันอยู่ แล้วดูหนังเรื่อง Obsessed ที่บียอนเซ่เล่น ฉากที่กำลังตบอีชะนีที่จะมาเอาผัวนาง แล้วมินตรานั่งกินส้มตำอยู่ข้างๆ ปัน ตอนนั้นนางกำลังทะเลาะกับผัวอยู่ด้วย อินเนอร์นางก็มาแรงแล้วก็ หูย อินี่มันต้องโดนต๊บ! เรื่องแค่นั้นเลย แล้วก็กลายเป็นมีมกันใหญ่เลยว่า อีนี่มันต้องโดนต๊บ ส่วนในวิดีโอเขาแค่พูดว่าไหนเธอจะไป attack คนเหมือนกับในเกมจะพูดว่าอะไร รูปอีมินตรามันก็ขึ้นมาในหัว อีนี่มันต้องโดนต๊บ”
เป็นคนชอบแข่งขัน
หลังจากคุยมาได้ประมาณนึง จะเห็นได้ว่าปันปันมุ่งมั่นกับการแข่งขันครั้งนี้มาก เรียกได้ว่าทุ่มสุดตัวเลยก็ว่าได้ เราจึงถามปันปันว่าพื้นฐานเป็นคนชอบแข่งขันอยู่แล้วใช่ไหม
“มากค่ะ คือปันเป็นคนที่แข่งขันอะไรแล้วเอาจริงมาก แล้วปันซีเรียสมาก ถึงไม่ชนะ แต่เราต้องไปใกล้ที่สุดให้ได้ เพราะว่าปันเป็นแดนเซอร์มาก่อน ปันแข่งเต้นมาก่อน ปันก็แข่ง wracking ปันจะต้องเอาเบอร์หนึ่งไม่ก็เบอร์สองให้ได้ คือเราเป็นคนซีเรียสเรื่องการแข่งเต้นมาก เราเอามาใช้กับการแข่งขันนี้ด้วยเหมือนกัน เราดูหมดเลยว่าผู้แข่งขันน่าจะเป็นใคร กรรมการน่าจะเป็นใคร น่าจะชอบอะไร เพลงควรเป็นแบบไหน เพลงไหนกำลังอยู่ เราฟังหมดเลยเผื่อมันจะออกมาในรายการ ประเทศที่เราจะไปแข่งประเทศอะไร เพราะฉะนั้นเพลงที่ออกมาน่าจะเป็นแบบไหน เตรียมไว้หมดเลยค่ะ”
จาก Co - host สู่ผู้เข้าแข่งขัน
แน่นอนว่าหลายคนรู้จัก ปันปัน จาก Co - host รายการ Drag Race Thailand การเป็นผู้เข้าแข่งขันถือได้เป็นเรื่องใหม่ เราจึงถามปันปันถึงความยากของการสลับบทบาทในครั้งนี้
“ทุกคนชอบถามคำถามนี้ว่ามันยากไหม คนสรุปกันเยอะว่ามันต้องยากแน่เลย จากเป็นกรรมการกลายเป็นผู้เข้าแข่งขัน บางคนใช้คำนี้ด้วยนะ ทำไมยูลดตัว นี่คือรายการที่ใหญ่ที่สุดในโลกนะคะ คุณคิดว่านี่คือการลดตัวเหรอคะ ฉันก็อยากให้ทุกคนเห็นว่า แดร็กเมืองไทยเก่งขนาดไหน ถ้าฉันไม่ไปรายการนี้จะให้ฉันทำอะไร ให้ฉันนั่งอยู่ที่บ้านเอาพัดลมเป่าเล่าเหรอ แล้วอีกอย่างนึง คุณไม่สามารถเป็นครูที่ดีได้ ถ้าคุณเป็นนักเรียนที่ดีไม่ได้ค่ะ ฉะนั้นฉันพร้อมที่จะให้คนสอน ยิ่งคำพูดของกรรมการที่ฉันเชื่อถือ หรือคนที่อยู่ในวงการมา มันไม่ดีเหรอที่คุณจะได้พัฒนาเป็นแดร็กควีนที่ดีขึ้น”
วิเคราะห์ตัวเอง
หลังจากพูดคุยเรื่องการเตรียมตัวไปประมาณนึงแล้ว เราถามปันปันถึงข้อได้เปรียบของตัวเอง และมีสกิลไหนบ้างที่รู้สึกว่าเป็นจุดเด่นของตัวเอง
“เราได้เปรียบในเชิงที่เป็นกรรมการ แต่มันได้เปรียบไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะกรรมการแต่ละคนชอบไม่เหมือนกัน แต่ว่าในเวย์เบื้องหลัง เราพอทราบมาบ้าง แต่เราทราบเบื้องหลังในฐานะเป็นกรรมการ เราไม่เข้าใจภาษา Reality TV เราไม่เข้าใจมุมกล้องอยู่ตรงไหน เพราะว่าตอนเป็นกรรมการเขาจ่ายตังให้มา แล้วมานั่งดูกระเทย แต่พอตอนนี้เราไปแข่งจริงแล้ว เราต้องทำเองหมดทุกอย่าง เพราะฉะนั้นมันเหมือนกับอีกโลกนึงเลย มันเหมือนกับว่าเราต้องพูดภาษาใหม่ที่เรายังพูดไม่เป็นค่ะ”
