Art

'SOBBOY' ชวนขบถความเศร้า เคล้าเสียงดนตรี ให้กลับมามีเอนเนอร์จี้ดีๆ อีกครั้ง! พร้อมพูดคุยซิงเกิ้ลล่าสุด 'MISSING'

คนาวิน เชื้อแถว หรือ ‘โบ๊ท’ อีกหนึ่งศิลปินที่เราคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี ด้วยเสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้หลายๆ คนยังชื่นชอบ และติดตามผลงานของเขา กลับมาครั้งนี้เรียกได้ว่า New Boat เลยก็ว่าได้ เพราะเป็นศิลปินเดี่ยวเต็มตัว (ที่มาพร้อมกับก๊วนชาวแก๊งที่จะชวนทุกคนสนุกสนานไปกับพวกเขา) ในนาม 'SOBBOY' (ซ็อบบอย) ภายใต้สังกัด SpicyDisc กับบทบาทใหม่ที่เขามุ่งมั่น ตั้งใจ และสร้างสรรค์ผลงาน และลงมือทำเองแทบจะทุกอย่าง โดยความตั้งใจนี้ทำให้เกิด 3 ซิงเกิ้ล ที่คนฟังต้องร้อง..อ๋อเพลงของ ‘โบ๊ท SOBBOY' นี่เอง พร้อมพูดคุย 'MISSING' ซิงเกิ้ลที่ 3 ที่เป็นเพลงเร็ว ชวนให้โยกตาม กับการร้อง ทำนอง และจังหวะสุดเร้า บวกกับเนื้อหาที่ชวนให้เราคลั่งรัก 300% แบบตะโกนอย่างที่หนุ่มโบ๊ทได้บอกไว้ แต่จะเป็นอย่างไรบ้างต้องติดตาม

จุดเริ่มต้นของ SOBBOY

อยากทำโปรเจกต์อะไรสักอย่างที่ตัวเองอยากทำ และบอกความเป็นตัวเองมากที่สุด ด้วยอายุ (หัวเราะ) ที่ผ่านมา ตอนนี้เรามีเรื่องที่อยากจะเล่า อยากจะพูดเยอะเลย เราเลยเลือกที่จะถ่ายทอดออกมาเป็น SOBBOY ด้วยตัวเอง เลยเป็นจุดเริ่มต้นของ SOBBOY ครับ

จากสมาชิกวง 'สมเกียรติ' สู่ศิลปินเดี่ยว SpicyDisc

SpicyDisc เขามีการติดต่อผมไปแต่ว่าติดต่อไปในฐานะคนที่รู้จักกัน เหมือนเพื่อนผมทำงานอยู่ในนั้น แล้วเพื่อนก็ถามว่าสนใจไหม ลองส่งเดโม่มาสิ แต่ในใจตอนแรกอยากจะทำแบบอิสระไม่ได้อยากจะอยู่ค่ายใดๆ แต่พอมีโอกาสได้เข้ามาผมมีความรู้สึกว่า จุดนี้น่าจะน่าลองนะ มันหลากหลายดี

กำเนิดหนุ่มขี้แย ‘SOBBOY’

จริงๆ เราอยากจะได้คำว่า 'BOY' อยู่แล้ว เพราะมันมีความสนุก ได้พลังงานให้กับคนฟังด้วย พอย้อนกลับไปดูคำว่า 'SOB' มันแปลว่า ความเสียใจ สะอึกสะอื้น ร้องไห้ใช่ไหม พอมันมารวมกันมันได้อย่างละครึ่งดี มันรู้สึกว่า เจ้าหนุ่มขี้แยคนนี้มันจะมีทิศทางเป็นแบบไหนบ้าง คำว่า 'SOB' กับ คำว่า 'BOY' พอมารวมกันแล้ว ผมรู้สึกว่าสองคำนี้พอเจอกันแล้วมันพอดี และคำมันสวยด้วย อาจจะได้เจอเพลงที่มันเศร้านะ และอาจจะเจอกับความสนุกของ SOBBOY

