ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่ผู้เขียนติดตามศิลปินนักปั้น 3D อย่าง ‘พี่สุชาติ ไปทุกที่’ แต่รู้ตัวอีกที ก็พาตัวเองมาอยู่ที่งาน ‘Once upon a time Solo Exhibition by Suchat Go Everywhere’ เรียบร้อย
ด้วยความที่มาถึงงานเร็วกว่ากำหนดการ เราเลยมีพี่สุชาติ เอ้ย! ‘โบ้’ - อัคคภาคย์ ยังคุณ เจ้าของงานที่ควบตำแหน่งคุณรุจน์ จ่ารุจน์ พี่รุจน์ ป้ารุจี แห่งเพจพี่สุชาติฯ เป็นไกด์กิตติมศักดิ์พาชมบอกงาน บอกเลยว่าตลอดเวลาเกือบ 1 ชม.นี้ เราสัมผัสได้ถึงความไม่ธรรมดา เพราะชิ้นงานต่างๆ ล้วนสะท้อนตัวตนของเจ้าของได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ
FYI: เจ้าของเพจนี้ไม่ได้ชื่อสุชาติแต่อย่างใด แค่อินกับบทบาทพี่วินมอเตอร์ไซค์จากหนังเรื่องฟรีแลนซ์ฯ มากเกินไป จนเฟสบุ๊กหมั่นไส้ และไม่ให้เปลี่ยนชื่อเท่านั้นเอง
Once upon a time
“เราเป็นคนที่ชอบฟังเรื่องราวเหนือธรรมชาติ พวกตำนานที่คนแก่เล่าให้เด็กฟัง หรือเรื่องเวอร์ๆ อย่างเจ้าหญิงนิทรา สโนไวท์ ดิสนีย์เนี่ยชอบมาตั้งแต่เด็ก และเราก็เป็นคนชอบเล่นเกมที่เน้นเรื่องราวด้วย เลยมีความฝันที่อยากจะลองจัดนิทรรศการธีมนิทานดู”
เขาเกริ่นถึงธีม Solo Exhibition ครั้งแรกในชีวิต เพื่อให้เราเข้าใจภาพรวมของงานครั้งนี้ ก่อนจะเล่าย้อนไปว่า ธีมนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับตัวเขา เพราะเคยคิดจะนำไปทำธีสิสตอนปี 4 แต่เวลาไม่มากพอ เลยต้องพักโปรเจกต์ไปยาวๆ ดังนั้นพอคิดจะจัดงานนิทรรศกาลขึ้นมาจริงจัง เลยอยากนำธีมนี้กลับมาปัดฝุ่น และปรุงแต่งให้ต่างไปจากเดิม ด้วยชื่อ Once Upon a Time เพื่อเติมเต็มความฝันสมัยเรียน
Chapter 1: ‘Fearboy’
เมื่อถามถึงการดำเนินของเส้นเรื่อง โบ้เล่าว่าตัวละครหลักของเรื่องคือ Fearboy หมาป่าหนุ่มที่แปลงร่างเป็นคนได้ เขาเล่าว่า Fearboy มีบุคลิกเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูด เพราะไม่ค่อยมีความเชื่อมั่นในตัวเอง ซึ่งอ้างอิงมาจากตัวของโบ้ที่ไม่ค่อยเชื่อมั่นในตัวเองเช่นกัน เขามีความกล้าๆ กลัวๆ กับอะไรหลายอย่าง
“ถ้าย้อนกลับไปประมาณ 5 ปีที่แล้ว เราค่อนข้างกลัวคำวิจารณ์ เพราะสมัยเรียน ด้วยความที่งานเราค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์มากเกินไป มันทำให้จัดกลุ่มรวมกับใครไม่ค่อยได้ เลยจะได้รับคำวิจารณ์ที่ตรงมาก ชัดเจนมาก ชัดเจนจนรู้สึกท้อ (หัวเราะ) แต่เขาไม่ได้ด่านะ มันเป็นคำพูดที่เขาอยากให้เราพัฒนา แต่ฟังแล้วเจ็บมาก แล้วมันก็ทำให้คนที่อยากจัดนิทรรศการสักครั้งก่อนตายอย่างเรา ไม่กล้าจัดสักที”
แต่มาวันนี้ โบ้กล้าจัดนิทรรศการได้ก็เพราะ ‘เจฟ’ (Jeff Apisit) ยุให้ลอง บวกกับเขาก็ค่อนข้างบ้าจี้ เลยอยากเอาชนะความกลัว และจัดแสดงงานของตัวเองให้ได้ เหมือนกันกับ Fearboy ที่สะท้อนให้เห็นว่า แม้ชีวิตเขาจะขมขื่น แต่ในทุกความมืดย่อมมีแสงสว่าง แค่ต้องมีปณิธาน ความหวัง โอกาสดีๆ ก็จะมาถึง
Chapter 2: กำลังใจจากหญิงสาวนิรนาม
นอกจาก Fearboy แล้ว ในนิทรรศการนี้ยังมีตัวละครหญิงสาวนิรนามอยู่อีกด้วย ซึ่งโบ้ก็ได้ไขข้อสงสัยของเราที่ว่า เธอคนนั้นคือใคร?
