Identity

Hip Hop ไทยในมุมมองใหม่ๆ จาก ‘Réjizz’ กับเพลงล่าสุด ‘Superstar’ เมื่อเราอยากดัง แต่ไม่มีตังให้แxก

~5 - 10 ปีที่ผ่านมาหลายคนคงได้เห็นวงการฮิปฮอปไทยนั้นโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โตจนน่าเหลือเชื่อ ทำให้บางครั้งเรากลับมานั่งคิดว่านี่คือจุดสูงสุดของวงการฮิปฮอปหรือยังนะ? ฮิปฮอปไทยจะไปไกลได้กว่านี้อีกมั้ย? เรื่องนั้นไม่มีใครตอบได้ ทว่าก็ยังมีหลายคนที่พยายามตามหาสิ่งใหม่ ให้ฮิปฮอปไทยมีอะไรน่าสนใจมากกว่าที่เคย รวมถึงศิลปินฮิปฮอปอิสระ อย่าง ‘Réjizz’

~Réjizz เป็นอีกหนึ่งคนที่พยายามสร้าง ‘The new era’ ให้กับวงการฮิปฮอปไทย ภายใต้การทำเพลงแบบใหม่ๆ วิธีคิดที่ไม่เหมือนใคร และซาวด์ที่แตกต่าง โดยล่าสุดเพลง ‘Superstar’ ที่เพิ่งปล่อยนั้นทำให้หลายคนฟังแล้วต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ฮิปฮอปไทยมันมีแบบนี้ด้วยเหรอวะ!?”

~วันนี้ EQ ได้มีโอกาสนั่งพูดคุยกับ Réjizz ทั้งเรื่องชีวิต ตัวตน วิธีการทำเพลง และเบื้องหลังแนวคิด The new era ที่สร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ ให้กับวงการฮิปฮอปไทย

กว่าจะมาเป็น Réjizz

เริ่มจากฮิปฮอปมาตั้งแต่เด็กเลยมั้ย? แล้วเพราะอะไรถึงชอบฮิปฮอป?

~ไม่ได้เริ่มจากฮิปฮอปครับ แต่ว่าตอนเด็กคุณแม่คุณพ่อเปิดเพลง แล้วมันมีเพลงฮิปฮอปผ่านมาผมเลยฟังอันนั้นมากที่สุด there’s something about the groove, something about จังหวะของมัน แล้วก็การเล่าเรื่อง มีช่วงนึงที่กำลังเป็นวัยรุ่น คุยเรื่องส่วนตัวกับทุกคนไม่ได้ ก็เลยรู้สึกว่าเพลงเป็นเพื่อน พอฟังเพลงแล้วก็รู้สึกว่าพี่คนนี้เขากำลังคุยกับผมอยู่ มันมีการเขียนเยอะด้วย เพลงฮิปฮอปมันมี information เยอะมาก ก็เลยรู้สึกว่าเราได้เรียนรู้จากเนื้อหา เรียนรู้จากเนื้อเพลง มันเลยรู้สึก connect 

ก่อนหน้านี้ Réjizz เคยเล่นดนตรีมาก่อนมั้ย?

~ไม่เลยครับ เล่นไม่เป็นเลยครับ ตอนเด็กแม่เคยให้เล่น classical piano ก็อารมณ์แบบฝืนเรียนอะครับ รู้สึกว่ามันไม่ใช่ แล้วก็เพิ่งมาจับกีตาร์ตอนม.4ครับ C G E D อะไรอย่างนี้ ส่วนเพลงก็ไม่ค่อยร้องครับ เคยร้องตอนที่เสียงยังเด็กๆ อยู่ แล้วมันก็มีเสียงแตกบ้าง พอขึ้นไปคีย์สูงๆ แล้วมันก็แหลมจัด มันไม่ค่อยได้ ฟังแล้วรู้สึกว่ามันก็ไม่เพราะเท่าไหร่ รู้สึกการแร็ปมัน monotone มากกว่า ใช้เสียงรีแล็กซ์ได้

ปกติฟังเพลงแนวอื่นมั้ยนอกจากฮิปฮอป?

~ฟังหลายแนวครับ ผมพูดตลอดว่าพื้นฐานของผมคือฮิปฮอป แต่ผมมีไฮบริดในด้านอื่น ผมชอบ jazz ผมชอบ blues บางที่ผมก็ชอบเพลง pop ที่เพราะ แนวนั้นผมชอบหมด แต่ว่าทุกอย่างมันก็กลับมาสู่ฮิปฮอป มันเชื่อมโยงกันได้ แต่ว่าทุกอย่างมันเชื่อมกันด้วย BPM ต่อให้บางอันมันจะซาวด์ช้า มันสวิง แต่สวิงของ jazz มันก็คือแทร็ปของฮิปฮอป ทุกอย่างมันก็เลย connect กันได้

ช่วงนี้ฟังเพลงแนวไหน?

