ภาพยนตร์เกี่ยวกับสัตว์ส่วนใหญ่อาจมุ่งเป้าไปที่ความน่ารัก และอบอุ่นหัวใจ ลองนึกถึง Old Yeller, Babe, Milo, Otis และเหล่าสัตว์เลี้ยงน่ารักในอุดมคติของดิสนีย์ดู เราจะเห็นภาพจำของสัตว์เหล่านั้นว่า มันเป็นมิตร และถือว่าเป็นเพื่อนแท้ของมนุษย์เลยก็ว่าได้ แต่ในทางกลับกัน ‘White God’ ภาพยนตร์สัญชาติฮังการี ไม่ใช่หนึ่งในภาพยนตร์เหล่านั้นแน่นอน เพราะนี่คือ ภาพยนตร์เกี่ยวกับสุนัขที่ต่อสู้กับการกระทำของมนุษย์ที่เรียกตัวเองว่า ‘เจ้าของ’ พวกมันพยายามล้างแค้นต่อความรุนแรงของมนุษย์นั้นมีพลัง และแฝงไว้ซึ่งความน่ากลัว ผู้กำกับ ‘คอร์เนล มุนดรุซโซ’ (Kornél Mundruczó) ได้นำเสนอเรื่องราวออกมาได้เข้มข้ม และดึงความน่ากลัวออกมาได้อย่างสุดพลัง
เรื่องราวเกี่ยวกับ ‘ลิลลี่’ (Zsófia Psotta) เด็กสาววัย 13 ปีผู้โดดเดี่ยว และดื้อรั้น กับ ‘ฮาเกน’ สุนัขที่เป็นเพื่อนสนิทเพียงหนึ่งเดียวของเธอ พ่อและแม่ของลิลลี่หย้าร่างกันตั้งแต่เธอยังเด็ก แต่ในวันหนึ่ง เธอมีความจำเป็นต้องย้ายไปอยู่กับพ่อผู้ห่างเหิน ‘แดเนียล’ (แซนดอร์ โซเตอร์) เป็นเวลาสามเดือน การจะเลี้ยงสุนัขพันธุ์ผสมได้จะต้องลงทะเบียน และจ่ายเงินภาษีให้กับทางรัฐก่อน แต่ด้วยความที่แดเนียลไม่ได้สนใจ และชอบหมาตั้งแต่แรกเขาจึงไม่คิดที่จะทำมันอยู่แล้ว แต่สิ่งต่างๆ กลับเลวร้ายลงเมื่อเพื่อนบ้านจอมเผือกไปร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่รัฐ ทำให้แดเนียลจะต้องจ่ายภาษีที่รัฐเรียกเก็บจากสุนัขพันธุ์ผสม แต่เขาก็ปฏิเสธที่จะจ่ายเงินและทิ้งฮาเกนไว้บนถนน พร้อมกับกรีดร้อง และประท้วงลูกสาวในรถเสียแทน
ถ้าคุณคิดว่านี่จะเป็นหนึ่งในหนังที่ฮาเกนได้ผจญภัย ก่อนได้กลับไปสู่อ้อมกอดของลิลลี่ หรือแดเนียลจะกลับเนื้อกลับตัวเป็นพ่อที่ดีใช่ไหม? บอกเลยว่า ‘คุณคิดผิด’
ฉากเริ่มต้นที่น่าขนลุกของภาพยนตร์ แสดงให้เห็นเด็กสาวคนหนึ่งปั่นจักรยานไปตามถนนที่ว่างเปล่าของบูดาเปสต์ จากนั้นเราก็เห็นสุนัขหลายร้อยตัวไล่ตามเธอ สุนัขในเมืองก่อการจลาจล และยึดครองถนน ถือว่าเป็นการเปิดตัวได้สยองสุดๆ และขอออกตัวไว้ก่อนเลยว่า เรื่องนี้ไม่เหมาะกับเด็ก เพราะนี่เป็นเรื่องราวที่โหดร้าย ของเหล่าสัตว์ที่ถูกทารุณกรรมจนกลายเป็นสัตว์ประหลาด เมื่อมนุษย์ใช้ความรุนแรง พวกมันก็จดจำ และได้โต้กลับเหล่ามนุษย์แล้ว หลังจากฮาเกนโดนทิ้งไว้ข้างถนน วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนถึงตอนที่เฮเกนถูกรับไปเลี้ยง แต่แทนที่จะได้เจอคนดีๆ กลับกลายเป็นมนุษย์โหดร้ายที่เลี้ยงหมาไว้กัดกันเพื่อเงินรางวัล และเปลี่ยนฮาเกน สุนัขที่อ่อนโยน ให้กลายเป็นนักสู้ที่ดุดัน พร้อมฝังคมเขี้ยวใส่ใครต่อใครตลอดเวลา แม้ว่ารูปลักษณ์ของฮาเกนจะดูไม่เหมือนสุนัขที่จะฉีกทึ้งใครได้ แต่บางทีนั่นอาจจะเป็นจุดที่ผู้สร้างนำมาใช้เพื่อประโยชน์ในการเล่าเรื่อง เพราะเราไม่สามารถนึกภาพความน่ากลัวของเจ้าฮาเกนจากที่เห็นในครั้งแรกได้เลย