“ปันว่าจุดดีที่เรามีคือ มุมมองแฟชั่นที่เป็นไทย มุมมองที่ว่าเราไม่จำเป็นที่จะต้องมี silhouette เหมือนเดิมบ่อยๆ หรือมี signature look ปันไม่มี signature look ปันสามารถเปลี่ยนได้ตลอด แล้วนั่นคือสิ่งที่หลายๆ คน กลัว นอกจากนี้ไม่มีใครรู้ว่าปันทำอะไรได้บ้าง คนส่วนมากในรายการหรือคนต่างประเทศไม่รู้จักปัน ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นปันเคยดูเขามาหมดแล้วว่า จุดแข็ง ข้อเสียคืออะไรบ้าง แต่สำหรับปัน เขาไม่รู้ว่าปันทำอะไรได้บ้าง”
“My Signature look is versatility I can change every time ทำไมไม่ทำให้ทุกคนแปลกใจทุกครั้งที่ฉันเดินออกมาบนรันเวย์”
Photo credit: Surachai Saengsuwan
วิเคราะห์ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น
หลังจากวิเคราะห์ตนเองไปแล้ว เราเลยถามถึงจุดเด่นที่น่าจับตามองของผู้เข้าแข่งขันบนเวที RuPaul’s Drag Race UK vs The World
“Monique Heart เก่งเรื่องแฟชั่นและก็เรื่อง polish Janey Jacké เต้นเก่ง แต่ถ้าพูดเรื่องตลกและแอคติ้ง Baga Chipz สุดยอด ลูกบ้าที่เก๋ๆ ยังไงก็ต้องทำให้ RuPual หัวเราะอยู่แล้ว แล้วทุกคนก็รู้ว่าถ้าเกิดทำให้ RuPaul หัวเราะ ยูไปได้ไกลแน่นอนคือ Jimbo เต้นเก่งที่สุดในรายการแล้วก็แสดงเก่งมากๆ น่าจะเป็น Lemon ส่วน Cheryl Hole ยังไงมีคนรักเยอะมากๆ อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นน่าจับตามองเหมือนกัน และถ้าพูดถึงแต่งหน้าเก่งที่สุดใน commutation สำหรับปันคือ Blu Hydrangea”
“ถามว่ากลัวคนไหนเป็นพิเศษไหม ไม่กลัวใครค่ะ เขาควรจะกลัวปัน”
คิดว่าแดร็กกัดกันรุนแรงเกินไปไหม ในโลกที่คนเซนซิทีฟมากขึ้น
“คนที่ปันเป็นไอดอลเรื่อง comedy เป็นคนที่มี Dark Humor เกือบหมดเลย ไม่ว่าจะเป็น Bianca Del Rio, Joan Rivers, Kathy Griffin, Margaret Cho, Amy Schumer, Wanda Sykes พวกนี้เขากัดตัวเองหมด เขามีคอมเมดี้ที่มาจากความเจ็บปวด Joan Rivers เคยพูดว่า “Pain or Tragedy Plus Time Equals COMEDY” เราสามารถฮีลตัวเองได้ และหัวเราะเกี่ยวกับเรื่องบางเรื่อง ถ้าเกิดเป็นเรื่องที่เจ็บปวด เราใช้เวลาแล้วเรามาฮีลมัน แต่บางครั้งคนบางคนก็ไม่พร้อมที่จะหัวเราะกับเรื่องพวกนี้ เพราะฉะนั้นมันก็มี fine line จริงๆ แต่ปันว่า Drag Queen เป็นพวกที่มันบ้าบิ่น เพราะฉะนั้นหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรที่คนไม่กล้าเอามาพูด เขายกเอามาพูดได้ แหม ดูตัวอย่างล่าสุดสิ ที่ฉันออกไปประท้วงเรื่องสมรสเท่าเทียม หมายศาลมาถึงบ้านเลยค่ะ”
นำเสนอความเป็นไทยสู่สายตาโลก
