ในช่วงเวลาที่ผู้คนส่วนใหญ่ยังคงใช้รถม้าในการเดินทางสัญจรบนท้องถิ่น การติดต่อสื่อสาร และการเผยแพร่ข้อมูลต่างๆ ยังไม่ได้รวดเร็วฉับไว แถมเทคโนโลยีของรถมอเตอร์ไซค์ก็ยังห่างไกลจากปัจจุบันมาก การขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ ‘รอบโลก’ ดูเป็นความทะเยอทะยานที่สุดพิเศษเรื่องหนึ่งของคนเราก็ว่าได้ ซึ่งเรื่องราวการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์รอบโลกได้เกิดในปี ค.ศ. 1921 หรือเมื่อ 102 ปีที่แล้ว
มนุษย์คนแรกของโลกที่ได้รับการบันทึกอย่างเป็นทางการ กับสถิติการขี่รถมอเตอร์ไซค์รอบโลกสำเร็จ เขาคือ ชายชาวอเมริกันที่มีชื่อว่า ‘Carl Stearns Clancy’ (คาร์ล สเติร์นส์ แคลนซี) และรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจอย่างทาง ‘1912 Henderson Four’ ด้วยระยะทางการขับขี่มากกว่า 29,000 กิโลเมตร โดยสิ่งที่นับว่าเป็นความกล้าความบ้าของเขาอาจเกิดจากที่เขามีอายุเพียง 22 ปี พลังงานความทะเยอทะยาน ความฝันล้วนมีเต็มเปี่ยม
สำหรับ 1912 Henderson เป็นรุ่นรถมอเตอร์ไซค์ที่อยู่ภายใต้แบรนด์ Henderson Motorcycle Company จากเมืองดีทรอยต์ สหรัฐอเมริกา ซึ่งบริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 1911 แต่ได้รับการยอมรับถึงประสิทธิภาพ และคุณภาพของตัวรถมอเตอร์ไซค์ ทำให้แบรนด์ได้รับชื่อเสียงอย่างรวดเร็วในกลุ่มคนที่ใช้ในการแข่งขันความเร็ว หรือการขับขี่ทางไกล
ว่ากันว่ารถมอเตอร์ไซค์ 1912 Henderso เป็นรถที่เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย มันเป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของงานวิศวกรรมรถมอเตอร์ไซค์อเมริกันในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ซึ่งทางบริษัทได้ผสมผสานระหว่างความสง่างามในการออกแบบ ตลอดจนเทคโนโลยีที่ยอดเยี่ยมไว้ได้อย่างลงตัว โดยเริ่มจากการใช้เครื่องยนต์แบบสี่สูบเรียงขนาด 934 ซีซี. ทำกำลังแรงม้าสูงสุดได้ที่ 7 ตัว และทำความเร็วสูงสุดได้อยู่ประมาณ 96 กม./ชม. เรียกได้ว่า ถ้าคุยสมรรถนะของเครื่องยนต์ในเวลานั้น ก็ไม่เป็นสองรองใครในท้องตลาดอย่างแน่นอน
Henderson Motorcycle Company ได้จัดวางเครื่องยนต์ให้อยู่ตามแนวยาวของเฟรมรถ ซึ่งมีข้อดีในเรื่องของการความสมดุลการกระจายน้ำหนักที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมการขับขี่ให้ราบรื่น และมั่นคง นอกจากนี้รถมอเตอร์ไซค์ 1912 Henderson ก็ยังมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ ระยะฐานล้อที่กว้าง โดยปัจจัยเหล่านี้ทำให้รถมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้เหมาะสมที่จะใช้เดินทางไกลเป็นอย่างดี จนสุดท้าย Carl Stearns Clancy ได้เลือกใช้ขับขี่สร้างสถิติโลกจนกลายเป็นตำนานถึงปัจจุบัน
แม้จะบอกว่า 1912 Henderso เป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่ล้ำสมัยในยุคนั้น แต่ถ้ามองถึงภาพรวมจริงๆ ในการขับขี่เดินทางไกลระดับนี้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากท้าทายพอสมควร เพราะถนนหนทางในช่วงเวลานั้นไม่ใช่ถนนลาดยางทางเรียบอย่างแน่นอน และยิ่งเส้นทางที่ห่างไกลจากตัวเมืองออกไปไกลมากเท่าไร เชื่อได้ว่ายิ่งมีความท้าทายมากเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เช่นเดียวกับป้ายบอกเส้นทางการขับขี่ ไฟแสงสว่างตามเส้นทาง ตลอดจนเรื่องของสถานีปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง ก็ดูเป็นสิ่งที่ยากท้าทายผู้ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์
การที่จะขับรถมอเตอร์ไซค์เดินทางทั่วโลกดูเป็นสิ่งที่ดูท้าทายมนุษย์คนหนึ่งอย่างมาก ซึ่งไม่ใช่แค่รถมอเตอร์ไซค์จะต้องยอดเยี่ยมพอที่จะช่วยให้ความฝันนี้สำเร็จเท่านั้น เรื่องของสภาพร่างกาย และจิตใจที่ดีเยี่ยมของผู้ขับขี่ ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากที่อาจจะต้องเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของเงินทุนที่ใช้ในการเดินทาง พูดได้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องแบบตรงๆ