สไตล์เพลงที่ไร้ขีดจำกัด

ยังไม่ได้กำหนดตัวเองว่าจะไปในทิศทางไหนครับ เพราะตอนแรกอยากจะเป็นศิลปินรวมเพลงเศร้า อยากจะทำเพลงช้า มา SOBBOY แล้วทรงมาแบบซึ้งๆ ซึมๆ แบบเด็กขี้แย แต่พอลองทำเพลงช้าไปได้ประมาณหนึ่ง อีกโหมดหนึ่งของผมก็โผล่ขึ้นมาแบบอยากสนุก และอยากชวนทุกคนมามีพลังกับเราไปด้วย เพราะฉะนั้น ถ้าให้กำหนดว่าตอนนี้อยากจะทำสไตล์ไหนยังไม่ได้ฟิกครับ

จากที่ตั้งใจจะทำแต่เพลงช้า...เพลงเร็วก็โผล่มาเฉย

อาจจะเป็นที่เพลงเร็วเพลงนี้ (MISSING) ทำให้เจอจุดเด่นอะไรบางอย่าง เพราะปกติเวลาผมอัดเพลงจะมีลักษณะการร้องแบบการใช้คำ เอื้อนร้องแบบการร้องเพลง แต่เพลง 'MISSING' ซึ่งเป็นเพลงที่ปล่อยไปล่าสุด ร้องเหมือนบ่น เป็นการร้องแบบ harmony ไม่ได้เยอะ ร้องมั่วๆ แต่สนุกปาก (หัวเราะ) เหมือนมันปากตัวเอง และได้ปลดปล่อยด้วย แล้วเหมือนเจอทิศทางอะไรบางอย่างถ้าทำเพลงเร็วอีก มันจะเจอช่องนี้ให้เราร้องสไตล์นี้ ผมว่าอันนี้คือทางของ SOBBOY

โลกใบใหม่ที่คุณไม่จำเป็นต้องเศร้าเสมอไป

เริ่มจากง่ายๆ ก่อนเลย สมมุติว่าเราบอกใครสักคนว่าเราเศร้าอยู่ใช่ไหม เอาละเข้าห้องน้ำ เปิดฝักบัวให้ชุ่มฉ่ำและเปียก ร้องไห้และเปิดเพลงเศร้าๆ ฟัง แต่มันก็จะมีบางมุมที่ตัวเองเศร้า แต่บางคนเขาไม่จำเป็นต้องถ่ายทอดออกไปแบบลักษณะนั้น บางคนเขาอาจเลือกที่จะออกไปสุดเหวี่ยงเลย ออกไปหาอะไรทำ หรือ อาจจะหนีไปเที่ยวคนเดียว คือตรงนี้เหมือนการหาพรรคพวกมากกว่า แต่ 'New Sad World' นี้ เป็นความเศร้ารูปแบบใหม่ๆ เป็นความเศร้าอีกโลกที่ไม่จำเป็นต้องนอนร้องไห้ คร่ำครวญ หรือซึมเสมอไป นี่คือคอนเซ็ปต์ที่วางไว้

สิ่งที่อยากบอกผ่านเพลงของ SOBBOY

ตอนนี้กว้างมากเลยครับ ยิ่งเพลงที่ปล่อยไปก่อนหน้านี้ 2 เพลงแรก 'ไม่จำเป็นเลย' เป็นเพลงที่พูดถึงการสูญเสีย และอกหัก แต่พอเพลงที่ 3 เหมือนเป็นเรื่องการหลงรักใครสักคน แสดงว่าเรื่องที่พูดเป็นเรื่องระหว่างคนสองคนซะส่วนใหญ่ อย่างเพลง '1955' ผมตั้งชื่อตาม ค.ศ. เกิดของคุณพ่อผม เพราะผมแต่งให้คุณพ่อในวันที่เขาไม่อยู่แล้ว ผมยังทำเพลงที่เป็นเรื่องของตัวบุคคล คนสองคน หรือคนคนหนึ่ง ยังไม่ได้ทำเรื่องที่กว้างขนาดนั้น แต่ว่า ณ ตอนนี้เดโม่บางเพลงก็มีนำเสนอด้านอื่นๆ เช่น ชีวิตเราต้องลุยนะ เรื่องความเป็นชีวิต หรือ การดำเนินต่อไป เลยอยากจะทำไปก่อน พอถึงทำเพลงรวมอัลบั้มค่อยคัด เพราะทุกเพลงเราหวังผลหมดครับ อยากให้ทุกคนมีความสุขกับมัน และตัวผมเองก็อยากจะทำให้มันสำเร็จด้วย

