วันนี้ EQ ชวนมาทำความรู้จัก ‘แจ๊ค’ - อรรถพล ละมูล (ร้องนำ) และ ‘จีน’ - พันธุ์กวี สัมมาชีวานันท์ (กีตาร์) จากวง SHERRY ศิลปินค่าย SPICYDISC ที่มีจุดเริ่มต้นจากวง Alternative Rock สู่เจ้าของซิงเกิ้ลใหม่ล่าสุด ‘เธอไม่ได้สอนให้ฉันอยู่คนเดียว’ เพลงที่มาพร้อมมู้ดขมๆ แต่ไม่มีใครอยากคายทิ้ง บอกเล่าเรื่องราวการจากลาที่สามารถฟังได้ทุกเพศทุกวัยโดนใจทุกความสัมพันธ์
https://www.youtube.com/watch?v=nbJa3bwwTJ0
ทำไมถึงชื่อวง SHERRY
แจ๊ค: ย้อนกลับไปช่วงประกวดดนตรีที่มหาวิทยาลัย เรามีเพื่อนเป็นวง Dept แล้วเขาตั้งชื่อจากดาราที่ชอบ คือ ‘Johnny Depp’ ตอนนั้นเรายังไม่มีชื่อวงเหมือนกัน จริงๆ ไม่รู้อันนี้พูดได้ไหม แต่ตอนนั้นมือกลองอดีตสมาชิกวงก็พูดขึ้นมาว่าชอบ ‘เชอรี่ สามโคก’ เราก็คิดว่างั้นก็ใช้ชื่อ ‘เชอร์รี่’ ดิ (หัวเราะ) เพราะชื่อมันคอนทราสต์ดีมีความหวานๆ แต่ช่วงแรกเราคิดกันว่าอยากทำวงแนว Alternative Rock ครับ แบบซ่าๆ เลย เลยคิดว่าคำว่า ‘เชอร์รี่’ มันดูคอนทราสต์กับความเป็นร็อคดีก็ลองเอามาใช้ดู แล้วปรากฏว่าติดปากจนคนจำได้ก็เลยใช้ชื่อนี้
จีน: ก่อนจะมาเป็นชื่อนี้เหมือนเคยคิดเป็นชื่อ Supermarket ด้วย
แจ๊ค: แต่รู้สึกว่าชื่อนั้นมันไม่ได้ ชื่อที่สองที่คิดเป็นชื่อ SHERRY แล้วก็ใช้ยาวเลย
จีน: เรามีเปลี่ยนจากตัว 'C' เป็นตัว 'S' ด้วยครับ แต่ไม่มีเหตุผลนะครับ แค่รู้สึกว่ามันสวยดี
ถ้าเปรียบเทียบ SHERRY เป็นคนจะเป็นคนแบบไหน
แจ๊ค: ผมว่า SHERRY เป็นคนที่มองโลกตามความเป็นจริงครับ แล้วก็มองในเชิงบวกด้วย ไม่ใช่คนที่มองอะไรในแง่ร้าย มันเบสออนจากตัวเราสองคนนี่แหละครับ พวกเราก็พยายามจะใช้ภาษา หรือวิธีการสื่อสารที่มันเป็นเราในเรื่องการมองโลกตามความเป็นจริง และยอมรับมัน
ถามว่าเป็นคนแบบไหนหรอ เป็นคนชอบกินข้าวไม่ชอบกินเส้น ชอบทำอะไรสนุกๆ ชอบมุกตลก แต่ว่ามีความคิดมากเหมือนกันทั้งคู่ บางทีคิดน้อยก็จะคิดว่าทำไมคิดน้อย
จีน: ช่วงแรกๆ ที่ทำ EP จะมีบางเพลงที่ต้องส่งอาทิตย์หน้าแต่ยังไม่เสร็จก็จะรีบทำให้มันได้ แต่ทุกวันนี้นั่งคิด นั่งแก้ นั่งลบ
การรับมือกับความคิดมากในแบบของ SHERRY เป็นอย่างไร
