Identity

พลังศักดิ์สิทธิ์แห่งเพศแม่ กับกระแสขั้วพลังงานที่สมดุล

นอกจากภูมิประเทศอันงดงามที่ยังเต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ของป่าเขาลำเนาไพร น้ำตกสวยๆ ทะเลสีเขียวคราม อากาศที่แสนสบาย รวมทั้งปาร์ตี้ดีๆ ที่จัดวนกันไปทั้งปีจนเป็นเหตุให้นักท่องเที่ยวหลายๆ คนที่เดินทางมาที่นี่พากันติดอกติดใจไม่ยอมกลับบ้านเกิดตัวเองแล้ว อีกสิ่งที่เป็นเสน่ห์จริงๆ ของเกาะพะงันคือเป็นที่รวมตัวของนักแสวงหาทางจิตวิญญาณที่รวมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนนำเสนอกิจกรรมดีๆ ในหมู่นักท่องเที่ยวที่มาเยือนเกาะ จนก่อเกิดเป็นสังคมที่เรียกกันว่า Conscious Community หรือสังคมแห่งสติ ซึ่งเป็นที่รวมของพลวัตรต่างๆ ที่กำลังขับเคลื่อนโลกใหม่ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการลด ละ เลิกการบริโภคเนื้อสัตว์ ซึ่งไม่ได้เพียงมีผลดีต่อสุขภาพของผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังส่งผลไปถึงภาวะโลกร้อนอีกด้วย หรือการฝึกโยคะและสมาธิ การใช้ดนตรีหรือธรรมชาติ เช่น น้ำ เป็นเครื่องบำบัด รวมทั้งการรวมตัวกันของพลังเพศแม่จนเกิด Women’s circle หรือ Sister’s circle ขึ้นมา

แต่สมาชิกส่วนใหญ่ที่กำลังขับเคลื่อนพลวัตรสำคัญๆ ที่กำลังเปลี่ยนโลกเรา ณ ชุมชนแห่งนี้มักจะเป็นนักเดินทาง หรือนักแสวงหาที่ละทิ้งถิ่นกำเนิดของตัวเองมาอยู่ที่นี่และไม่ได้เป็นคนไทย ทางเราจึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสนั่งคุยกับสาวสวย แพลลี่ - ปัลลวี บุญสิริสกุล สาวลูกครึ่งไทย-อินเดีย ผู้เรียกตัวเองว่าเป็นโค้ช Sensual Embodiment ซึ่งเราได้ขอให้ทางแพลลี่อธิบายเพิ่มเติมเล็กน้อยถึงในส่วนของงานที่เรียกกันว่า “งานผู้หญิง“ หรือที่ถูกเรียกในภาษาอังกฤษว่า women’s work, feminine spirituality หรือ goddess movement 

“มันคือการสร้างความสมดุลของสองขั้วพลังงานนี้ให้กลับคืนมาในสังคมมนุษย์ เนื่องจากที่ผ่านมาเราอยู่ในสังคมที่เต็มไปด้วยพลังงานหยาง ซึ่งคือพลังงานเพศชายที่เราจะทำทุกอย่างด้วยความรีบร้อนเพราะเราให้คุณค่าของความสำเร็จเหนือสิ่งอื่นใด ในขณะที่พลังงานหยิน จะเป็นไปอย่างเชื่องช้าเนิบนาบ ตามจังหวะที่เราสัมผัสได้ด้วยหัวใจ จึงเป็นการให้คุณค่าต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่เราสัมผัสได้ด้วยประสาทการรับรู้ทั้งหมดที่มี”

แพลลี่กล่าวต่อไปว่า ผู้หญิงทุกคนมีขุมพลังที่ซ่อนอยู่ในตัวเองอยู่แล้ว หนึ่งในงานผู้หญิงคือการดึงพลังยั่วเพศของตัวเองออกมาโดยที่ไม่ต้องรู้สึกละอายที่จะถูกตัดสิน และนั่นจึงเป็นที่มาของ Sensual Embodiment หรือการเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพลังงานทางเพศของตัวเอง เอาล่ะมาฟังกันเลยดีกว่าว่าน้องแพลลี่เธอนำเสนออะไรบ้างในเวิร์กชอปที่กำลังจะเกิดขึ้น

