หนึ่งในปัญหาของคนทำรถ แต่งรถ ซึ่งมีองค์ประกอบในเรื่องของความสูงตัวรถเป็นบทบาท “อยากให้เฟี้ยวต้องเตี้ยหน่อย” เพราะต่อให้ของแต่งเต็มลำขนาดไหน ออฟชั่นเต็มสั่งนอกมาเต็มคันเท่าไร แต่ถ้าความสูงของรถยังอยู่ในระดับเดิมๆ จากโรงงาน ตัวรถมันก็ยังดู “ขัดตา” ได้อยู่ดี
ทว่าหากจะ “โหลดเตี้ย” ให้รถมีทรงสักหน่อย ความย้อนแย้งจากออฟชั่นที่ใส่ไปให้กับรถก็เกิดขึ้น เพราะมันดันไปจำกัดสมรรถนะรถในการใช้งาน ยิ่งกับถนนเมืองไทยซึ่งเราๆ ต่างรู้กันดีว่า หากอยากวิ่งถนนดีๆ เรียบๆ ต้องจ่ายขึ้นทางด่วน ทำให้รถใช้วนขับเล่นแค่แถวบ้านกับมีตติ้งในเส้นทางที่คุ้นเคยว่ารถวิ่งไปได้ไม่เสียหาย หากจะใช้จริงขึ้นเหนือล่องใต้อาจต้องมีรถเดิมๆ ไว้ใช้ขับอีกสักคัน
ออฟชั่นการแต่งที่ช่วยแก้ปัญหานี้ได้อย่างตรงจุด กับช่วงล่างระบบถุงลมที่จะทำให้รถของคุณ “ยืดได้หดได้” ที่ส่วนโช๊คอัพ ตอนจอดกดปุ่มให้เตี้ยเลียพื้นได้เลย ส่วนตอนวิ่งใช้งานก็ยกสูงได้เต็มที่ตามต้องการ
มาทำความรู้จักช่วงล่างถุงลม พร้อมคุยกับหลี - ตรีโรจน์ วิวัฒน์ศรีกุล แห่งร้าน Hop-Up Airsus ร้านทำระบบช่วงล่างถุงลมที่เกิดขึ้นจากปัญหาในการใช้งานถุงลมของรถตัวเอง สู่การแก้ไขและพัฒนาจนทำให้ระบบถุงลมใช้งานได้จริงตามไลฟ์สไตล์ การทำงานของมันเป็นอย่างไร สายแต่งซิ่งต้องรู้ สายแต่งสวยต้องมี ตามไปดูกันเลย
จุดเริ่มต้นของ Hop-Up Airsus
ย้อนกลับไปราว 10 ปีกว่าปี แนวการแต่งรถสไตล์ V.I.P. ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ชุดพาร์ทอลังการ ล้อออฟลึกๆ กับความเตี้ยระดับมดเดินผ่าน คือนิยามสั้นๆ ที่เข้าใจได้ง่ายที่สุด และหนึ่งคนที่แต่งรถในสไตล์นี้ระดับลงแมกกาซีนนับไม่ถ้วนก็คือคุณหลี คนนี้ด้วย
“เริ่มแต่งแนว V.I.P. ก่อน แนวนี้รถต้องการความเตี้ยเยอะๆ ชุดแต่งใหญ่ๆ ขับไปไหนมันก็ลำบากหากเป็นชุดโหลดเตี้ยแบบสตรัทปรับเกลียวธรรมดา เลยหันมามองระบบที่มันยกได้ ยุคนั้นมีระบบไฮดรอลิกกับถุงลม แรกๆ มีร้านเพื่อนในกลุ่มที่ทำกัน ต่อมาก็ทำเองกับพี่หนุ่ม แห่งร้าน Royal Garage”
“ปัญหาตอนนั้นที่เจอคือร้านที่ทำให้ไม่ตอบโจทย์ เลยมาทำเองกับพี่หนุ่ม แก้ปัญหาต่างๆ ในการใช้งาน พอทำรถเราจบตอนแรกยังไม่คิดจะทำเป็นธุรกิจอะไร แต่พอมีคนมาเห็นก็อยากให้เราทำรถให้ ลูกค้าเห็นว่าเราทำได้ก็อยากให้ทำรถตัวเองบ้าง หลังจากนั้นก็รับงานมาเรื่อยๆ จนตอนนี้ก็เข้าสู่ปีที่ 10 แล้ว”