แจ๊ค: เหมือนยิ่งรู้เยอะยิ่งคิดมากครับ จริงๆ เมื่อก่อนเราก็อาจจะคิดมากแหละ แต่มันได้เท่านั้น ผมว่าเราทั้งคู่มีกำแพงเรื่องความคิดอยู่ อย่างเพลงชุดหลังที่เราปล่อยไป 3 เพลง แล้วฟีดแบคดีขึ้นเรื่อยๆ เราจะรู้สึกว่ามีกำแพงที่ไม่อยากให้เพลงต่อไปดร็อปลง มันเลยเป็นเรื่องยากที่เมื่อไหร่เราจะลดกำแพงนี้ได้สักที จะได้มีอิสระ มีความคิดที่ลื่นไหลมากกว่านี้ แต่ที่คิดมากก็เพราะ เราอยากรักษามาตรฐานของเราไว้
จีน: เวลาพวกเราคิดมากก็จะมีเพื่อนคนนึงที่คอยเคาะให้เราครับ ก็คือ ‘เบนซ์’ (โปรดิวเซอร์/นักร้องนำวง Dept) สมมุติเราไม่รู้ว่าจะเอาอย่างไร ก็ตัดปัญหาด้วยการให้เขาเคาะไปเลย
แจ๊ค: เราจะมีแก๊งชื่อว่า 'บ้านอุ่นรัก' ครับ เป็นแก๊งที่เราเช่าบ้านอยู่ด้วยกันตอนเรียนมหาวิทยาลัย เหมือนเป็นจุดศูนย์กลางที่เพื่อนจะมารวมตัวกัน
จีน: ไม่รู้จะไปไหนก็มาบ้านอุ่นรักดีกว่า
แจ๊ค: ชื่อนี้ ทิ้ว นักร้องวง YEW เป็นคนตั้งครับ
จากศิลปินอิสระมาเป็นศิลปินของ SPICYDISC ได้อย่างไร
แจ๊ค: เราไปตั้งบูธที่ Cat Expo 8 แล้วบังเอิญได้ตั้งข้างๆ กับพี่ๆ วง Moving and Cut แล้วพี่หยางมือเบสก็มาบอกว่าพี่ก้อ - ณฐพล ศรีจอมขวัญ อยากคุยด้วยซึ่งเขาเป็นผู้บริหารครับ แต่ผมเป็นคนติดอำไง ก็เลยคิดว่าคนอื่นอำผมคืนหรือเปล่า ตอนนั้นนึกว่าเขาล้อเล่น
จีน: แล้วเขาก็เงียบไปสักพักนึง แต่พี่หยางก็มาถามอีกทีว่า จะเข้าไปคุยวันไหน เราเลยคิดว่าเริ่มจริงละ
แจ๊ค: พอเข้าไปคุยก็รู้สึกถูกคอครับ คิดว่ามันโอเค แล้วเราก็อยากจะเติบโตขึ้นด้วย ก็เลยตกลงปลงใจอยู่ด้วยกันครับ
จีน: ตั้งแต่เข้าค่ายผมก็รู้สึกว่าเราตัดปัญหาไปได้หลายเรื่องเหมือนกัน พอมีคนเข้ามาช่วยด้านการจัดการทุกอย่างก็ดูเป็นระบบมากขึ้น
แจ๊ค: สำหรับในแง่การทำเพลงผมว่ายังไม่ต่างเพราะ พวกเรายังขอทำเองกันอยู่ครับ เรากลัวช็อกน้ำถ้ามีคนมารุม (หัวเราะ) ทางค่ายก็จะซัพพอร์ตเราในส่วนของการโปรโมท ทำให้สบายใจขึ้นครับ ไม่ต้องมากังวลว่า จะปล่อยเพลงวันนี้ต้องลงรูปอะไรก่อน อะไรแบบนี้
ตอนแฟนเพลงมาหาเราที่บูธ หรือมาดูเราเล่นรู้สึกอย่างไรบ้าง