ความท้าทายในแต่ละเพลงของ SOBBOY

แล้วแต่เพลงครับ ถ้าเพลงไหนผมต้อง Record เองเพลงนั้นจะเร็ว เพราะมันมาแล้ว (หัวเราะ) มาแล้วเวลามันมาคือพรวดเลยครับ แบบหยุดไม่ได้เลยครับ เพราะถ้าหยุดไปต้องกลับไปเริ่มใหม่ มันจะรู้สึกต่อไม่ติดหรือบางทีก็คิดไม่ออกเลย บางทีอัดร้องอยู่ไมค์เกิดช็อตแบบมันกำลังคิดออกนะ ถ้ามีเพลงด้วยตัวเราเองมันจะเร็ว

ความรู้สึกของการเป็นศิลปินเดี่ยว

สนุกครับ เพราะเวลาผมออกไปเล่น ผมไปในนาม Full Band เพราะเราชอบการมีเพื่อน และมีคนบนเวทีกับเราด้วย เราจะไม่ได้ขึ้นไปแบบดูเป็นศิลปินเดี่ยวขนาดนั้น ผมจะพยายามชูให้ SOBBOY เหมือนเป็น One Man Band คือ เห็นผมแล้วต้องเห็นคนในทีมด้วย เรารู้สึกว่าเราโชคดีที่ยังมีชาวแก๊งขึ้นเวทีไปด้วยกัน เวลาถ่ายทอดออกมาจึงเป็นลักษณะ Band มากกว่า

จาก Full Band สู่ One Man Band

บางจุดก็เหมือนกันมากเลยครับ แต่บางจุดก็ไม่เหมือนกันเลย อย่างจุดที่ต้องการการระดมสมองอันนั้นคือเหมือนกันเลย แต่จุดที่แตกต่างคือถ้ามันออกมาจากตัวเราเองเราแล้วจริงๆ เราก็จะตัดสินใจได้ทันที

ไอเดียทำเพลงในแบบ SOBBY

บางทีก็มาจากหนัง บางทีก็มาจากเรื่องจริงที่เจอบ้าง เป็นคนอ่านหนังสือแต่ไม่ค่อยอ่านหนังสือเท่าไร จะมีเล่มที่ชอบจริงๆ ถึงจะอ่านแต่บางไอเดียมันอาจไม่ได้มาจากสิ่งที่เราเสพเข้าไป เราเจอแล้วเราเขียนเลยทำเลย แต่ส่วนใหญ่ที่มาผมอยากให้คนอ่านสิ่งที่ผมเขียนหรือมาช่วย อย่างเวลาเขียนเพลงเสร็จแล้วอยากส่งให้พี่สักคนหนึ่งอ่านหรือน้องสักคนช่วยดู ก็มีอารมณ์นั้นเหมือนกัน อยากรู้ว่าเข้าใจหรือมันไม่งงใช่ไหม เขียนเองทั้งหมดจริงครับ แต่ก็กลัวคนฟังจะไม่ทัชเขาขนาดนั้น เลยอยากให้คนอื่นๆ ช่วยดูหรือช่วยอ่าน

