Auto

รถ EV คุ้มกว่าไหม? มองหลากมุมว่าด้วยเรื่องค่าบำรุงรักษารถยนต์ไฟฟ้า ที่อาจทำคุณประหลาดใจ

ด้วยราคาน้ำมันที่พุ่งพรวดแบบฉุดไม่อยู่ ประจวบเหมาะกับการมาถึงของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (Electric vehicle) ที่ทางภาครัฐเข้ามาอุ้มด้วยกระแสเงินอุดหนุนจำนวนมหาศาล ทั้งแจกเงิน (ให้ผู้ประกอบการที่ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า) และลดภาษีในด้านต่างๆ ช่วยอีกแรง ส่งผลให้รถที่จะกลายมาเป็นนวัตกรรมที่ใช้กันทั่วไปในอนาคตอย่าง ‘รถ EV’ เข้ามาใกล้มากขึ้นแล้วสำหรับถนนของบ้านเรา

แน่นอนว่าต้องมีเสียงที่มองแย้ง ว่าบ้านเรายังไม่พร้อมสำหรับนวัตกรรมนี้ ไหนจะเรื่องจำนวนสถานีชาร์จที่ยังมีเพียงแค่ ‘บางจุด’ ตามหัวเมือง เดินทางไปไหนก็ต้องมีแผน จะทัวร์แบบปุบปับก็ต้องมีลุ้น หรือในแง่ของค่าบำรุงรักษาที่เป็นเรื่องใหม่ สำหรับทั้งผู้ใช้งานและฝั่งซ่อมบำรุง 

มีคำคมภาษาอังกฤษที่คิดว่าน่าจะเหมาะกับสถานการณ์ในตอนนี้ “การเดินทางนับพันไมล์มีจุดเริ่มจากก้าวแรกก้าวเดียวเสมอ” (The journey of a thousand miles begins with one step) ที่นับว่าเป็นก้าวแรกและก้าวที่สำคัญสู่ยุคใหม่ของยานพาหนะที่จะข้ามผ่านการใช้พลังงานจากฟอสซิล เริ่มจากคนใช้รถเพิ่มขึ้น มีจุดชาร์จมากขึ้นเป็นเงา หรือรถใครเก่าต้องซ่อมหมดประกันศูนย์ เราต่างรู้กันดีว่าช่างไทยเก่งไม่แพ้ชาติใดในโลกอยู่แล้ว อีกไม่นานความสามารถในการซ่อมรถยนต์ไฟฟ้าก็น่าจะไม่ไกลเกินฝีมือช่างไทย 

ทุกอย่างจะค่อยๆ เปลี่ยนสู่ “โลกใหม่”
ปฐมบทของยานพาหนะที่ปล่อยมลภาวะเป็นศูนย์จะเพิ่มขึ้น จุดชาร์จอาจจจะมากถึงขนาดที่ มีอยู่ในทุกร้านสะดวกซื้อใกล้ตัวคุณ ส่วนเรื่องของการซ่อมบำรุงหลังรถ ในอนาคตอันใกล้จะต้องมีอู่นอกที่ซ่อมรถเหล่านี้ได้ผุดขึ้นตามจำนวนรถ EV ที่แล่นบนท้องถนนอย่างแน่นอน

เมื่อพูดถึงเรื่องการซ่อมบำรุงที่เป็นเหมือนก้างที่ขวางคอให้ทุกคนหยุดรอชะงักงัน หวั่นถึงเรื่องค่าใช้จ่ายที่ซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลังของการเคลมว่าไม่ต้องจ่ายค่าน้ำมันอีกต่อไป ในวันนี้ EQ จะพาคุณไปหาคำตอบเกี่ยวกับรถ EV พร้อมกัน ในมุมของค่าบำรุงรักษาในการใช้งานของรถไฟฟ้า ว่าต่างจากรถสันดาปมากน้อยเพียงใด แพงกว่าด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือถูกกว่าเพราะคำว่าเครื่องยนต์นั้นถูกถอดทิ้งไปสิ้นแล้ว

รถ EV มีค่าบำรุงรักษาถูกกว่า?

ในเมื่อไม่มีเครื่องยนต์แล้ว เราจะต้องดูแลส่วนไหนของรถ EV บ้าง? จริงๆ แล้วรถยนต์ไฟฟ้านั้นยังคงมีสิ่งพื้นฐานในการขับขี่ที่พวกเราคุ้นชินอยู่ อาทิ ยางรถยนต์ เบรก ช่วงล่าง แอร์ ฯลฯ ทุกอย่างยังอยู่ครบเหมือนรถใช้น้ำมัน แต่ที่ต่างออกไปก็คือเรื่องระบบหล่อลื่น ทั้งในเครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง (เกียร์) ที่มักจะพ่วงมากับค่าใช้จ่ายให้กับเจ้าของรถทุกๆ 10,000-50,000 กิโลเมตร จะไม่มีอีกต่อไป 

ในเมื่อไม่มีเครื่องยนต์ เราจึงไม่ต้องกังวลในส่วนของน้ำมันเครื่อง ระบบส่งกำลังเป็นเพียงการควบคุมการหมุนของมอเตอร์ไฟฟ้า ไม่ได้มีชิ้นส่วนซับซ้อนให้ต้องดูแลเหมือนรถที่ใช้เครื่องยนต์ซึ่งมีระบบเกียร์ซับซ้อนและจุกจิก สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า เพียงคุณเหยียบคันเร่ง กระแสไฟฟ้าก็จะถูกส่งจากแบตเตอรี่ไปยังมอเตอร์ทำให้ล้อหมุน 