แจ๊ค: เราชอบไปออกบูธเพราะ เราอยากเจอแฟนเพลงนี่แหละครับ ก็ดีใจทุกครั้งที่ได้เจอ ไม่ต้องมาอุดหนุนกันก็ได้ครับ แค่มาเจอ มาถ่ายรูป หรือคุยกันก็ดีใจมากๆ แล้ว แต่ถ้าอุดหนุนก็จะยิ่งดีใจครับ
จีน: ตอนเราไปตั้งบูธที่ Cat ปีแรก ผมไม่คิดเลยว่าเสื้อกับสินค้าเราจะขายหมด แล้วหมดภายในวันแรกเลย ผมตกใจมาก
แจ๊ค: ใช่ มีกำลังใจมากครับ มันทำให้เราอยากทำเพลงต่อ ทุกครั้งที่ได้เจอแฟนเพลงเหมือนได้เติมกำลังใจ
จีน: เราก็คุยกันว่ามันหมดได้ไง (หัวเราะ)
แจ๊ค: ใช่ครับ ตอนนั้นเป็นความงงมากกว่า แล้วก็คุยกันว่าเราจะทำอะไรกันต่อดี แต่พวกเราชอบคิดว่า ถ้าทำสิ่งหนึ่งแล้วมันเวิร์กเราก็จะยึดไว้แล้วเอามาต่อยอดครับ เพราะอย่างน้อยก็อยากทำให้ได้มาตรฐานเดิม
งานแรกๆ น่าจะเป็นที่พระจอมเกล้าพระนครเหนือ เป็นงานอีเวนต์ที่นักศึกษาจัดครับ แล้วเขาก็มาชวนเราไปเล่น ส่วนตัวผมรู้สึกว่ามันคนละแบบกันเลยครับ ออนสเตจเหมือนเราได้มาเจอคนจริงๆ ที่มีรีแอคกับเรา ซึ่งเตรียมตัวไป 100% มันไม่พอ ต้องเตรียมไปมากกว่านั้นเผื่อเราตื่นเต้นด้วย
ส่วนมากปัญหาที่เจอจะเกี่ยวกับอุปกรณ์ครับ บางทีเรารีเควสไปแล้ว แต่เขาไม่ได้หาให้เราแบบนั้น ก็จะล่ก เพราะของพวกนี้บางทีจะลดความมั่นใจของเรา
จีน: พวกเราก็ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันไป
คิดอย่างไรบ้างที่หลายคนบอกว่าชอบดู SHERRY เล่นสดมากกว่าฟังในสตรีมมิ่ง
แจ๊ค: ดีใจครับอันดับแรกเลย ผมว่าเป็นทุกเพลง และทุกวงนะ เล่นสดน่าจะแตกต่างกับใน Audio อยู่แล้ว เพราะมันเป็นฟีลลิ่งจริงๆ ของทั้งคนส่ง และคนรับ ณ ตอนนั้น ทุกวงก็น่าจะมีเสน่ห์ที่แตกต่างกัน งานที่ทำให้รู้สึกดีมากๆ ของผมน่าจะเป็นงานอุ่นรักปาร์ตี้ครับ เป็นงานที่พวกเราจัดกันเองที่ลิโด้ เป็นครั้งแรกที่เราเห็นคนดูร้องเพลงเราได้แทบทุกเพลงเลย แล้วร้องดังมาก เลยรู้สึกดีที่เพลงที่เราเขียน ที่เราทำ มีคนร้องตามได้
จีน: เห็นแล้วมันชื่นใจครับ
คิดว่าคนเริ่มรู้จัก SHERRY จากเพลงไหน
แจ๊ค: เพลงที่บูมเพลงแรกคือ ‘ก็รู้ดี’ ครับ เหมือนทำให้เราฟื้นคืนชีพเนอะ
จีน: ใช่ เพลงก็รู้ดีทำให้เพลง ‘วันที่ดี’ แล้วก็เพลงอื่นๆ กลับขึ้นมามีคนฟังมากขึ้น
