ตลาดรถยนต์ประเทศไทยเข้าสู่ช่วงผลัดใบครั้งสำคัญอีกครั้ง โดนเฉพาะปีนี้ที่เห็นได้ชัดเจนจากการเข้ามาร่วมลงนวมด้วยของบรรดาค่ายรถแดนมังกรประจำมณฑลทั้งหลาย ที่หาได้มาเล่นๆ แค่ขายๆ และจบไป แต่บางค่ายถึงขั้นเป็นเมกะโปรเจกต์ หวังให้ไทยเป็นพอร์ตเพื่อผลิตรถป้อนตลาดโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และออสเตรเลีย ไปจนถึงค่ายตัวท็อปแดนลุงแซมอย่าง Tesla ก็มาเดินเล่นทำตลาดในบ้านเราจริงจังด้วยเช่นกัน
ก่อนจะเปลี่ยนไป ก่อนถนนเมืองไทยจะเกิดการเปลี่ยนแปลง คำถามก็คือในปี 2024 และปีถัดๆ ไป ความสนุกในฐานะของผู้บริโภคอย่างเราๆ ท่านๆ ที่จะได้เฝ้ามองและเลือกมีตัวเลือกมากขึ้นจะเป็นอย่างไร ถึงเวลาของรถยนต์ไฟฟ้าเกลื่อนเมืองเหมือนปรมาณูของ Oppenheimer หรือจะยังเป็นเพียงแค่แสงหิ่งห้อยที่ยังต้องรอการพิสูจน์จากผู้ใช้ รถน้ำมันยังไปได้ไหม แบรนด์รถญี่ปุ่นจะสิ้นลายโดนรถจากค่ายแดนมังกรกินรวบ EQ จะมาเล่าให้ฟังกัน
2023 รถน้ำมันจากญี่ปุ่นยังคงครองตลาด
จากข้อมูลยอดขายรถยนต์ตั้งแต่เดือน มกราคม-พฤศจิกายน 2023 ภายใต้บริบทของแบรนด์รถยนต์ อันดับ 1, 2, 3 และ 5 ยังเป็นยอดของแบรนด์รถจากญี่ปุ่น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรถเครื่องยนต์สันดาป ICE (Internal Combustion Engine) นั่นคือ Toyota, Isuzu, Honda และ Mitsubishi มีแบรนด์ Ford ซึ่งเน้นขายแต่รถกระบะติดสอยมาด้วยในอันดับที่ 4
ดูเหมือนจะยังไม่เห็นความผิดปกติอะไร ในเมื่อค่ายรถจากญี่ปุ่นก็ติดท็อปมากันครบ
แต่ที่น่าสนใจคือในอันดับที่ 6, 7, 11 และ 12 เป็นรถจากค่ายจีนที่ส่วนใหญ่เน้นขายรถยนต์ EV ตีเป็นตัวเลขกลมๆ ราว 73,000 คัน เป็นรถนำเข้าและจำหน่ายภายใต้มาตรการช่วยเหลือของภาครัฐฯ EV 3.0 อุดหนุนให้รถที่จำหน่ายแต่ละคันอยู่ที่ 700,000 ถึง 150,000 บาท
3 แบรนด์ใหญ่ ยอดขายยังไม่ 'สะเทือน' นัก
แน่นอนว่าหากนับรวมๆ แล้ว รถจากแดนปลาดิบยังคงเป็นที่อุ่นใจเชื่อมั่นของคนไทย และไม่เซอร์ไพรซ์กับแบรนด์อันดับ 1, 2 และ 3 ที่เป็นเหมือน 'ตัวตึง' ของแทร่ในเรื่องความเชื่อมั่นจากผู้ใช้งาน Toyota แบรนด์อันดับ 1 ของโลกและไทย มีตัวเลือกที่ตอบจริตการใช้งานครบทุกรูปแบบทั้งกระบะและเก๋ง ยอดขายรวมตั้งแต่เดือน 1-11 ปี 2023 อยู่ที่ 241,844 คัน เทียบกับปี 2022 ทั้งปีขายได้ 288,809 คัน คาดการปี 2023 ยอดน่าจะแตะใกล้เคียงปี 2022 หรือต่ำกว่าเล็กน้อย