“ในส่วนของเวิร์กชอปนั้นจะมีระยะเวลาทั้งสิ้น 5 สัปดาห์โดยในสัปดาห์แรกจะเป็นการปลุกพลังความเป็นหญิงในตัวคุณออกมา พวกเราหลายๆ คนนั้นโตกันมาแบบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอวัยวะเพศของตัวเองทำงานกันอย่างไร เราขาดการศึกษาสิ่งที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ไปในโลกที่เต็มไปด้วยพลังงานหยาง แพลลี่จะช่วยให้คุณเข้าใจการบาลานซ์พลังงานสองขั้วนี้ และในขณะที่มนุษย์ประกอบไปด้วย กาย ใจ และจิตวิญญาณ เรากลับรับรู้ถึงการมีอยู่ของสองอย่างแรกเท่านั้น และสาเหตุที่เราไม่ตระหนักถึงความสำคัญของงานจิตวิญญาณก็เป็นเพราะเราอยู่ในสังคมที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับมัน ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเราขาดมันไม่ได้เพราะมันเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เราตระหนักถึงเป้าหมายของการมีชีวิตอยู่ และจุดประสงค์ของเวิร์คชอปนี้ก็คือการทำให้เราสามารถบาลานซ์ กาย ใจ และจิตวิญญาณเราได้นั่นเอง”

“ในแต่ละสัปดาห์เราจะค่อยๆ ทำความรู้จักกับความเป็นผู้หญิงที่เป็นเอกลักษณ์ของเราจนกระทั่งปลดล็อกดึงเอาความดิบแท้ที่เป็นแก่นของตัวเองออกมาปลดปล่อยได้โดยที่ไม่ต้องรู้สึกผิด คอร์สนี้ชื่อว่า The Activation หรือการเริ่มต้นเข้าสู่ความเป็นอิสระในตัวตน

การ activate คืออะไร ที่จริงมันคือการเปิดประตูเข้าสู่ด้านในเพื่อค้นพบสิ่งที่ทุกคนมีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเข้าสู่เป้าหมายที่แท้จริงของชีวิต การมีประสาทสัมผัสและการรับรู้ที่ชัดเจนมากขึ้น การได้เป็นตัวของตัวเองอย่างมั่นใจ ต่อจากนั้นจะเป็นการเข้าสู่การทำ Shadow work การรู้จักตัวตนด้านมืดของตัวเอง  ซึ่งเรามักจะพยายามซ่อนไว้ ไม่ก็วิ่งหนีมันไปไกลๆ เราจะได้โอบกอดเจ้าปีศาจร้ายในตัวนี้และรักมัน ต่อมาเป็นการทำ mirror work เพื่อให้เราตกหลุมรักตัวเองได้โดยออกมาจากพื้นที่ที่ไร้เงื่อนไขและยอมรับในทุกสิ่งที่ตัวเองเป็นอย่างแท้จริง ขั้นต่อมาคือการคลี่คลายความรู้สึกละอายอันเกิดจากเงื่อนไขที่สังคมสร้างขึ้น เพื่อเข้าไปสู่กระบวนการสุดท้ายที่นำเราเข้าไปสู่อิสรภาพภายในอย่างแท้จริง นั่นคือการปลดปล่อยตัวตนที่เป็นผู้หญิงของเราออกมา ไม่ว่าเธอคนนั้นจะเป็นแม่ยั่วเมือง หรือสาวมั่นเบอร์สุด เป็นอะไรก็ได้โดยที่ไม่ต้องรู้สึกผิด เพราะเรายอมรับในความเป็นผู้หญิงคนนี้ที่อยู่ข้างในเราแล้วอย่างแท้จริง”

“ในคอร์สก็จะมีสิ่งที่เราเรียกว่าเป็นเครื่องมือในการปฏิบัติเพื่อใช้ในเวลาที่โลกดูเหมือนกำลังจะเข้าสู่วิกฤติ หรือเวลาที่คุณต้องการเรียกคืนภาวะความสมดุลของ ความคิด ร่างกาย และจิตวิญญาณ ซึ่งเครื่องมือทุกอย่างนี้แพลลี่ได้มาจากการสั่งสมประสบการณ์อันเกิดจากกระบวนการเรียนรู้ในเส้นทางนี้ตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมาจนเกิดมาเป็นคอร์สระยะเวลา 5 สัปดาห์นี้ขึ้น โดยแพลลี่จะเป็นคนสร้างพื้นที่นี้ขึ้นมาให้คุณได้สนุกไปกับการเติบโตในแต่ละสัปดาห์ จนกระทั่งคุณหลุดพ้นจากพันธนาการต่างๆ ที่เหนี่ยวรั้งคุณไม่ให้เข้าถึงพลังที่ซุกซ่อนอยู่ในตัวคุณ และเข้าสู่อิสรภาพในการเป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง และนั่นคือความหมายของการใช้ชีวิตตามเป้าหมายและเจตจำนงที่แท้จริงของการมีชีวิตอยู่”