แจ๊ค: ก็รู้ดี เป็นซิงเกิ้ลแรกที่ไม่ได้อยู่ในอีพี ‘Without Theory 001’ ที่เราเคยเอาไปขายด้วยครับ ผมรู้สึกว่าถ้าเทียบกับเพลงเก่าๆ ไม่ใช่ว่าเพลงเก่าไม่เพราะนะ แต่ด้วยช่วงเวลา และหลายๆ อย่างทำให้เพลงนี้อาจจะโดนเส้น กลายเป็นเพลงที่เพราะสำหรับคนฟังในกลุ่มที่กว้างขึ้น
จาก Alternative Rock ทำไมช่วงนี้ถึงเริ่มหันมาทำเพลงช้า
แจ๊ค: ให้พูดตรงๆ คือเพลงแรกๆ พวกเราเจ๊งครับ (หัวเราะ) ซึ่งตอนนั้นเราก็ยังไม่ได้คิดเรื่องยอดขาย หรืออะไรหรอก ใช้แพสชั่นล้วนๆ แต่พอเริ่มโตขึ้น แล้วเราฟังเพลงมากขึ้นด้วย ก็รู้สึกว่าเรามีมู้ดนี้ (ช้าๆ ซอฟต์ๆ) เหมือนกันนะ ซึ่งที่จริงก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้เพลงมันช้าลงเรื่อยๆ หรอกนะครับ
จีน: เมื่อก่อนตอนวงเราไปโชว์แรกๆ จะมีคนถามว่าไม่มีเพลงช้าบ้างหรอ แต่พอช่วงนี้ก็กลายเป็นว่ามีเพลงช้าล้วนๆ เลย
แจ๊ค: เมื่อก่อนเราจะชอบฟังเพลงคล้ายๆ กัน ตอนนี้ก็เริ่มชอบไม่เหมือนกันบ้างแล้ว พอโตขึ้นเราก็ฟังมากขึ้นแหละเนอะ ผมจะฟังแนว easy listening มากขึ้น เป็นเพลงที่มีเปียโนเยอะขึ้น มีเมโลดี้ที่เพราะสำหรับผมมากขึ้น ส่วนจีนจะยังฟังเพลงที่ติสต์ๆ ได้อยู่ หลังๆ ผมไม่ค่อยได้ฟังแนวนี้แล้ว แต่เดี๋ยววงเราจะมีเพลงที่เร็วขึ้นแน่นอนครับ
ในอนาคตจะมีโอกาสได้ฟังเพลงแนวใหม่ๆ จาก SHERRY ไหม
แจ๊ค: ผมไม่แน่ใจว่ามันจะเรียกว่าเพลงแนวใหม่ของวงเราไหม แต่เป็นไดเรคชั่นใหม่ของวงเราครับ ตอนทำอีพีแรกเรายังเด็ก แต่ตอนนี้โตขึ้นแล้ว อะไรหลายๆ อย่างก็จะเข้มข้นขึ้นด้วย
จีน: มันเป็นฟีลเหมือน ชุดใหม่เรามีแต่เพลงช้าเป็นส่วนใหญ่ ก็จะลุ้นว่าเพลงจังหวะปานกลาง เพลงเร็วของเราหลังจากนี้จะหน้าตาเป็นอย่างไร
แจ๊ค: ส่วนในอนาคตอันใกล้ ในปีนี้คงทำตามแพลนที่ค่ายให้ก่อนครับ (หัวเราะ) สารภาพตามตรงว่าเราไม่ได้มีเพลงเก็บเยอะ ตอนนี้ก็เลยพยายามปลุกปั้นกันอยู่ เราเป็นคนที่ทำงานกันออกมาเสร็จช้า ตอนนี้ก็พยายามให้เร็วขึ้นแล้ว
จีน: วนกลับไปที่เคยบอกว่าพวกเราชอบคิดมาก มันเป็นแบบนั้นแหละครับ คิดไปคิดมาว่าจะส่งให้เขาเลยดีไหม หรือแก้ใหม่ดีกว่า
แจ๊ค: พอเราคิดเยอะก็เลยช้า แต่ถ้าคิดเยอะแล้วมันโอเค ก็ดีกว่าที่เราไม่ได้คิดแล้วมานั่งแบบ อ้าว ทำไมตอนนั้นทำแบบนั้น