~มีวงนึงชื่อ Avantdale Bowling Club เป็นวงดนตรี 10 คน เหมือนเป็นคอมมูนิตี้ในโบสถ์ เล่นดนตรีแบบบ้ามาก แต่ว่าคนดูไม่ถึงล้าน หลักแสน หลักหมื่น แต่ว่ามืออาชีพมาก วงนี้มันไม่ใช่แค่แร็ปอย่างเดียว ดนตรีมันบ้ามาก มันเป็นเหมือนทางใหม่ๆ amazing

การที่เราไม่ได้เน้นทฤษฎีดนตรี แต่อาศัยการฟังเยอะแล้วใช้ feelings ล้วนๆ ส่งผลยังไง?

~มันได้มุมมองใหม่ คือในการทำงานของผม ผมเจอคนที่เก่งมากๆ อย่างเพื่อนๆ ใน Dojo หรือว่าวงที่เล่นด้วยกัน เขาสุดในด้านของเขา เขาเรียน jazz หรืออะไรที่เกี่ยวกับดนตรี เขารู้ว่าในทางเทคนิคต้องเป็นแบบนี้ แต่ผมไม่เข้าใจเรื่องทางเทคนิค ผมเลยใช้ฟีล แบบผมไม่รู้ว่าถูกหรือผิด แต่ถ้ามันรู้สึกใช่ ผมก็อยากลอง เพื่อนๆ ในวง ตอนที่ผมพูดไม่มีใครเชื่อผมหรอก มันต้องทำให้ดู ตอนทำให้ดูแล้ว they see it, they hear it, and then they will believe it

‘Hip hop’ ในมุมมองของ Réjizz

~ผมว่าฮิปฮอปมันคือ groove ครับ มันคือฟังก์ของกลองแล้วก็เบส hip hop rap มันก็คือการแร็ปไปกับกลอง ส่วน hip hop r&b มันก็คือการร้องไปกับกลอง ผมคิดว่าฮิปฮอปมันคือ groove มันคือการทำให้คนฟังรู้สึกอะไรสักอย่าง ไลฟ์สไตล์อะไรอย่างนี้ จริงๆ แล้วฮิปฮอปมากจาก funk และ soul เพราะยุค 80s มันเริ่มมี drum machine แล้วคนก็ใช้ sample จากยุค 70s มาทำเป็นบีทฮิปฮอป แล้วก็แร็ป อะไรอย่างนี้ บีทยุคนั้นมันเลยมีซาวด์ของ 70s เยอะครับ

Hip hop แบบ Réjizz นี่เป็นยังไง?

~มันแล้วแต่ era ครับ อย่าง origin EP มี 8 เพลง มันเป็นเหมือนอัลบั้มแรกที่ผมเทส มันมีทั้งร้องแร็ป หรือเป็นแทร็ปไปเลยผมเคยพยายามทำเพลงที่เป็น viral อย่างเพลง WHUDDEE KAB (หวัดดีคับ)

มี Man Behind Barz ที่แบบว่า โอเค แร็ปๆๆ มีเพลง What's Your Name ที่ฟีทกับ D GERRARD ก็เป็น r&b ส่วน Jarn Rhyme (จารไรม์) ก็เป็น old school มี Nobody Like Me Freestyle ก็เป็น chill hop ส่วน Self Made ก็เป็น alternative rock แล้วก็ฮิปฮอป มันคือยุคที่ค้นหา หลังจากนั้น covid ก็มา ผมก็อยู่ในห้อง ค่อยๆ เรียนรู้ว่ายุคนี้เขาทำยังไงกัน ช่วงนี้เป็นช่วงที่ผมได้ทำทุกอย่างเองใน garage band ทั้งร้อง อัด produce 

~ในอัลบั้มต่อไป ผมพยายาม challenge ตัวเองว่าจะพยายามทำดนตรีที่มัน catchy แต่ว่ายังเป็นตัวผมนะครับ ยังเป็นแร็ปอยู่ แล้วก็อยากใช้ความรัก อยากใช้ความรักมาเป็นคอนเซปต์ ก็เลยได้ซาวด์ที่มันจะ jazz, lo-fi ได้ soul ได้เล่นกับจังหวะ 6/8 เน้นความสกิล เน้นความสวยงามของโปรเจกต์ครับ แต่ว่าตอนนี้มันคือ new era มันก็เลยแบบ…