“ผมเป็น 'สายเหงื่อ' เวทีต้องมีเหงื่อถึงจะรู้สึกว่าถึง พอได้โอกาสมาทำ SOBBOY ผมจัดเต็มเลย ไม่นับเพลงช้านะครับ เพราะอันนั้นก็มีบริบทที่เราอยากจะพูดเศร้าๆ ออกไป แต่พอเป็นเพลงเร็วผมจะไฮเกน เปิดสาด เสียงแตกหนักๆ เลย อาจจะมีความเป็นกรูฟอยู่ เหมือนเวลาฟังเพลงเก่าๆ อย่างแนวเพลงฮิปฮอปผมก็ชอบเหมือนกัน พอเอามารวมร็อกแล้วเขาเจอกันได้ เป็นส่วนผสมด้วยกันได้”

เดบิวต์ด้วยลุคใหม่บนเส้นทางใหม่

จริงๆ ผมเป็นชาวร็อกเก่าอยู่แล้ว ถ้าย้อนกลับไปมันน่าจะต้องย้อนไปในช่วงมัธยม เพราะผมเป็นชายชุดดำเต็มตัวเลย (หัวเราะ) ทุกวันเสาร์ต้องนั่งรถจากชลบุรีเพื่อมาที่จตุจักรเพื่อมาซื้อเสื้อวง ซึ่งยุคนั้นไม่ใช่เสื้อวงแบบวินเทจ วงไหนที่กำลังมาตอนนั้นก็จะมีการพริ้นท์ลายออกมา เป็นเสื้อใหม่ที่ต้องไปคุ้ยเพื่อหาวงที่ชอบ ตอนนั้นเป็นเด็กงบหรือเงินยังมีน้อย ราคาประมาณ 300-500 บาท ถ้าชอบก็เอาเลย ซึ่งน่าจะมาจากอิทธิพลของการฟังเพลงของเราด้วย พอโตมาเรารู้สึกว่าสิ่งที่เราโตมาแล้วตกตะกอนได้เร็ว กลายเป็นของที่เราเสพเข้าไปตั้งแต่ตอนที่เรายังเป็นเด็ก และเริ่มฟังเพลง สิ่งนี้มันอยู่ตั้งแต่ผมเล่นดนตรีตอนมัธยมปลาย ตั้งแต่ผมเล่นกับสมเกียรติด้วย เพราะเวลาผมเล่นดนตรีจริงๆ ผมก็ไม่ได้ขึ้นไปยืนแบบนิ่งๆ

ในวันที่ต้องเริ่มทำความรู้จักกับคนฟังอีกครั้ง

เหมือนผมต้องเริ่มใหม่ เพราะแนวมันก็เปลี่ยนไปด้วยครับ แล้วเพลงทุกเพลงมันก็ยังเป็นเพลงช้ามีเร็ว ซึ่งยังไม่ได้เห็นภาพของ SOBBOY ขนาดนั้น เพราะฉะนั้น ฟีดแบ็กของคนฟังบางทีก็มีคนที่ตามมา น้องๆ หรือคนที่เพิ่งตามใหม่ก็มีเช่นกัน ถ้ามีคนฟังเยอะๆ ก็อาจต้องใช้เวลาสำหรับ SOBBOY เอง ยังต้องสะสมประสบการณ์ให้ SOBBOY เดินต่อไป

ความท้าทายของการทำงานในฐานะ SOBBOY

จริงๆ ไม่ค่อยมีความยากเลยครับ ส่วนใหญ่มันจะง่าย พอเดโม่เสร็จแล้วเอาไปส่ง เราแค่ฟังว่าผ่านหรือไม่ผ่าน หรือต้องแก้อะไรบ้าง แค่นั้นครับ ไม่ต้องแบบชาวเรายังไม่ชอบเลย แต่นี่คือ เสร็จแล้วก็ไปส่งเลย ส่งทีหนึ่งก็ 7-8 เพลง ซึ่งอันนั้นไม่นับว่าเป็นอุปสรรคเพราะตัวเองก็ชอบทำดนตรีอยู่แล้ว ก็เพิ่งมารู้ว่าตัวเองชอบงานอะเรนจ์เหมือนกัน ปกติจะคิดเมโลดี้ และแต่งเนื้อร้อง แต่พอลองมาทำดนตรีก็รู้สึกว่า มันเป็นส่วนหนึ่งข้างในที่เราอยากทำอยู่แล้ว