ส่วน Isuzu แน่นอนว่าเรื่องกระบะก็ฟาดคู่กันมากับ Toyota ตั้งแต่ไหนแต่ไร บวกกับเค้กก้อนใหญ่ของตลาดรถเมืองไทยก็คือตลาดกระบะขนาด 1 ตัน ทำให้ Isuzu ยังคงมีตัวเลขยอดขายมาเป็นอันดับ 2 ยอดขายเดือน 1 ถึงเดือน 11 ขายได้ 141,671 คัน แต่ตัวเลขยอดขายรวมทั้งปี 2023 น่าจะลดลงจากปีก่อนหน้า 2022 ที่ยอดขายทั้งปีทำได้ถึง 212,491 คัน ส่วน Honda ก็เด่นในเรื่องรถเก๋งโดยสารที่มากับตัวเลือกรุ่นรถในทุก Segment เน้นกระตุ้นยอดขายในงาน Motor Expo 2023 ช่วงท้ายปีน่าจะส่งผลทำยอดเติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้า 2022 ที่ขายได้รวม 82,842 คัน
จากที่มองตัวเลขอย่างละเอียด การที่ 3 แบรนด์ใหญ่ของตลาดรถเมืองไทยยอดขายยังไม่ตกลงอย่างฮวบฮาบจนน่าใจหาย แม้จะโดนรถ EV จากค่ายจีนเข้ามากินส่วนแบ่งของยอดขายไปบ้าง
จึงไม่น่าแปลกใจที่เรายังไม่เห็นการเคลื่อนไหวขยับตัวอะไรมากนักของรถจากค่ายญี่ปุ่น ไม่รีบร้อนที่จะเข็นรถ EV มาขายแข่งกับค่ายจีน ทั้งที่เสียงเรียกร้องจากบรรดาติ่งรถญี่ปุ่นให้รีบคลอดรถไฟฟ้ามาให้จับจ่ายใช้สอยอยู่ไม่น้อยก็ตาม
2023 ปีที่รถไฟฟ้าแบรนด์จีน 'รุกหนัก'
นับตั้งแต่ย่างเท้าก้าวสู่ตลาดเมืองไทยของแบรนด์รถไฟฟ้า BYD ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2022 ไม่เป็นเพียงการสร้างกระแสรถ EV ในบ้านเราอย่างก้าวกระโดด แต่เป็นเหมือน 'ตัวเปิด' ให้แบรนด์รถค่ายร่วมชาติหลายๆ แบรนด์มาลุยในตลาดเมืองไทยด้วย
ถึงปี 2023 ถึงคิวของแบรนด์ ‘ฉางอัน’ (Changan) ที่มาพร้อมกับดีลระดับแตะ 'หมื่นล้านบาท' ในเฟสที่แรกในการสร้างโรงงานหลักในการผลิตรถพวงมาลัยขวาของค่าย ด้วยเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่นเดียวกับค่าย GAC ก็มีแผนตั้งโรงงานผลิตในไทย และวางในประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการส่งออกรถไปสู่ประตูอาเซียนด้วย
2024 กองทัพรถไฟฟ้าจีนลุยเต็มสูบ รถน้ำมันญี่ปุ่นยังจับจุดไม่ได้
ถึงยอดขายของรถญี่ปุ่นหลายๆ จะไม่ได้รับผลกระทบอย่างชัดเจนจนทำให้ยอดขายรถทั้งปี 2023 ลดลงอย่างน่าใจหาย แต่ผู้บริหารหลายค่ายเริ่มจะได้กลิ่นบางๆ ของภูเขาน้ำแข็งข้างหน้าบ้างแล้ว จากเสียงสะท้อนผ่านทางยอดจองในงาน Motor Expo 2023 ช่วงปลายปีที่ผ่านมา
พอจะแสดงให้เห็นภาพของปีรุ่งขึ้นได้จากการเปิดตัว เปิดราคาขายอย่างเป็นทางการของรถไฟฟ้าจีนหลายๆ รุ่น อาทิ GWM ORA 07, Changan Deepal S07, Deepal L07 รวมไปถึงการปรับลดราคาลง GAC Aion Y plus ให้ราคาเหมาะสมขึ้น และโปรโมชั่นเร้าๆ ของค่าย BYD ในทุกรุ่นรถ