~ผมมีทั้ง The Weight ที่เป็น funk อย่าง Superstar ก็เป็นหมอลำ ผมเรียกว่าไฮบริดแล้วกัน hybrid rap แล้วเดี๋ยวผมจะมี 70s funk จะมีเป็นฟีลแร็ปเพื่อชีวิตอะไรแบบนี้ มันก็เลยบอกได้แค่อย่างเดียวว่ามันคือ ‘new era’ ของฮิปฮอป 

~ผมไม่อยากให้แค่ว่าผมทำแนวฮิปฮอปแล้วต้องทำแค่อย่างนี้อย่างเดียว ผมคิดว่าผมอยากลองทำอะไรหลายๆ แบบ ผมรู้ว่ามันจะออกมาเป็นแบบไหน แต่ยังหาคำจำกัดความไม่ได้

วงการ Hip hop ไทย ในสายตาของ Réjizz เป็นยังไง?

~ผมคิดว่ามันเหมือนเดิมมาหลายปี แล้วก็วงการฮิปฮอปมันคือวงการบันเทิง แล้วก็โฟกัสไปที่อะไรที่เป็น viral มากกว่า ผมคิดว่ามันมีแต่เพลงที่ขายความตลก อีกอย่างนึงคือซาวด์ของบีทหรือว่าทำนองมันเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ 2015 มันไม่เปลี่ยนไปเลย ผมเบื่อแล้วอะ ผมก็เลยแบบ คนอื่นเขาไม่เบื่อกันหรอวะ แค่สงสัยว่า when are we gonna change? ผมเลยมี new era ให้เขาฟัง ให้คนรู้ว่ามันมีฮิปฮอปแบบนี้นะเว่ย แบบว่าฮิปฮอปมันทำอะไรได้บ้าง มันไม่ใช่แค่นั้น มันมีอีกตั้งเยอะ ผมเลยอยากให้คนได้เห็นว่าเราไปทางไหนได้บ้าง แล้วผมก็คิดว่าคัลเจอร์ของแต่ละฝั่งมันไม่เหมือนกันด้วย ฝั่ง Dojo จะเน้นเรื่อง performance การทำโชว์ต่างๆ 

คิดยังไงกับภาพจำที่ว่า Hip hop ต้อง ‘get lit’?

~ผมคิดว่าแมสเสจอย่างนั้นมันทำให้คนคิดว่า เรื่องผู้หญิงกับยาเสพติดมันคือสิ่งที่แร็ปเปอร์ต้องทำ แบบ hey, you wanna be a rapper? have money, have b**ches มันไม่ใช่ แล้วก็ผมชอบออกกำลังกาย ดูแลตัวเอง กินอาหารดีๆ ผมก็เลยอยากพูดเกี่ยวกับแมสเสจที่มันเฮลตี้บ้าง อยากพูดอะไรที่มันส่งเสริมแมสเสจดีๆ บ้างครับ

แล้วอยากเห็น Hip hop ไทย เติบโตไปทางไหน?

~ผมไม่อยากให้คนคิดว่าต้องทำตามคนนี้ถึงจะเรียกตัวเองได้ว่าเป็นแร็ปเปอร์ อยากให้เขาไม่กลัวที่จะลองว่าแร็ปมันพาไปทางไหนได้บ้าง ไม่ใช่แค่แทร็ปหรือต้องใช้แค่ autotune อย่างเดียว ผมคิดว่าตอนนี้ถ้าเราคิดถึงแร็ปเปอร์ต้องมี autotune ต้องมี yo! what’s up gang มันคือภาพลักษณ์ของฮิปฮอปไทยตอนนี้

เนื้อเพลงได้แรงบันดาลใจมาจากไหน?

~2 อัลบั้มแรกจะเป็นเนื้อหาแร็ปแบบทั่วไป แบบว่า โย่ เราเป็นแร็ปเปอร์ แร็ปเก่งกว่ามึง มันเป็นฟีลนั้นครับ แต่ว่าอัลบั้ม MOSCATO จะเป็นการแร็ปเพื่อความรัก พยายามหาความรักด้วยแร็ป แล้วก็พยายามทำให้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายฟังได้ ต่อมาใน era นี้ก็จะเป็นทุกอย่างที่ผมผ่านมาทั้ง 3 อัลบั้ม เหมือนเราโตขึ้น แล้วก็มีเพื่อนๆ 

คิดว่าการทำเนื้อเพลง 2 ภาษามีผลมั้ย?