นั่นหมายความว่าชิ้นส่วนหลักๆ ที่มีผลต่อค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงรถของคุณจะหายไปแล้ว 2 อย่าง นั่นก็คือ เครื่องยนต์และระบบเกียร์

ไม่ใช่แค่เรื่องระบบหล่อลื่นในเครื่องยนต์หรือเกียร์ที่คุณจะตัดไปได้ เพราะอย่าลืมว่าทั้งเครื่องยนต์ยังมีระบบและชิ้นส่วนยิบย่อยที่พร้อมจะเสียหายจากการใช้งาน จนกลายเป็นค่าใช้จ่ายให้กับเจ้าของรถได้อยู่เสมอ ตั้งแต่ระบบไอดี-ไอเสีย ระบบจุดระเบิด ระบบหล่อเย็น หรือจะเป็นตัวเซนเซอร์ ระบบสายไฟ วาล์วเปิดปิดระบบต่างๆ ที่จะกลายเป็นความจุกจิกได้ทันทีเมื่อรถเริ่มผ่านการใช้งานแตะเข้า 100,000 กิโลเมตร

“แต่กับรถ EV คุณจะไม่ต้องกังวลกับปัญหาพวกนี้เลย”

ถึงไม่มีเครื่องยนต์ แต่มี EV มอเตอร์และแบตฯ ที่ต้องดูแล

อย่าพึ่งชะล่าใจแล้วด่วนสรุปว่ารถ EV ประหยัดกว่าในเรื่องของค่าบำรุงรักษา เพราะถึงแม้ว่าจะไม่มีเครื่องยนต์ เราก็ต้องดูแลสิ่งที่เข้ามาแทนที่ด้วยเช่นกัน ซึ่งก็คือ ‘ตัวมอเตอร์’ และ ‘แบตเตอรี่’ – ส่วนสำคัญหลักที่เข้ามาทดแทนเครื่องยนต์

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของผู้ผลิตรถไฟฟ้าแบรนด์จีนที่กำลังทำตลาดทั้ง 2 ค่าย “MG” และ “GWM” ผ่านรุ่นที่ขายดีมาแรงตามกระแสโปรส่วนลดที่ภาครัฐช่วยจ่ายให้กับรถไฟฟ้า “MG EP” และ “ORA Good Cat” พบว่าในช่วงการรับประกันของทางศูนย์ ทั้ง 2 ค่ายให้การรับประกันแบตเตอรี่มาเท่ากัน ซึ่งก็คือ 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร ในส่วนของการบำรุงรักษาเช็คระยะทั้ง 2 ค่ายก็ให้การดูแลถึงครั้งที่ 10 ระยะทางการใช้รถราว 100,000-150,000 กิโลเมตร ซึ่งทั้ง 2 รุ่นไม่มีค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงส่วนของมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่เลยสักบาท 

แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายอื่นๆ ก็ยังมีอยู่ เช่น ไส้กรองแอร์ น้ำมันเบรก ผ้าเบรก ระบบหล่อเย็นให้กับมอเตอร์ ถ้าเป็น “Ora Good Cat” ที่มีระบบเกียร์ ก็จะต้องมีการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ด้วยทุก 60,000 กิโลเมตร ถึงอย่างนั้น ค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงก็ยังไม่เหนื่อยกระเป๋าเหมือนรถที่ใช้เครื่องยนต์อยู่ดี

เห็นความคุ้มค่าทันที EV คือคำตอบ

เมื่อมองจากหลากมุม ดูเหมือนว่าของใหม่ (สำหรับคนไทย) ที่ใช้นวัตกรรมให้ยานพาหนะเป็นเหมือนสมาร์ทโฟน หากจะใช้งานก็แค่เสียบชาร์จแบตฯ หมดยุคทำลายมลพิษ เปลี่ยนมลภาวะเป็น ‘zero emission’ แถมยังเด่นในเรื่องของค่าใช้จ่ายแฝงยามเมื่อซื้อไปใช้งาน  

แต่ใช่ว่าเราจะต้องตามกระแสและซื้อรถ EV มาใช้ทันที แล้วขายรถที่มีแบบ ‘ยอมขาดทุน’ โดยไม่จำเป็น อย่าลืมถามหาจุดคุ้มทุนของรถที่คุณใช้อยู่ ว่าถึงเวลาแล้วหรือยังหากคิดจะเปลี่ยนรถ

อีกทั้งข้อมูลจากการใช้งานจริงของรถประเภทนี้ยังมีน้อยมากในประเทศไทย จะให้อิงข้อมูลอายุ 10-20 ปีเพื่อหาความคุ้มค่าที่แท้จริงก็คงเป็นไปไม่ได้ ไหนจะเรื่องค่าเสื่อมราคาของตัวรถ หากรถไฟฟ้าใช้ไป 15 ปี มูลค่ารถเมื่อขายต่อจะเหลือเท่าไหร่ จะตกฮวบเหลือเท่าไหร่ จุดนี้คงต้องรอดูกันต่อไปในตลาดรถมือสอง แต่ถ้ามองในแง่ของการใช้งาน ตัดเรื่องค่าน้ำมันแล้วแลกด้วยค่าไฟที่จ่ายเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แบตเตอรี่ที่ทางบริษัทรับประกันให้ใช้ได้ยาวๆ และค่าบำรุงรักษาซึ่งประหยัดกว่ารถใช้น้ำมันอย่างเห็นได้ชัด รถ EV จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ไม่ควรมองข้ามเลย

ติดตามและอัปเดตเรื่องราวใหม่ๆ กับพวกเราได้ที่ Exotic Quixotic

อ้างอิง

Webasto

กรุงเทพธุรกิจ

AutoFun