ไม่ใช่แค่จีน ไม่ใช่ญี่ปุ่นหรือไม่ใช่อเมริกา ทว่านี่คือนิยามที่เริ่มต้นได้แล้วโดยคุณกับรถ EV จาก BMW รถไฟฟ้า 100% ในตระกูล 'i' สำหรับใครที่นอกจากต้องการความแตกต่าง แต่ต้องเหนือระดับไปอีกขั้น BMW ตระกูล i ที่เป็นรถไฟฟ้าล้วนอาจเป็นคำตอบได้สำหรับคุณ
คำเชิญจาก BMW จากที่ผู้เขียนได้มีโอกาสไปร่วมงาน Electrify Your Lifestyle : The Ultimate EV Experience With BMW & MINI ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 7 กันยายน ที่ผ่านมา ทาง BMW และ Mini ประเทศไทย ต้องการสื่อสารนวัตกรรมของรถยนต์ EV เพื่อเตรียมพร้อมก้าวเข้าสู่ยุคแห่งยนตรกรรมไฟฟ้า 100%
ภายในงานจะบอกเล่าถึงข้อมูลพื้นฐานของตัวรถรุ่นต่างๆ ของ BMW และ Mini ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า รวมถึงนวัตกรรมอันน่าอัศจรรย์ที่ทาง BMW และ Mini สร้างสรรค์ออกมาสู่รถภายในแบรนด์
อย่าเข้าใจผิดว่าเป็นการสัมมนาเชิงความรู้อันน่าเบื่อเกี่ยวกับรถไฟฟ้า และเทคโนโลยีใหม่ๆ เท่านั้น เพราะในช่วงบ่าย ทางค่ายยังมีการให้สื่อได้ทดลองขับรถของทั้ง BMW และ Mini ที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้าอีกด้วย ทริปเล็กๆ แต่จะได้ 'รู้สึก' ถึงมุมมองการใช้งาน รถไฟฟ้าของ BMW และ Mini
สื่อมากมายได้มาทดสอบรถในงานรวมทั้งทาง EQ เราก็ได้มีโอกาสไปทดลองขับกับเขาด้วย รถที่มีมาให้ทดลองกันจะเป็น BMW i4, i7, iX3, iX และ Mini Cooper SE ทาง EQ เราได้รถหมายเลข 3 เป็น BMW iX และเราจะมารีวิวความรู้สึกในการขับขี่ทริปสั้นๆ ในเมืองนี้ให้กับคุณกัน มีอะไรพีกๆ อยากจะเล่า เยอะเลยแหละ
พีกที่ 1 เรียนรู้รถใน 5 นาที
ยอมรับอย่างบริสุทธิ์ใจว่าผู้เขียนไม่ได้ไปถึงสถานที่จัดงานตั้งแต่เริ่ม แต่จะเป็นทีมงานอีกคนเข้าไปฟังบรรยายแทน ตอนที่ไปถึงจะเป็นช่วงที่เขาเริ่มส่งมอบรถแต่ละคันให้สื่อแล้ว อย่างที่บอกไปว่า EQ ได้รถหมายเลข 3 ในการทดสอบขับขี่ครั้งนี้ เป็น BMW iX xDrive40 Sport รถในแบบ SUV ขนาดใหญ่ ถ้าใครนึกไม่ออกว่าใหญ่แค่ไหน ให้ลองนึกภาพ BMW Series 5 ยกสูง ใส่ล้อขนาด 22 นิ้ว นั่นแหละคือ BMW iX
“ความที่เป็นรถตระกูล BMW-i ไฟฟ้าล้วน กลิ่นอาย 'ความล้ำ' ของดีไซน์รู้สึกได้มาแต่ไกล กระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่กว่าที่เคยชินอยู่ระหว่างไฟ Laser Lights บางๆ จะว่าสวยก็ไม่ถึงกับว้าว! จะว่าขี้เหร่แต่ก็ไม่น่าเกลียด คงต้องแล้วแต่จริตความชอบส่วนบุคคล”
มองมาที่ด้านข้าง จุดเด่นอีกส่วนคือมือจับประตูที่เรียบไปกับตัวรถ เป็นแบบสอดมือเข้าไปกดปุ่มในร่องเปิด ฉีกดีไซน์ความนิยมเดิมๆ ที่คุณอาจเคยเห็นในรถ EV รุ่นอื่น ส่วนดีไซน์ด้านหลังมากับไฟท้ายขนาดใหญ่กับไฟท้ายบางๆ เป็นเส้นวิ่งแบบ LED ที่เก๊ไม่เหมือนใคร