การนำเสนอความเป็นไทยสู่สายตาโลกในเวทีต่างประเทศ บางคนอาจมองว่าเป็นความคิดล้าหลังและผูกติดกับชาตินิยม เราจึงถามว่าการนำเสนอความเป็นไทยจะถูกมองว่าเป็นความคิดล้าหลังไหม
“ไม่นะ เพราะเราจะโดนอะไร มันก็เป็นเรื่องของเวลา มันก็เป็นเรื่องของคนอื่น (พูดเสียงเป็นมีทำนอง) ซึ่งถ้าหนูฟังคนอื่นแต่แรกหนูก็ไม่ต้องแต่งหญิงแล้วค่ะ มันต้องมีโมเมนต์ว่าเราต้องทำในสิ่งที่เรามีความสุข สิ่งที่เราภูมิใจ และทำมันไปโดยที่ไม่ต้องฟังคนอื่น เพราะบางครั้งคนอื่นไม่ได้ถูกเสมอไป เราเปลี่ยนตัวเองได้ และก็ทำให้มันดีขึ้นได้ แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่สำคัญกับหนูมากก็คือ หนูภูมิใจที่เป็นคนไทย! สำหรับเราสิ่งที่ภูมิใจมาก ๆ คือวัฒนธรรมและมรดกของเรา เราภูมิใจและพร้อมที่จะไปโชว์หมด เพราะฉะนั้นทำไมไม่เอาสิ่งหนึ่งที่เป็นรากฐานของเรามาใช้ล่ะ ปันไม่เห็นข้อเสียเลย แล้วอีกอย่างนึงเราไม่ได้ไปแล้วแบบดูถูกตัวเอง”
“ดิฉันรวบรวมทุกอย่างที่เป็นตัวฉัน ฉันเป็น Melting pot of culture with the root of being Thai and Taiwanese in one person”
การนำเสนอความเป็นไทยของปันปันไม่ได้มีแค่อินเนอร์เท่านั้น เสื้อผ้าและเครื่องประดับที่จะใส่เข้าแข่งขัน RuPaul’s Drag Race UK vs The World ครั้งนี้ยังมาจากดีไซเนอร์ไทยอีกด้วย
“ปันรู้สึกว่า สิ่งหนึ่งที่ปันภูมิใจมากคือเรื่อง Thai Designer ปันจะไม่ได้บ้าแบรนด์เนมต่างประเทศ คือซื้อแต่ Thai Designer ทุกอย่างที่อยู่บนตัวปันในรายการ ไม่ว่าตอนไปแต่งเป็นผู้ชายหรือแต่งเป็นแดร็กคือ Thai Designer ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นรุ่นใหม่หรือรุ่นเด็กๆ ก็ตาม เราคือค้นหาดีไซเนอร์ทั่วแบบพลิกแผ่นดิน แล้วแต่ละอย่างเราได้เห็นในรายการคือความเป็นไทยในเครื่องไทย ที่บวกความประยุกต์ บวกแดร็ก บวกวัฒนธรรม และเติม evolution เข้าไป”
การแข่งขันที่ EXOTIC ที่สุดในชีวิต
“น่าจะเป็นตอนแข่งเต้นแล้วขาหักค่ะ มันมีอยู่แปดอาทิตย์ ปันขาหักวันแรกของการแข่งขัน ตอนที่เราเข้าไป เราเป็นแดนเซอร์ เราก็ภูมิใจมาก ยังไงกูก็ชนะ ขาหักวันแรกเลยค่ะ เต้นไม่ได้จ้า แข่งอยู่แปดอาทิตย์ เราขาหัก เดินไม่ได้ไปหกอาทิตย์ เต้นอยู่ในรถเข็น เห็นได้เลยทุกโชว์มีแต่รถเข็น สุดท้ายต้องเริ่มกลับมาเดินใหม่ ในที่สุดก็ชนะได้ที่หนึ่ง เขาคงสงสารแหละ ภายในหกอาทิตย์กลับมาเรียนวิธีการเดินใหม่ โหดมาก เราเป็นนักเต้นด้วยเรื่องขาหักนี่คือกระเทือนจิตใจเลยนะ มันร้องไห้แบบสติแตกเลย ”
คาดหวังกับผลงานการแข่งขันครั้งนี้ไหม
“ถ้าเราทำได้ดีที่สุดแล้ว เราไม่ต้องคาดหวังอะไรแล้ว เรารู้สึกว่าไปแข่งครั้งนี้ พร้อมแล้ว เรารู้ว่าเราเป็นใคร เราไม่เสียศูนย์ ไม่มีอะไรที่จะต้องกลัว แล้วก็ไม่ได้กลัวด้วย ก็ลองดูสิคะ”
ติดตามและอัปเดตผลงานของ ปันปัน นาคประเสริฐ ได้ที่ panginaheals