แล้วผู้หญิงคนอื่นๆ ล่ะได้อะไรจากการที่ผู้หญิงบางคนเข้าไปเรียนคอร์สนี้? จากประสบการณ์ Shadow work หรืองานเงาที่ผ่านมาสดๆ ร้อนๆ ของฉันเอง ทำให้ได้เห็นความรู้สึกด้อยกว่าผู้หญิงที่เข้าสู่ศักยภาพของการเป็นผู้หญิงอย่างเต็มที่ และนั่นคือที่มาของความรู้สึกอิจฉานั่นเอง ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ทำให้อึดอัดและยากที่จะก้าวข้ามไปได้ และแพลลี่ได้ให้คำตอบที่ทำให้ฉันรู้สึกขอบคุณมากๆ

“ความอิจฉาเป็นสิ่งที่ดี เพราะมันบอกเราว่าเราต้องการสิ่งนั้น มันเป็นตัวบ่งชี้ว่าเราต้องการอะไรและจุดประสงค์และเป้าหมายของการมีชีวิตของเราคืออะไร ในโลกที่พลังงานหยางเป็นใหญ่ ความรู้สึกในแง่ลบมักจะถูกตัดสินโดยสิ้นเชิงว่าเป็นสิ่งไม่ดี เพราะหยางคือการสะท้อนให้เห็นเฉพาะด้านที่สว่างในขณะที่หยินคือการเข้าไปสู่ความมืดเพื่อให้เข้าถึงองค์ความรู้อันเกิดจากปัญญาญาณโดยปราศจากการตัดสินใดๆ เพราะความรู้สึกก็คือความรู้สึก ไม่ว่ามันจะมาในรูปแบบของความเจ็บปวด ความละอาย มันก็ต้องเกิดขึ้นวันยังค่ำ แทนที่เราจะกดทับมันไว้ เราสามารถเลือกที่จะรับรู้ถึงการมีอยู่ของมัน โอบกอดมันไว้ และปล่อยวางมัน

จากประสบการณ์ที่แพลลี่ได้สัมผัสมา แพลลี่ได้พบว่า ยิ่งเราได้สัมผัสกับด้านมืดภายในของตัวเองมากขึ้นเท่าไหร่ เรายิ่งได้พบความสุขมากขึ้นเท่านั้น เปรียบได้กับรากของต้นไม้ที่มันยิ่งแทงทะลุความมืดมิดของพื้นดินลงไปลึกมากแค่ไหน ลำต้นของมันก็จะยิ่งแผ่กิ่งก้านสาขาออกไปได้มากขึ้นเท่านั้น”

ในโลกที่ผู้หญิงแทบจะทุกคนประสบปัญหาเหมือนๆ กันอันสืบเนื่องมาจากความเชื่อและทัศนคติของสังคมที่ ทำให้ผู้หญิงรู้สึกเหมือนกับจะต้องแข่งขันกับผู้หญิงคนอื่น ไหนจะค่านิยมที่ทำให้หลายๆ คนด้อยค่าตัวเอง และการถูกตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอก ฐานะ และการศึกษา เรียกว่าเป็นโลกที่ไม่ใช่จะอยู่ง่ายเลยสำหรับผู้หญิง การได้รับการสนับสนุนจากผู้หญิงด้วยกันราวกับพี่สาวน้องสาวจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมากในการขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่นี้ ฉันยอมรับว่ารู้สึกดีมากๆ ที่ได้คุยกับน้องและได้คลี่คลายความรู้สึกบางอย่างออกไป รวมทั้งยังเป็นการยืนยันว่าพลวัตรนี้เป็นสิ่งสำคัญต่อโลกจริงๆ การที่ได้ยอมรับตรงๆ ถึงความอิจฉาผู้หญิงอีกคนที่อยู่ในสถานะเฉกเช่นเดียวกับแพลลี่ผ่านแพลลี่และได้ยินคำตอบที่ออกจากปากของเธอมันทำให้ฉันรู้สึกราวกับสวรรค์ต้องการให้ฉันได้รับรู้ทัศนคติของเธอคนนั้นผ่านน้องสาวคนนี้เพราะฉันยังอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถสื่อสารกับเขาโดยตรงได้ และสำหรับฉันแล้วนั่นคือความหมายของ Goddess Movement จริงๆ เพราะเราทำงานกับตัวเองแต่อยู่ภายใต้การดูแลและกำกับของ Divine หรือพลังงานอันศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อมโยงพวกเราทุกคนจากภายใน และเราสัมผัสถึงมันได้เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ราวกับเป็นเหตุบังเอิญเช่นนี้นี่เอง

ติดตามแพลลี่เพื่อรับข่าวสารจากเธอได้ที่ babysheetah