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของความฝันแรงบันดาลใจอีกด้วย โดยตัวของ Carl Stearns Clancy ก็ได้รับแรงบันดาลใจในการเดินทางรอบโลกมาจากนักเดินทางคนก่อนๆ ซึ่งคนที่สร้างอิทธิพลต่อเข้าได้มากสุดเป็นนักปั่นจักรยานชาวอังกฤษที่สามารถทำสำเร็จได้ในปี 1884 ทั้งนี้ดูเหมือนว่า การใช้จักรยานเดินทางรอบโลกในตอนนั้น อาจยังดูง่ายกว่าการใช้รถมอเตอร์ไซค์เดินทางเลยทีเดียว เพราะจักรยานเน้นใช้กำลังของผู้ขับขี่เพียงเท่านั้น ไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำมันเชื้อเพลิง หรือการซ่อมบำรุงที่เฉพาะทางกว่า
อย่างไรก็ตาม ตัวของ Carl Stearns Clancy ก็ไม่ได้โดดเดี่ยวในการเดินทางแต่อย่างใด เรียกได้ว่า เขาก็มีคู่หูที่ร่วมเดินทางไปด้วย ซึ่งพวกเขาได้พกพานำเอาเครื่องพิมพ์ดีด กล้องถ่ายภาพ กล้องถ่ายภาพยนตร์ และเต็นท์กระโจมไว้นอนติดตัวไปในการเดินทางครั้งนี้ โดยเส้นทางที่เขาเลือกเริ่มต้นในประเทศไอร์แลนด์ ไปสู่อังกฤษ และฝรั่งเศส ก่อนที่จะข้ามเทือกเขาแอลป์เข้าสู่อิตาลี และเข้าสู่อียิปต์
หลังจากเข้าสู่อียิปต์ก็นั่งเรือเข้าสู่อินเดีย แล้วก็ขับรถต่อเรื่อยมาจนเข้าเมียนมาร์ ไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ตามลำดับ หลังจากนั้นก็นั่งเรือไปสู่ทวีปออสเตรเลีย เขาเดินทางผ่านควีนส์แลนด์ นิวเซาท์เวลส์ วิกตอเรีย และออสเตรเลียใต้ ก่อนที่วนกลับมาที่เอเชียอีกครั้งหนึ่งที่ญี่ปุ่น ก่อนที่จะออกเดินทางไปสหรัฐอเมริกาเหนือ ขับรถมอเตอร์ไซค์ผ่านรัฐต่างๆ และมาจบท้ายการเดินทางครั้งนี้ที่ไอร์แลนด์ ซึ่งถือว่าเป็นจุดสิ้นสุดในการเดินทางรอบโลกด้วยรถมอเตอร์ไซค์
เรื่องราวทุกอย่างที่ได้เขียนออกมาเป็นตัวหนังสือมันช่างดูเหมือนง่ายดาย แต่จริงๆ ไม่ใช่อย่างแน่นอน เพราะการเดินทางรอบโลกในบริบทเมื่อ 100 ปีที่แล้ว ถือว่าเป็นอะไรที่พิเศษมากๆ มันไม่ใช่ทุกคนจะสามารถทำได้ ซึ่งตัวของ Carl Stearns Clancy ได้ใช้ระยะเวลาเดินทางไปทั้งหมดถึง 18 เดือน ซึ่งเขาได้เตรียมการวางแผนล่วงหน้ามาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการจัดสรรเวลาในการพักผ่อน การท่องเที่ยวในที่ต่างๆ ตลอดจนถึงการซ่อมแซมรถมอเตอร์ไซค์นั่นเอง
แม้เรื่องนี้จะผ่านมาเป็น 100 ปีแล้วก็ตาม แต่การเดินทางรอบโลกด้วยรถมอเตอร์ไซค์ก็ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความท้าทายแบบสุดๆ ซึ่งปัจจุบันคนที่อยากจะเดินทางขับขี่รอบโลกอาจไม่ต้องกังวลในหลายๆ เรื่องเหมือนในอดีตแล้วก็ว่าได้ อย่างเช่นปัจจุบันรถมอเตอร์ไซค์ก็มีสมรรถนะที่สูงกว่าในอดีต มีเทคโนโลยีช่วยเหลือการขับขี่มากมาย เช่นเดียวกับเส้นทางแผนที่ในปัจจุบันก็สามารถทำได้ง่ายกว่าอย่างมาก ตลอดจนเรื่องการติดต่อสื่อสารก็สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งทุกอย่างดูเหมือนเป็นเรื่องที่ง่ายหมดแล้ว แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครจะสามารถทำได้อยู่ดีนั่นล่ะ
สุดท้ายนี้หากการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์รอบโลกมันยังดูเป็นโจทย์ที่ยากเกินไปสำคัญคุณในเวลานี้ การเริ่มต้นขับขี่รอบประเทศไทยก่อนก็ดูเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเช่นกัน ตลอดจนการเลือกเส้นทางขับขี่ที่เป็นทริปยอดนิยมตามเส้นทางต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งไม่ว่าจะเส้นทางไหนจะใกล้จะไกล การขับขี่รถมอเตอร์ไซค์จะมอบประสบการณ์สุดพิเศษให้อย่างแน่นอน การค้นพบสถานที่ใหม่ๆ เส้นทางใหม่ๆ ตลอดจนทิวทัศน์อันน่าทึ่ง การได้ปฏิสัมพันธ์ผู้คนแปลกหน้าที่ต่างภาษา ต่างวัฒนธรรม สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมที่รอให้คุณไปสัมผัสอย่างแน่นอน
อ้างอิง