หลังจากปล่อยซิงเกิ้ลล่าสุด ‘เธอไม่ได้สอนให้ฉันอยู่คนเดียว’ ฟีดแบคเป็นอย่างไรบ้าง
แจ๊ค: ผมโอเคมากๆ เลยครับ ก่อนจะปล่อยเพลงนี้ตอนแรกผมแอบเฉยๆ เพราะรู้สึกว่าไม่อยากคาดหวังมาก คิดว่าผลตอบรับก็น่าจะประมาณนึงแหละแต่ก็เผื่อใจไว้ ปรากฏว่า ตอนนี้มันดีกว่าที่คิดครับ ผมว่าเพลงวงเราเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ นะ ทั้งดนตรี และเนื้อร้อง รู้สึกว่าเราเริ่มจับทางเพลงช้าได้แล้ว ในพาร์ตของดนตรีเราก็จะมีรายละเอียดที่มากขึ้น
จีน: ผมก็รู้สึกเหมือนแจ๊คครับว่าเพลงเราเข้มข้นขึ้นในทุกๆ ด้าน อย่างเนื้อเพลงผมว่า เพลงนี้น่าจะซีเรียสที่สุดแล้วที่ทำมา
แจ๊ค: เป็นเพลงที่จริงจังมากขึ้น แล้วก็ฟังได้กว้างขึ้นสำหรับเรนจ์อายุของคนฟัง
ถ้าวันหนึ่งตื่นมาแล้ววงเราดังมากเพลงแมสสุดๆ จะรู้สึกอย่างไร
แจ๊ค: เรียกได้ว่าผมไม่เคยคิดดีกว่านะในเรื่องนี้ จีนเคยคิดปะ
จีน: ผมเคยคิดประมาณว่าถ้าเกิดดังขึ้นมาจะเป็นอย่างไร แต่ผมก็ยังตอบคำถามตัวเองไม่ได้เหมือนกัน แค่คิดเล่นๆ ว่าถ้ามีวันนั้นขึ้นมาเราจะทำอย่างไร
แจ๊ค: น่าจะช็อกกันอยู่แหละ แต่ถ้าถามตัวผมนะ ผมยังไม่กล้าคิดครับ
เคยคุยกันไหมว่า ต้องไปถึงจุดไหนถึงจะรู้สึกว่าเราประสบความสำเร็จในเส้นทางนี้
แจ๊ค: ผมเคยคุยกับจีนไว้ว่า เราอยากถาวรครับ ถาวรในที่นี้คือ เราอยากอยู่ในวงการถาวร เป็นคนที่ถูกนึกถึงอยู่ตลอดเวลา ยกตัวอย่างเช่น ป๊อด Moderndog ถ้าไปถามเด็กๆ ว่ารู้จักไหมก็ต้องมีคุ้นกันบ้าง
จีน: น้อย วงพรู ตอนนี้เด็กๆ กลับมาฟังเยอะนะ
แจ๊ค: ใช่ครับ อะไรแบบนี้ที่เราอยากเป็น เราอยากอยู่วงการนี้ตลอดไป และอยากให้มีชื่อเราอยู่ในนั้น
แล้วเคยคุยกันไหมว่า ถ้าวันหนึ่งอีกคนอยากหยุดทำเพลงจะเป็นอย่างไร
จีน: ผมคิดว่ายังไม่มีวันนั้นนะ
แจ๊ค: มันยังไม่มีภาพ หรือความคิดนั้นในหัวเราสองคนเลยจริงๆ ครับ จะช้า หรือเร็วก็คิดว่ายังอยากทำ
หากอยากทำความรู้จักตัวตน และผลงานเพิ่มเติมของวง SHERRY สามารถติดตามได้ที่
Facebook: SHERRY
Instagram: @sherry_band
Twitter: @sherry_band
Youtube: Spicydisc และ Music Streaming ทุกแพลตฟอร์ม