ความตื่นตาที่ได้เห็นตัวจริงใกล้ๆ อย่างเป็นทางการและได้เข้าไปนั่ง แต่ทำให้ลืมตัวเองไปชั่วขณะหนึ่งและเตือนตัวเองกลับมาได้ว่า 'ฉันยังไม่รู้จักอะไรกับรถคันนี้เลย' แล้วจะขับได้ยังไง ? อาจจะเคยจับ เคยขับ รถไฟฟ้ามาบ้าง รถ SUV มาบ้าง แต่นี่คือ รถ SUV ไฟฟ้าคันใหญ่ที่ต้องขับผ่านรถติดและถนนเลนแคบที่สุดเริ่มต้นที่ราชประสงค์ เราจะเริ่มต้นกับมันยังไงดี
ทำใจดีสู้เสือ ดีที่ทีมงาน BMW เข้ามาแนะนำการขับขี่เบื้องต้น แค่ไม่ถึง 5 นาที กด Start เปลี่ยนเกียร์ ล้อหมุน ปล่อยไหลเหยียบคันเร่งช่วยบ้าง เอ๊ย! มันก็ขับไม่ยากหนิ แล้วการเริ่มต้นทดสอบของเราก็เริ่มขึ้น
พีกที่ 2 ภายในสุดหรูหราแต่เหมือนมาจากอนาคต
นั่งขับอยู่บนรถได้สักพัก สังเกตจุดต่างๆ ภายในห้องโดยสาร ความรู้สึกถึงความล้ำอนาคตผสมกับความหรูหราในแบบฉบับ BMW คือสิ่งที่ถูกใส่มาแบบ 'เต็มกราฟ' ให้กับรถคันนี้และทุกคันที่เป็น BMW-i ไม่ผิด… หากคุณจะรู้สึกสงสัยว่ารถคันนี้เป็น Pototype หรือขายจริง Production Car กันแน่ เพราะมันทำออกมาช่างดูล้ำสมกับความเป็นรถตระกูลไฟฟ้าเสียจริงๆ
ความหรูหราจากชิ้นส่วนต่างๆ ที่ผู้ขับขี่ หรือผู้สารต้องสัมผัสโดยตรง คือเครื่องยืนยันอีกเสียงว่า รถคันนี้ยังไม่ทิ้งในเรื่องความหรูหราในแบบฉบับ BMW หรือจะมากกว่ารุ่นทั่วไปของค่ายเสียด้วยซ้ำ
“ที่ปรับเบาะ เกียร์ ปุ่มปรับ iDrive และปรับเพิ่มลดเสียง เป็นพลาสติกเคลือบเอฟเฟกต์กระจกทำให้เหมือนแก้วคริสตัลใส แผงคอนโซลกลางเป็นไม้ซ่อนปุ่มควบคุมไว้หลายฟีเจอร์ เป็นอีกไฮไลต์ที่ทำให้รถคันนี้ดูแตกต่าง”
คอนโซลหน้าและแผงประตูด้านข้างบุนุ่มหนา หน้าจอโค้งขนาดใหญ่ไล่ตั้งแต่กลางจรดฝั่งคนขับ BMW Curved Display มาพร้อม Head-Up Display ที่กระจกบังลม เงยหน้าขึ้นมองหลังคา จะพบกับ หลังคากระจก Panorama Sky Lounge ปรับความสว่างได้ด้วยไฟฟ้า สุนทรียะได้เพิ่มขึ้นกับระบบเสียงจาก Harman Kardon กับระบบเสียงมาแบบ 4D มันดูเป็นการผสมผสานอย่างเข้ากันระหว่างวัสดุที่เป็น โลหะ, หนัง, ไม้ และแก้วใส
ขับบนถนนรถเยอะๆ คุณอาจจะยังรู้สึกว่ารถคันนี้ไม่ต่างกับรถ EV ทั่วไปสักเท่าไร แต่ระบบช่วยขับขี่มีมาให้เยอะทั้งเพื่อความปลอดภัยและความสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยเตือนขณะเปลี่ยนเลน เตือนขับออกนอกเลน กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง เตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ ฯลฯ
อัดแน่นมาด้วยเซนเซอร์ และกล้องเต็มคัน กล้องรอบคัน 5 ตัว เรดาร์เซนเซอร์อีก 5 ตัว พร้อมกับอัลตร้าโซนิกเซนเซอร์อีก 12 ตัวในการตรวจจับสภาพแวดล้อมรอบคันรถ ด้วยความที่เยอะทั้งกล้องทั้งเซนเซอร์ การขับขี่ในเมืองอาจจะทำให้คุณมีรำคาญในการเตือนของมันบ้าง แต่มันก็คือนิยามความปลอดภัยในการขับขี่ที่รถหลายๆ คันยุคนี้ 'ควรจะมี' ไว้ก่อน จะใช้หรือไม่ใช้ค่อยว่ากันอีกที
พีกที่ 3 เผลอเหยียบเป็นพุ่ง!