“ถ้าพูดไปมันก็เขินตัวเองอยู่นะ (ยิ้ม) ผู้หญิงคนนี้จริงๆ ก็เปรียบเสมือนแฟนเรานี่แหละ เขาเป็นคนที่คอยซัพพอร์ตอยู่ข้างๆ มาตั้งแต่สมัยเรียนมหา’ลัยแล้ว และเป็นอีกคนสำคัญที่ทำให้เกิดงานนี้ได้ เพราะต้องยอมรับว่ากว่าจะถึงวันนี้ เราก็มีท้อ แต่แฟนก็คอยให้กำลังใจตลอด เหมือนหญิงสาวนิรนามที่จะให้กำลังใจ Fearboy ตลอดเวลา”
Chapter 3: การเล่าเรื่องของ ‘มนุษย์เป็ด’
ภายในงาน โบ้ได้จัดแสดงผลงานแบบผสมผสานหลายประเภท คือ มีทั้งภาพวาดขาว-ดำ, ภาพวาดลงสีที่ทำให้เจ้าตัวหันมาจับสีน้ำเป็นครั้งแรกในรอบปี, งานปั้นโมเดล ไปจนถึงคลิปโมชั่นที่จะเล่าเรื่องราวตัวงานในบางส่วนให้ทุกคนได้เห็น
“คนส่วนใหญ่จะรู้จักพี่สุชาติในเรื่องของงานปั้น เพราะเรายึดคำสอนของอาจารย์มากๆ เขาบอกว่า ‘ถ้าถนัดเรื่องไหน ก็ควรไปด้านนั้นให้สุดเลยดีกว่า จะได้ไม่กลายเป็นมนุษย์เป็ด’ สมัยเรียนมหา’ลัย เราเลยทุ่มเทกับงานปั้นโมเดลเป็นหลัก และเปิดเพจ แต่หลายคนอาจไม่รู้ว่า ความจริงเราทำได้ทั้งวาดรูป และงานปั้น ผลงานที่เอามาโชว์เลยมีทั้ง 2 แบบ”
แต่อย่างไรเจ้าตัวก็ยังชอบทำงานปั้นมากกว่าอยู่ดี ด้วยความที่เขาเป็นคนชอบของเล่นอยู่แล้ว และมองว่างานปั้นสามารถทำให้สิ่งที่เขาวาดออกมาโลดแล่นในโลกความเป็นจริงได้
“มันมีลูกเล่นเยอะกว่างานวาดในกระดาษ และมันช่วยบอกเล่าเรื่องราวแทนคำพูดได้ดี” เขาย้ำ
Last Chapter: พื้นที่แห่งแรงบันดาลใจที่รอให้มาเยือน
ก่อนจากกันเราก็ไม่ลืมที่จะให้โบ้ฝากอะไรถึงแฟนคลับที่คอยติดตามผลงานของเขาอยู่ ซึ่งโบ้ตอบเรากลับมาได้อย่างน่าประทับใจว่า
“เราไม่อยากใช้คำว่าแฟนคลับเลย เพราะคิดว่าตัวเองยังไม่ถึงขั้นมีชื่อเสียงเหมือนศิลปินคนอื่น เราก็ยังเป็นเรานี่แหละ แต่ว่าถ้าใครชอบผลงานของเรา ก็ขอบคุณมากเลยนะ สำหรับงานนี้ เราคิดว่าน่าจะตอบโจทย์กับคนที่อยากมาหาไอเดียในการคิดเนื้อเรื่อง สร้างการ์ตูน หรือหาแรงบันดาลใจในการคิดงานพวกคอนเซ็ปต์ ดีไซน์ ถ้ามีเวลาว่าง หรือสนใจเรื่องพวกนี้ก็อยากให้มางานกัน”