เพราะจากตัวเลขยอดจองในงาน Motor Expo ปรากฏว่า สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดจะเกิดขึ้น BYD ขึ้นนำโด่งในเรื่องของยอดจองช่วงวันแรกๆ แม้จะโดนเจ้าตลาดกลับ Toyota, Honda มาตีตื้นและแซงยอดจองรวมไปได้แต่ก็ไม่ห่างนัก 7 อันดับค่ายรถที่ยอดจองสูงสุด มีค่ายรถจีนเน้นขาย EV ติดอยู่ถึง 4 อันดับ ดังต่อไปนี้
ยอดจองรถยนต์ในงาน Thailand International Motor Expo 2023
- Toyota : 7245 คัน
- Honda : 6149 คัน
- BYD : 6119 คัน
- Aion : 4568 คัน
- MG : 3568 คัน
- Changan : 3549 คัน
- GWM : 3524 คัน
ตัวเลขนี้แหละคือ 'ภาพรางๆ' ของตลาดรถปี 2024 ที่ผู้ใช้รถจะได้เห็น นี่ขนาดแต่ละค่ายจีนยังไม่ได้มีจำนวนรุ่นรถให้เลือกมากมายอะไรนะ บางค่ายมีแค่รุ่นสองรุ่นด้วยซ้ำ ลองนึกภาพดูว่าหากมีรถไฟฟ้าที่มีรุ่นให้เลือกมากกว่านี้ ตอบโจทย์ลักษณะการใช้งานมากกว่านี้ ไปจนถึงรุ่นที่วิ่งได้ไกลต่อการชาร์จครั้งหนึ่งสัก 6-7 ร้อยกิโลเมตร ตัวเลขการจองจะออกมาแบบไหน น่าสนใจนะ
เกริ่นไว้ก่อนด้วยว่ายังมีอีกระลอกสำหรับกองทัพรถยนต์จากจีน เพราะ BOI กำลังหารือกับค่ายรถจีนอยู่อีกถึง 3 แบรนด์ ที่ให้ความสนใจเข้ามาลงหลักปักฐานเลือกไทยเป็นสายการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าได้แก่ JMC, Geely และ JAC
รวมไปถึงรถจีนเวอร์ชั่นผลิตไทยตามเงื่อนไขมาตรฐาน EV ก็ใกล้คลอดแล้วหลายรุ่นอย่าง ORA Good Cat เวอร์ชั่น Made in Thailand หรือจะเป็นรถจากค่าย Wuling ที่ไตรมาสแรกของปี 2024 ก็จะมีเวอร์ชั่นผลิตไทยด้วยเช่นกัน
2024 รถน้ำมัน กั๊กสเปค ขายแพงเกินจริง หนักแน่!
ค่ายรถญี่ปุ่นที่ยังมีแต่รถน้ำมันมาขาย ไม่มีรถไฟฟ้า ตัวราคาเริ่มต้นตัดโน่นนี่ อยากได้ออปชั่นครบๆ ต้องไปจ่ายซื้อตัวท็อปที่แพงกว่าเป็นแสน ควรจะหมดไปได้แล้ว ต้องขอบคุณการมาของรถจากค่ายจีนที่ทำให้ผู้บริโภค 'ตาสว่าง' ว่าหลายๆ ออปชั่นน่าใช้งานในรถ เราก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายแพงขนาดนั้นนิ เพราะในรถจีนหลายๆ รุ่นมีให้แทบจะเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน หนึ่งรุ่นที่ปรับตัวอย่างเห็นได้ชัดเลยสำหรับรถน้ำมันจากค่ายญี่ปุ่น คือการมาของ Toyota Yaris Cross ที่รายละเอียดเห็นแล้วว่า 'ให้มาเยอะ' กว่ารุ่นก่อนๆ มากในส่วนออปชั่นต่างๆ เทียบกับราคารถที่ตั้งมาสู้รถจากค่ายจีนเต็มที่