ด้วยขนาดตัวรถ กับน้ำหนักสุทธิที่ทางค่ายเคลมมาคือ 2,440 กิโลกรัม เกือบ 2 ตันครึ่ง! บวกกับต้องแบกแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน (Lithium-ion) ความจุ 76.6 kWh ไว้กับรถ ความคาดหวังในเรื่องความแรงจากเจ้ารถคันนี้เลยไม่ได้เป็นจุดประสงค์หลักสักเท่าไร แต่พอเจอถนนโล่งๆ สัก 200-300 เมตร แล้วลองกดคันเร่งสุด ผู้เขียนกลับต้อง 'ใจหาย' จากแรงกระชาก! อัตราเร่งดีจริงๆ 'ดีจนต้องระวัง' ไม่ให้เผลอเหยียบคันเร่งแรงเกินไป จะแซงคันไหนออกขวาผ่านได้แบบไม่ต้องลุ้น
เมื่อกลับมาดูสเปคอีกครั้งจึงเข้าใจ เพราะทางค่ายเคลมสเปคอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 6.1 วินาที มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว 326 แรงม้า แรงบิด 630 Nm ความเร็วสูงสุดทำได้ 200 Km/h จากสเปคจะไม่พุ่งได้ยังไง เสียดายที่ไม่ได้เจอเส้นทางยาวๆ เพื่อวัดความเร็วสูงสุดว่าไปได้ถึงตามที่เคลมไว้หรือไม่ แต่ที่แน่ๆ คิดจะแซงใคร BMW iX xDrive40 Sport คันใหญ่ๆ คันนี้แค่แตะคันเร่งนิดเดียวก็ฉีกหลุดได้ไม่ยากเลย
ทดลองขับไป-กลับในระยะทางเพียงไม่กี่สิบกิโลเมตร กับเจ้า BMW iX xDrive40 Sport ประหนึ่งขับใช้งานจริงในกรุงเทพแตะปริมณฑล สิ่งที่ได้รับคือห้องโดยสารที่ยอดเยี่ยม วัสดุตกแต่งชั้นดีที่มาพร้อมกับลูกเล่นไม่รู้จบ ฟีเจอร์ลับมากมายที่รับรองว่าหากใครซื้อไปใช้ ต้องใช้เวลาเรียนรู้กับรถคันนี้พอสมควร ยิ่งมากับความโอ่อ่าของห้องโดยสาร ไม่ผิดเลยหากคุณจะรู้สึกว่ากำลังอยู่ในค็อกเทลเลาจน์ที่ไหนสักแห่ง
“มันไม่ใช่ความมินิมอลที่รถ EV สมัยนิยมพยายามตามหา ไม่ใช่ความหรูหราเกินเลยจนไม่กล้าจะแตะต้องแบบรถ Luxury และไม่ได้ดูล้ำอนาคตจนเว่อเหมือนหลุดมาจากหนังไซไฟ BMW iX xDrive40 Sport คือความกลมกล่อมที่เหมาะสมกับมูลค่า 5.29 ล้านบาท”
G.O.A.T. Greatest Of All Time ในนิยามของรถไฟฟ้าคงไม่เว่อเกินจริงสำหรับรถคันนี้ และคุณอาจสัมผัส 'ความพีก' กับรถคันนี้แตกต่างจากผู้เขียนไปได้อีกหลายมิติ แต่จะเป็นในบริบทไหน ไม่มีวันรู้เลยหากไม่มาลองขับด้วยตัวคุณเอง