To be continued…
จากความประทับใจหลังชมนิทรรศกาลครั้งนี้ของ ‘พี่สุชาติ ไปทุกที่’ ทำให้เราอดไม่ได้ที่จะอยากรู้ว่า เขามีแพลนจะไปจัด Solo Exhibition ที่ไหน หรือเมื่อไรอีกบ้าง? ซึ่งโบ้ก็แอบบอกใบ้เอาไว้เล็กให้รอติดตาม
“ใจเราอยากมีครั้งต่อไปนะ แต่ก็ต้องถามเงินในกระเป๋าด้วยว่า มันพร้อมหรือยัง (หัวเราะ) แต่ที่คิดไว้เล่นๆ ก็จะจัดเป็นธีมเกี่ยวกับความกลัวอีก แต่อาจไม่ใช่นิทานแล้ว ต้องรอดูอีกที”
Stories Recap: แคปเจอร์เรื่องราวเด็ด เบื่้องหลัง 3 ชิ้นงานห้ามพลาด
แม้ว่างานทุกชิ้นจะสวยงาม และมีเรื่องราวจนเราอยากให้ทุกคนได้มาดูด้วยตัวเอง แต่เราก็ไม่ลืมที่จะคัดผลงานเด็ดๆ ในนิทรรศการครั้งนี้มาฝากชาว EQ กันด้วย ถ้าใครอยากตามไปบอกเลยว่า ห้ามพลาด 3 ชิ้นนี้!
Fly Me to The Moon
เวลาสร้างสรรค์ผลงาน โบ้มักจะเปิดบทเพลงคลอไปด้วยเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเพลงจากอนิเมะ เกม หรืออย่างในภาพนี้ที่เขาใช้เพลงสุดคลาสสิกอย่าง ‘Fly Me to the Moon’ เปิดคลอตอนสร้างสรรค์ผลงาน
โมเดลหน้าคุณโบ้
งานปั้นสไตล์ Parody ที่โบ้ใช้เวลารังสรรค์กว่า 5 วัน ผ่านแรงบันดาลใจมาจากเซ็ตงานปั้นรวมศิลปินต่างชาติเซ็ตหนึ่ง พร้อมด้วยดีเทลหัวกะโหลก ที่เป็นซิกเนอเจอร์ของงานนิทรรศการนี้
โมเดล Fearboy ที่ใส่เสื้อผ้า
โมเดลนี้มาจากการที่โบ้ชอบโมเดลที่เป็นเนื้อผ้าจริงๆ เพราะรู้สึกว่าสวยงาม และดูขลัง ซึ่งนี่คือ โมเดลชิ้นแรกในชีวิตโบ้ที่มีเสื้อผ้าจริง และตรงกับคอนเซ็ปต์ของตัวละคร คือไม่ใช่เสื้อผ้าที่เลิศหรู แต่เซอร์ๆ สมกับเป็นหมาป่า
สัมผัสเรื่องราวความรัก ความสดใส และความมืดหม่นในใจ ของ Fearboy ชายหนุ่มที่สามารถแปลงร่างได้ กับหญิงสาวนิรนาม ได้ใน ‘Once upon a time Solo Exhibition by Suchat Go Everywhere’
ตั้งแต่วันนี้ - 4 มิ.ย. 66
ที่ Street Star Gallery, อ่อนนุช
ตั้งแต่เวลา 10.00 - 18.00 น. (ปิดทุกวันจันทร์)
สามารถดูรายละเอียดการเดินทางได้ที่ Google Map
หรือโทร 082 593 9924