~ผมว่ามีผลนะครับ ผมฝึกอังกฤษมาตั้งแต่เด็ก ผมก็เลยพยายามจะแร็ปอังกฤษ แต่ผมอยู่ไทยอะเนอะ มันก็จะชนะเพลงที่เป็นเนื้อภาษาไทยไม่ได้ ผมก็เลยสวิชมาภาษาไทยบ้าง คนก็ชอบ แต่บางครั้งผมรู้สึกว่ามันไม่ได้เป็นตัวเอง ผมก็เลยคิดว่า f*ck all that แล้วก็คิดแค่ว่า just be myself เขียนตามฟีล ไทยก็ได้วะ อังกฤษก็ได้วะ เพลงไทยกับเพลงอังกฤษของผมยอดวิวไม่ได้ต่างกันขนาดนั้น ก็เลยคิดว่า just gotta be myself

สู่ The new era กับเพลง ‘Superstar’

คอนเซปต์ของเพลง Superstar คืออะไร?

~จากคอนเสิร์ต EMERGE จนถึงวันนี้ ชีวิตก็เปลี่ยนไปเหมือนกันครับ เพราะว่าอย่างที่บอกไปว่า EMERGE มันก็เป็นโชว์ที่พาผมได้ไปเล่นนู่นเล่นนี่ มันเปิดโลกผมมากว่าแบบ เพลงเรามันทำแบบนี้ได้หรอวะ ตอนเล่นที่ EMERGE คนก็ไม่ได้รู้จักผมใช่มั้ยครับ อาจเป็นครั้งแรกที่ดูผมก็ได้ เขาอาจได้ฟัง groove ได้เห็น performance ของผม แล้วมันมี interaction ระหว่างคนดู แล้วคนดูยิ้มกัน เต้นกัน แล้วเราก็แบบ มันทำอย่างนี้ได้หรอวะ ผมเลยพยายามหาทางว่าเราทำเพลงต่อไปยังไงให้มันเป็น reaction นี้ ผมก็เลยรู้สึกว่าทำไปเรื่อยๆ แล้วรู้สึกเราพาวเวอร์ เรามีพลัง เรามีความรับผิดชอบมากขึ้น ก็เลยฟีลแบบ I’m superstar

~แล้วก็อย่างที่เรารู้กันเนอะว่าวงการดนตรีมันก็ไม่ได้รวย ไปงานไหนก็บอกตลอดว่า budget มีไม่เยอะนะ เพลงนี้ผมก็พูดถึงตัวเองแหละครับ แต่ก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่แค่ผมที่เจอสิ่งนี้ ทุกคนที่กำลังวิ่งวุ่น กำลังไฟต์ เพื่อจะได้มีอะไรกิน ใน MV ก็เลยจะได้โชว์พี่ๆ ฮีโร่ พี่วิน แม่ค้า พ่อค้า อะไรอย่างนี้ 

ทำไมคิดว่าพี่วิน พ่อค้า แม่ค้าเป็นฮีโร่?

~Man, they’re so nice ผมนั่งวินมอเตอร์ไซค์มากกว่าแท็กซี่มาตั้งแต่เด็กแล้ว ผมได้ใส่เสื้อวิน represent แล้วผมก็แบบ ผมเข้าใจนะ มันมีช่วงนึงที่ผมทำงาน marketing แถวทองหล่อ ผมเลยต้องนั่งมอไซค์ไปทำงานทุกวันเพราะว่ารถติดเหมือนวันนี้ ชั่วโมงครึ่ง ก็เลยซิ่งมอไซค์ไปทำงาน แล้วมันสู้ชีวิตจัดครับ ผมก็เลยฟีลกับเรื่องพวก ผมเลยอยากให้พวกเขาได้มีพื้นที่มากๆ อยากให้แสงพวกเขา ถึงแม้ว่าผมล้มมาเยอะ ถนนลื่นอะไรแบบนี้ แต่สุดท้ายแล้วเมืองไทยมันอยู่ได้เพราะมอไซค์

process เพลงนี้เป็นยังไงบ้าง?