'MISSING' เพลงที่ไร้สารตั้งต้น แค่บ่นๆ ในสิ่งที่อยากทำ

เพลงนี้เริ่มจากผมมีจังหวะแบบพังค์ๆ 'ตึ่งๆ โป๊ะ ตึ่งๆ โป๊ะ' ซึ่งเพลงนี้เมโลดี้ในตอนแรกก็ไม่ได้เป็นแบบนี้ แต่เรารู้สึกว่า ไหนๆ ก็ลุยมาขนาดนี้แล้ว ไม่ต้องใช้สารตั้งต้นเป็นการร้องแล้ว ลองบ่นๆ หรือทำอย่างอื่นที่เราอยากทำบ้างสิ ผมก็เริ่มจากคำมั่วๆ แล้วส่งไปให้เพื่อนที่เป็นคนที่ชอบเขียนเนื้อเพลงอยู่แล้ว คือ คุณเงาะ The Richman Toy เงาะก็ส่งกลับมาหาผมทางวีดิโอคอล และเขาก็บอกว่าน่าสนใจ น่าจะประมาณ 5 นาทีที่เขาเขียนแล้วส่งกลับมาทางไลน์ให้ผม ลองเปิดดูแบบ เฮ้ย..มันลงตัวเลย คำว่า 'ไป' มันเยอะจริงแต่มันมันปากมาก เลยชวนเงาะลุยต่อ และเราก็นั่งเขียนด้วยกัน พอได้คำร้องก็ส่งให้ทางค่ายโดยมีการเปลี่ยนเวอร์ชั่นนิดหน่อยแล้วไปอัดเลย ทำมาสเตอร์ 2 อาทิตย์ก็เสร็จแล้ว

“เพลง 'MISSING' ท่อนเวิร์ส กับ ท่อนฮุก จริงๆ แตกต่างกัน เพราะผมเอา 2 อย่างมารวมกันคือ ตอนขึ้นมาแบบพังค์เลย พอเข้าท่อนฮุกผมไปเป็นกรูฟ แต่พอเอามารวมกันมันไปได้ ถึงมันจะดูเหมือนตัดแล้วเอามาวาง แต่มันไม่ได้ขัดกับตัวเรา”

เนื้อเพลงที่ได้ ‘เงาะ The Richman Toy’ มาช่วยเขียน

สนุกครับ เขาไม่ได้ทิ้งพอยท์เดิมในเพลงตั้งแต่แรก ถึงแม้เป็นการร้อง แต่เราชอบใครสักคนแล้วไม่อยากปล่อยเขาผ่านไป มันถือว่าเราชนะแล้วนะ ไม่งั้นคุณอาจจะเสียดายโอกาสเพราะโอกาสนี้มีแค่ครั้งเดียว เงาะก็ยังใช้คอนเซ็ปต์ของผมอันนี้ แต่คำร้องที่มาใหม่เราก็ช่วยกันคิด

‘ช้าง’ - กฤษฎา ทองระอา เพื่อนคนสนิทที่เข้ามาช่วยอะเรนจ์เสียงกีตาร์ให้น่าสนุกขึ้น

ดีครับ เขาเคยอยู่วงเดียวกับผม เคยเป็นชายบุรุษชุดดำมาด้วยกันเป็นชาวร็อกมาด้วยกัน แต่เปลี่ยนตัวเองไปเป็นชาวโฟล์ค ซึ่งพอดึงเขามามันจะมีกลิ่นของความสวยงาม และเรียบง่าย แต่ยังมีความดุดันแฝงในตัว ทำงานง่ายเลยครับเพราะผมก็ไม่ได้อยากให้มันหนักจนเกินไป ในการทำกีตาร์คือ การทำให้สายมันต่ำลงเพื่อจะได้ย่านที่ดุดัน พอได้มามันดุเกิ้น (หัวเราะ) ต้องจับไหล่ช้างไว้ และบอกเขาว่าเอาพอประมาณแล้วกัน เพลงนี้เราจะตั้งเกณฑ์ไว้ว่าดุที่สุดแล้วนะ มากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ต้องห้ามกัน ไม่งั้นจะกลับไป..แฮร่