ตัวภาพยนตร์ทำให้รู้สึกได้เลยว่า ลิลลี่พยายามหลุดพ้นจากศีลธรรม กฏระเบียบสัง และพยายามเป็นตัวของเธอเอง แม้ว่าวัฒนธรรมอันทรงพลังที่แฝงเร้นอยู่รอบตัวเธอ จะพยายามเข้าครอบงำอยู่ตลอดก็ตาม ลิลลี่ปฏิบัติต่อฮาเกนเหมือนเพื่อนแท้ เธอแบ่งปันอาหารของเธอให้กับเขา และไม่เคยออกคำสั่งกับมันลยแม้สักครั้ง ไม่ว่าจะเป็นคำสั่งง่ายๆ อย่าง ‘นั่ง’ ก็ยังไม่เคย เมื่อพ่อของเธอสั่งห้ามไม่ให้ฮาเกนนอนบนเตียง ลิลลี่ และฮาเกนจึงพากันไปนอนขดตัวอยู่บนพื้นห้องน้ำ บททดสอบของฮาเกนต้องเจอนี้ ยังเป็นกระจกสะท้อนให้เห็นการเดินทางของลิลลี่เองด้วยเช่นกัน ซึ่งเธอต้องรับมือกับความท้าทายจากคนรอบข้าง และสังคมที่กดทับให้เด็กผู้หญิงต้องจำยอม ปิดปากตัวเอง ควบคุมการกระทำ คำพูด และปิดกั้นทางเลือกของพวกเธอ
ถ้าใครที่เป็นคนรักสัตว์แล้วได้ดู White God เรามั่นใจว่าเกินครึ่งหนึ่งอาจจะดูไม่จบ เพราะภาพความโหดร้ายของการทรมานสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นฉากที่ ฮาเกนถูกไล่ตามโดยคนงานในศูนย์พักพิง, ถูกขู่ด้วยมีดโดยคนขายเนื้อ และต้องทนกับการฝึกที่โหดร้ายจากครูฝึกต่อสู้ ทั้งอดอาหาร, ทุบตี, มอมยา และฉีดสเตียรอยด์ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเปลี่ยนสุนัขที่อ่อนโยนให้กลายเป็นนักสู้ แต่เมื่อฮาเกนปลุกระดมการก่อจลาจลของเหล่าสุนัขที่เคยโดนทำร้าย และด้วยพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของพวกสุนัขทำให้ชาวเมืองต้องแตกตื่น จนรัฐบาลส่งตำรวจพร้อมชุดปราบจลาจลเข้าจัดการ พร้อมทั้งปิดเมือง ราวกับผู้ก่อการร้ายมือฉมังบุกรุกเข้าเมือง ทั้งที่สุนัขจรจัดเหล่านี้ถูกปฏิบัติราวกับว่าเป็นสิ่งของที่ใช้แล้วทิ้ง ถูกเอาเปรียบ และทรมาน จนต้องลุกขึ้นสู้ และลงโทษผู้ร้ายตัวจริง ที่ทำร้ายพวกมัน ในขณะที่ White God มุ่งเน้นไปที่ความทารุณของมนุษย์ที่กระทำต่อสัตว์ แต่เราก็ได้เห็นความโหดร้ายต่อสัตว์อื่นๆ อย่างเจ้าวัวที่ถูกนำไปสู่ความตายโดยไม่รู้ตัว
บ่อยครั้งที่ภาพยนตร์เกี่ยวกับสัตว์ส่วนใหญ่จะทำให้เห็นว่า หนังถูกเล่าผ่านสายตาของคนเพื่อบอกเล่าเรื่องราว และพฤติกรรมของพวกมัน แทนที่จะเล่าจากมุมมองของสัตว์จริงๆ แต่ White God ทำได้ และเกิดเป็นความแตกต่าง ด้วยการเล่าเรื่องผ่านมุมมองของสุนัขจริงๆ โดยไม่ให้เสียงพากย์ หรือใช้คุณลักษณะของมนุษย์กับพวกมันเลย เรามักจะเห็นโลกผ่านมุมมองของเจ้าฮาเกน ด้วยการใช้มุมกล้องแทนสายตาของสุนัขอย่างจริงจัง การถ่ายทอดของผู้กำกับคอร์เนล มุนดรุซโซ นั้นยอดเยี่ยมมาก ที่นอกจากมุมมองของฮาเกนแล้ว อารมณ์ และความรู้สึกชวนหลอนของหนังเรื่องนี้ก็ถูกถ่ายทอดออกมาได้ดีเช่นกัน อีกทั้งยังเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมากที่ทีมผู้สร้างสามารถควบคุมสุนัขจริงๆ กว่า 250 ตัว ให้แสดง และถ่ายทอดเรื่องราวความขบถของน้องหมาออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
White God เป็นหนังระทึกขวัญที่ทั้งกล้าหาญ และเฉียบขาด งดงาม แต่ก็โหดเหี้ยม สะเทือนอารมณ์ การแสดงที่ยอดเยี่ยมทั้งจากมนุษย์และสัตว์ ทิ้งความรู้สึกคุ้มค่าไว้ในใจคนดูแน่นอน แม้จะไม่ได้มีคำพูดอะไรที่ใช้เพื่อแทนความรู้สึกของสุนัขเหล่านั้น แต่คนดูจะเข้าใจได้เองจากบริบท และการบอกเล่าที่เฉียบขาดของทีมกำกับ และทีมเขียนบท ทำให้หนังเรื่องนี้ติดอันดับ 1 ใน 5 หนังที่ดีที่สุดในใจเราเลยทีเดียว!