~process ค่อนข้างน่าสนใจครับ ตอนที่เริ่ม ผมอยู่กับ ไมเคิล SELBY MG กับ SUBNET แล้วเจอ sample แคน บอกเขาว่าลองมาทำเพลงกันแบบเร็วๆ ดู แบบจับเวลาชั่วโมงนึง เราทำอะไรได้ไกลแค่ไหน เพราะว่าถ้าให้ลองนู่นลองนั่น 3 - 4 ชั่วโมง แล้วมันแบบ ไม่เอาลองใหม่ แต่ถ้ามันชั่วโมงเดียวก็มาลองทำกัน ลองเสร็จ ปล่อย ระหว่างที่ทำผมก็นั่งดู sample กลองยาว แล้ว export ให้เขาเอาใส่ ละพี่เขาก็ทำกลองสไตล์พี่เขามา มันเหมือนเป็น 2 ด้านที่แสดงให้เห็นว่า it’s Thai but it’s hip hop มันคือการ connect with tempo and BPM

ทำไมเราสนใจในความเป็นไทยมากขึ้น?

~คือมันมีโชว์นึงที่เปลี่ยนชีวิตผมมาก ได้ไปดู The Paradise Bangkok Molam International Band ที่ Cat Expo ผมเห็นคนเยอะมากๆ แล้วเหมือนแบบผีเข้าหรืออะไรสักอย่าง วันนั้นฝนตกด้วย แม่งกลิ้งโคลนกัน บ้า แบบหลุดอะ คือแบบปลดปล่อยกำแพงที่เราเคยตั้งไว้ในสังคม ผมเลยรู้สึกว่านี่คือคีย์ ของการปลดล็อคจิตวิญญาณของคนไทย ทุกคนเกิดมาด้วยสิ่งนี้ แล้วเรา connect กับซาวด์นี้มากที่สุด เราอาจจะยังไม่รู้ แต่ถ้าเราได้ยินมันจะรู้สึกได้ แล้วจังหวะที่เขาเล่นมันคือหมอลำยุคใหม่ มันมีกลองกับเบสที่มันใส่กับฮิปฮอปได้ ผมเลยแบบ ใช่เลย แล้วถ้าเราเชื่อมฮิปฮอปกับซาวด์ที่นำเสนอความเป็นไทย มันจะปลดล็อคไปด้วย แล้วผมจะได้แร็ปด้วย ทุกสิ่งทุกอย่างมันจะ connect 

~หลังจากนั้นผมก็เลยบ้าเรื่องนี้ แล้วก็เลยศึกษา ส่วนเรื่องแฟชัน นิวยอร์กเขามี durag มีสร้อย มีอะไรที่เป็นวัฒนธรรมฮิปฮอป คนไทยเห็นฝรั่งก็เลยทำบ้าง แล้วผมก็มาคิดว่าบ้านเรามันก็มีอะไรที่มันเข้ากับลุคของเรา ผ้าขาวม้าก็เหมือน durag ผมคิดว่ามันเหมือนกัน ที่อยากสวิชมาไทยมากขึ้นก็เพราะผมรู้สึกว่าเรายืมหลายอย่างจากที่อื่นมาแล้ว มีหลายอย่างในบ้านเราเยอะมาก

ถ้าให้มองตัวเองตั้งแต่ตอนทำเพลง City Boy จนมาถึง Superstar คิดว่ามันสะท้อนการเติบโตของตัวเองแค่ไหน?

~จริงๆ ถ้าให้ผมเล่านี่ผมเล่าได้ทั้งวันนะ

เล่าทั้งวันไม่ได้นะ (หัวเราะ)

~ผมรู้สึกว่าการทำงานของผมที่ผ่านมามันเหมือนหนังมากเลยครับ แบบว่าเอาไปทำหนัง Netflix ได้ (หัวเราะ) เอาเป็นว่าผมผ่านมาเยอะ แล้วก็ยังยืนอยู่ตรงนี้ ทำเพลงอยู่ได้ ผมก็คิดว่า I’m being all right ก็ยังทำได้โอเค เพลงก็บอกอยู่เนอะว่าเป็น Superstar แต่ไม่มีตังให้แดก (หัวเราะ)

อยากฝากอะไรถึงคนที่กำลังเดินอยู่ในเส้นทางนี้แล้วอยากเป็น ‘Superstar’ บ้าง?

~ถ้าเราทำเพลง ต้องทำเพลงให้ตัวเองก่อน ถ้าเราทำเพลง ต้องทำเพลงที่ตัวเองในอีก 10 ปีจะชอบ try to make a classic for yourself คนฟังอะคือที่ 2 ผมคิดว่านะ คนแรกที่ฟังคือเรา the biggest fan is yourself

เปิดโลกสู่ ‘The new era’ ของ hip hop ไปพร้อมกับ Réjizz และสามารถรับฟัง ‘Superstar’ ได้แล้วที่ streaming music ทุกช่องทาง 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: Réjizz และ Instagram: @rayjayrangsit