“ผมมีเพื่อนคนหนึ่งเป็นมือกีตาร์เขามาช่วยทำเพลงด้วย ซึ่งผมได้มือกีตาร์ไม่ตรงสายที่สุด เพราะเขาเป็นมือกีตาร์สายโฟล์ค แต่ผมอยากได้กีตาร์แบบไฮเกน เสียงแตกแบบสาดๆ เยอะๆ ไอคนนี้ทำทุกอย่างได้ตรงกันข้ามหมดเลย แล้วพอมารวมกันมันออกมาได้ ไม่จำเป็นต้องทิศทางเดียวกันแต่อาจต้องใช้เวลา เขาคือคุณช้าง ซึ่งเป็นเพื่อนผม แต่ถ้าเพลงไหนที่ผมทำปากออกมา แจ๋ว แจว แจ่วๆ เขาก็จะเร็วและทำได้เลย แบบ…คนนี้น่าร่วมงานด้วย”

การโปรดิวซ์ และเรียบเรียงจาก ‘มิน’ - ศิวโรจน์ จิตตนิยมพาณิชย์

ดีครับ ผมคิดว่ามินกับผมเริ่มฟังเพลงตอนเด็กน่าจะใกล้กัน มินเขาเป็นโปรดิวเซอร์ทำเพลงกับ Bomb at Track ด้วย และเขาก็เป็นคน Record ให้กับหลายๆ วง เวลามาฟังซาวด์ผมรู้สึกชอบงานที่มินทำ เลยคิดว่าเพลงนี้ของเราก็น่าจะได้ เลยติดต่อไปหาเขาดูคิดว่าต้องตรงกันแน่ๆ แค่ส่งเดโม่ 'MISSING' ไปให้ฟัง เขาน่าจะเข้าใจเรา พอเริ่มทำงานด้วยกัน เวลาแชร์เพลงส่งให้เขาฟังมันทำให้คลิกกันเร็ว แล้วเราจะได้ของใหม่ทันทีเลย เขาฟังแล้วมานั่งคุยกับเราถึงแนวเพลง พูดถึงสิ่งที่เราทำไป และบอกเราด้วยว่าถ้าฝืนมันอาจไม่ได้ เลยลองเสนอวิธีที่ทั้งคู่เก็ทกันได้ง่ายๆ ลองใช้เสียงบางเสียงใส่เข้าไป ถ้ามันเข้ากับเพลงคือถ้าออกมาไม่ชอบก็ไม่ชอบทั้งคู่ ชอบก็ชอบทั้งคู่ อันนี้คือความสนุกเวลาทำงานกับมันครับ

ความพิเศษที่ของ Music Video เพลงนี้

ภาพที่ถ่ายเป็นภาพจริง สถานที่จริง แต่มันย้อม และใส่สี ถ้าชาว EQ ได้ดูจะเห็นได้ว่า ย้อมสีจนดูอะไรไม่ออก พอจังหวะที่ตกลงว่าเอา Way นี้ล่ะ ผมอยากให้คนดูสนุกไปเลย แต่ต้องไม่เยอะเกิน จริงๆ มีฉากหนึ่งที่เป็นเด็กทารก แต่อันนั้นโดนเอาออก เป็นทารกอนาโตมีแบบเด็กวิทย์ และกำลังหมุนเกือบครึ่งนาที ชอบมากอะไรแบบนี้ แต่ทีมงานที่ค่ายบอกว่ามันไม่ค่อยเกี่ยวเท่าไรนะ (หัวเราะ) ทำไมเพลงของคุณต้องบ้าขนาดนี้ เราก็บอกเขาว่า มันบ้าไงพี่ มันระเบิดแล้ว มันคลั่งจัด คลั่งรัก 300% แล้วไง ไม่ผ่านครับฉากนั้น แต่ได้อย่างอื่นมาเสริมแทน ได้ฉากลูกตุ้มมีหนามมาแทนครับ พอเสร็จงานนี้ผู้กำกับบอกผมว่า 'ไม่น่าไปกับมึงเลย ไม่น่าเชื่อมึงเลย' (หัวเราะ) เพราะใช้เวลาเรนเดอร์ทั้งหมด 3 วัน คือ เปิดโปรแกรมหนึ่งทิ้งไว้เพื่อจะให้มันรันเอฟเฟกต์นี้ พร้อมกับเรนเดอร์งานออกมา ผู้กำกับเป็นเพื่อนกันครับ เขาว่าผมบ้าหรือเปล่า ถ้าใครยังไม่ดูฝากไปดูด้วยนะครับ 'MISSING' มีอะไรให้น่าดูแบบไม่เบื่อ