ค่ายญี่ปุ่นสู้กลับ ลงทุนด้านรถ EV เต็มกำลัง
ต้องยอมรับว่ากระแสรถยนต์ไฟฟ้าหรือรถ EV มาแรงจริงๆ จนหลายคนคาดไม่ถึง เช่นเดียวกับทางค่ายรถจากญี่ปุ่นที่เหมือนจะไม่เตรียมตัวอะไร และก็อ้างว่าประเทศไทยยังไม่พร้อมจะใช้รถ EV ให้ใช้รถ Hybrid ที่ตัวเองมี(ขาย) ในมือไปก่อนนะ ถึงตอนนี้คงอยากจะ Time Machine กลับไปรีบพัฒนารถ EV มาขายคนไทยแล้ว โอดครวญให้รัฐบาลดูแลบ้างกับผู้ผลิตรถยนต์สันดาป หลังจากผลักดันรถ EV จากจีนจนกระทบยอดขายตัวเอง
เพราะล่าสุดมีการประกาศการลงทุนด้านรถไฟฟ้าและไฮบริดเพิ่มเติมของรถจาก 4 ค่ายญี่ปุ่นในประเทศไทย รวมกว่า 1.5 แสนล้านบาท ภายใน 5 ปี เป็นการลงทุนด้านรถ EV แบตเตอรี่รถ EV และชิ้นส่วนอะไหล่ของรถ EV ภายในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ประกอบไปด้วย
- Toyota : เตรียมผลิตรถกระบะพลังงานทางเลือก ไฟฟ้า, Hybrid, Feul Cell
- Isuzu : เตรียมผลิตรถกระบะ EV เน้นเพื่อการส่งออก
- Honda : เตรียมผลิตรถ EV มาจำหน่าย (Honda e:N1 เริ่มผลิตไทยแล้ว)
- Mitsubishi : เตรียมผลิตรถยนต์ไฮบริด
ต้องรู้ว่าที่วางแผนไว้กับระยะเวลาจะเป็นจริงได้มากน้อยแค่ไหน แต่ที่เห็นเป็นจริงแล้วคือ นี่คือช่วงเวลาแห่งการ 'เปลี่ยนผ่าน' อย่างแท้จริง จากยุคสู่ยุค ยุครถน้ำมันสู่การเป็นรถยนต์ไฟฟ้า
ยุครถญี่ปุ่นอาจไม่ใช่คำตอบสุดท้ายในการซื้อรถของคนไทยเสมอไปแล้ว และยุคที่รถจีนไม่ใช่แค่เพียงคำว่า 'ของจีน' อีกต่อไปแล้ว ไม่ผิด ! หากคุณจะอนุรักษนิยมใช้รถน้ำมัน ไม่ผิดหากคุณยังจะเป็น 'บิ๊กแฟน' ค่ายรถแดนอนิเมะ และก็ไม่ผิดหากจะตัดสินใจเลือกรถ EV ก่อนคนอื่น เพราะเห็นความประหยัดที่ชัดเจนอยู่ตรงหน้า แต่อีกในด้านก็ต้องเคารพการตัดสินใจของผู้ใช้รถคนอื่นๆ ที่เขา 'เลือกแล้ว' ด้วยเช่นกัน ขิงกันรถฉันไฟฟ้า ฉันรถน้ำมัน ไม่สร้างประโยชน์อะไร
การเปลี่ยนผ่านสู่ยุครถไฟฟ้าจะเริ่มเห็นภาพชัดมากขึ้นในปี 2024 และจะไม่ใช่แค่คำว่า 'กระแส' อีกต่อไป ใครใคร่ซื้อรุ่นไหนเลือกได้ตามจริต มองให้รอบด้านและเอาตัวเองเป็นคำตอบมากกว่าแค่คำว่า 'เขาว่า..' อย่างนั้นอย่างนี้ ความสนุกยังมีให้ดูต่อในปีหน้า ปีหน้าน่ะของจริง ! ทีมมังกรจีนพลังมอเตอร์จะสร้างความต่อเนื่องในความน่าสนใจได้นานแค่ไหน หรือทีมรถแดนอาทิตย์อุทัยจะมีฮึดปล่อยพลังคลื่นเต่าสู้ ต้องติดตามกันปี 2024
อ้างอิง