“SOBBOY น่าจะเริ่มจากสิ่งที่มีสีสันครับได้ เพราะเราไม่ได้ฟิก และจะใส่สีอะไรเข้าไปก็ได้ คนดูบางคนก็บอกว่าเพลงนี้มีความเป็นเห็ดมากเลยดูไปเรื่อยๆ ใส่เอฟเฟกต์เยอะ และหนักมากเลย อันนี้ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะถ้าเราปล่อยให้เป็นภาพเรียลๆ ไป แล้วครึ่งๆ กลางๆ ใส่เอฟเฟกต์ในบางฉากผมว่ามันไม่ใช่ ไหนๆ จะเอาให้รกแล้วก็ต้องเอาให้สุด ผู้กำกับเลยบอกผมว่า ถ้ามีอะไรจะงัดออกมาเต็มที่”

วันถ่าย MV เอนเนอร์จี้สุดจริง!

วันถ่ายเอ็มวีประทับใจครับ เพราะเป็นการถ่ายใช้เทคที่วิ่งเยอะๆ ผมบอกผู้กำกับว่า ไม่อยากได้การแสดงที่เป็นสีหน้าเยอะๆ เพราะเราไม่เก่ง และทำไม่ได้ ผู้กำกับเลยบอกให้เราวิ่ง ทั้งหมด 6 กิโล คือ รู้สึกว่าทีมงานทุกคนต้องเหนื่อยที่วิ่งตามเราแน่ๆ ทีมกล้องก็ต้องวิ่งตาม ผู้กำกับก็ต้องวิ่งไปด้วย สั่งเราไปด้วย น้องที่เป็นนางเอกจะมีช็อตหนึ่งที่ต้องจับมือ และต้องวิ่งไปด้วยกัน เรารู้สึกว่า อันนี้มันเป็นงานเหนื่อยแล้วนะ เรารู้สึกว่าเราเหนื่อยมากครับ แต่ว่าก็ไม่มีใครบ่น หรือโอ๊ย ไม่เอาแล้ว ช็อตที่ไปถ่ายทะเลยังมีเวลาดูต้นไม้ ดูสัตว์ต่างๆ (หัวเราะ) ซึ่งผมประทับใจมาก เออสนุกว่ะ เอนเนอร์จี้มาตลอดเลย

“ต้องขอบคุณมากๆ เลยครับสำหรับคนที่คอยซัพพอร์ตเรา ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ทางค่าย ทางแฟนคลับ หรือ แฟนเพลงต่างๆ ที่มาบอกผมว่า 'คิดถึงเสียงพี่' ทุกครั้งที่ผมได้ยิน ผมจะรู้สึกขอบคุณที่ยังติดตาม”

เมื่อโบ๊ท ‘MISSING’

'MISSING' จริงๆ แปลว่า พลาดไป แต่เพลงนี้เหมือนตั้งชื่อมาประชดน่ะครับ จริงๆ คือ อย่าพลาดนะ ต้องจีบให้ได้ ต้องไปคว้ามาให้ได้นะ พอมันเป็นคำถามว่าพลาดอะไรไปใช่ไหม จริงๆ ก็มีนะครับ อย่างตอนเด็กๆ แบบ ทำไมเราไม่ตั้งใจเรียนวะ (หัวเราะ) ก็อยากจะฝากถึงทุกคนให้ตั้งใจเรียนหน่อย

โมเมนต์เคล้าน้ำตาของหนุ่มขี้แย

มีอยู่ครั้งหนึ่งผมต้องไปโชว์ ซึ่งเป็นโชว์ครั้งแรกของ SOBBOY เป็นงาน Melody Of Life Music Festival เป็นงานของค่าย SpicyDisc จัดที่เซ็นทรัลเวิลด์ (ปีนี้ก็มีนะครับ มาดูกันได้) ซึ่งปีที่ผ่านมามีน้องแฟนคลับคนหนึ่งเดินมาขอถ่ายรูป เหมือนเป็นช็อตประสานสายตากัน ไม่พูดกันเลยนะครับ แล้วน้องเขาก็ร้องไห้ ผมก็แบบ…อย่าๆ แต่ไม่ได้บอกออกไปครับ แค่คิดในใจ จะไปด้วยอะ ตอนนั้นผมตาแดงเลย แล้วน้องเขาพูดขึ้นมาว่า โคตรดีใจเลยที่พี่ๆ ยังทำสิ่งนี้ต่ออยู่ ถึงแม้จะไม่ได้ทำด้วยกันแล้ว เรารู้สึกว่าโมเมนต์นี้คือที่สุดเลย ไฟลุกเลยครับตอนนั้น

สิ่งที่ SOBBOY ให้กับโบ๊ท

ให้ในสิ่งที่ผมคิดว่าไม่น่าจะทำมันออกมาได้ เราอยู่ในเซฟโซนมาตลอด แล้วมาอยู่ในจุดที่ทำได้ SOBBOY ให้สิ่งนี้กับผมครับ ตั้งแต่ 0 ถึง 100 เลยนะ จริงๆ ตอนแรกจะทำเพลงเป็นอิสระ แล้วก็ได้โอกาสที่เรียกว่าโชคดีอะครับ ที่มีค่ายคอยซัพพอร์ต เพราะใจจะไปแล้ว ก็คุยกับแฟนว่าทำกันเอง ซื้ออุปกรณ์กันมา เริ่มจาก 0 แล้วพอลองทำเองก็รู้ว่าทำได้ พอเอาเดโม่ไปให้คนอื่นๆ ได้ลองฟังบ้าง อย่างพี่ก้อ ณฐพล ศรีจอมขวัญ เป็นมือเฟสฮีโร่ในดวงใจของผมอยู่แล้ว เราชอบผลงานเขาอยู่แล้ว เขาฟังก็ชมว่าเพลงเราเพราะ แค่นั้นก็รู้สึกแล้วว่า โห...เราทำมันได้นี่นา อาจจะไม่ได้ดีสำหรับทุกคนโดยส่วนตัวผมคิดว่า SOBBOY ให้สิ่งที่ผมไม่เคยทำครับ

อนาคตของ SOBBOY

แน่นอนครับ เดือนหน้าถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดนะครับ จริงๆ บุ๊กวันไว้แล้วคือ 21 กันยายน จะปล่อยเพลงใหม่ไปอีก 1 เพลง เป็นซิงเกิ้ลที่ 4 เร็วๆ นี้ได้ฟังแน่นอน และคอนเสิร์ตถ้าเร็วสุดน่าจะเป็น 30 สิงหานี้ ไปเล่นที่ราชภัฏบ้านสมเด็จครับ เตรียมมันกันได้เลย นอกจากนี้ก็มี Festival ต่างๆ อย่าง Melody Of Life หรือ Cat Expo ก็ไปเจอกับ SOBBOY ได้ครับ พอไปหน้างานก็จะมีชาวแก๊งอีก ซึ่งไม่ได้มีแค่ผมคนเดียวครับ

ติดตามผลงานของ SOBBOY ต่อได้ที่

YouTube: Spicydisc
Facebook: SOBBOY
Instagram: sobboy.official