“งานไฮดรอลิคกับถุงลมมันใกล้เคียงกัน
คือระบบพื้นฐานทำให้โช๊คมันยืดหดได้เหมือนกัน”
ความต่างของช่วงล่างถุงลมกับแบบเดิมในรถทั่วไป
บางคนยังไม่เข้าใจในการปรับแต่งที่ส่วนนี้ว่าจำเป็นแค่ไหน แต่สำหรับคนที่ใช้รถแต่ง จะแต่งซิ่งหรือแต่งเตี้ยจะรู้ดีว่า ปัญหาหลักๆ เลยคือพื้นถนนของบ้านเราไม่ค่อยเอื้อกับรถซิ่งสักเท่าไร หลุม บ่อ ถนนขรุขระ การทำถนนไม่จบไม่สิ้น ฯลฯ ล้วนเป็นศัตรูต่อใจของคุณรักรถที่เลี่ยงไม่ได้ นำไปสู่ข้อจำกัดในการใช้งาน
“ระบบช่วงล่างของรถทั่วไปจะเป็นโช๊คอัพกับสปริงที่จัดการกับระดับความสูงตัวรถ ถ้าเราอยากให้สูงขึ้นในบางสถานการณ์ก็จำกัด ถุงลมมาทำหน้าที่แทนสปริงในรถนี่แหละ ถอดสปริงออกไปเอาถุงลมเข้ามาใส่แทนเพื่อให้รถสามารถยกขึ้นหรือปรับลงได้ ส่วนตัวโช๊คอัพก็ต้องมาปรับเพิ่มให้เข้ากับตัวถุงลมที่เข้ามาแทนที่ด้วย”
หลักๆ ของระบบถุงลม จะมีด้วยกัน 4 ส่วน ได้แก่
- ตัวปั้มลม ไว้สำหรับสร้างแรงดันลมให้กับตัวถุงลง
- ถังเก็บลม (Air Tank) : สำหรับเก็บลมที่ไว้ใช้ยิงลมเข้าตัวถุงลมได้ตลอดเวลา
- ชุดควบคุม (Controller) : สำหรับจัดการระบบควบคุมระดับลม เข้า-ออก ในถุงลม
- ตัวถุงลม : ที่ใส่เข้าไปทดแทนตัวสปริงทั้ง 4 ล้อ
การพัฒนาที่มากขึ้นนำไปสู่ความนิยมของ “รถทุกแนว”
เมื่อได้คุยกับคุณหลีก็ทำให้ยิ่งเข้าใจว่าการใส่ระบบถุงลมให้กับรถไม่ได้จำกัดเฉพาะแนว V.I.P. เท่านั้น เพราะจริงๆ ในรถแต่งต่างประเทศหรือแม้แต่รถโรงงานบางรุ่นที่เป็นรถหรูก็ยังใช้ช่วงล่างประเภทนี้มาทดแทนสปริง เพื่อช่วยในเรื่องความนุ่มนวล เพียงแต่จุดประสงค์นั้นแตกต่างกัน รถถุงลมที่มาจากโรงงานจะเน้นเรื่องความนิ่มนวลแต่สำหรับรถที่นำมาใส่ถุงลมภายหลังอย่างที่ Hop-Up จะตอบโจทย์ในเรื่องการใช้งานยกสูงต่ำได้เป็นหลักให้กับรถแต่ง จะแต่งสไตล์ไหนก็เข้ามาทำกันหมดเพื่อให้ทุกใช้งานได้ทุกสภาวะถนน
“เยอะเลยครับ 10 ปีที่แล้วแนว V.I.P. นิยมมาก ระบบถุงลมเข้ามาตอบโจทย์การแต่งแนวนี้เป็นจำนวนมาก รถที่เห็นบ่อยๆ ตามหนังสือแต่งรถเมื่อก่อนแทบทุกคันที่ใส่ถุงลมหมด ต่อมาพอมีโลกโซเชียลเข้ามาช่วง 7-8 ปีหลังนี้ เราเห็นรถต่างประเทศมากขึ้น ในเมืองนอกเขาไม่จำกัดว่าระบบถุงลมจะต้องคู่กับแนว V.I.P. เท่านั้น ถุงลมเนี่ยใส่กับรถอะไรก็ได้! ทุกอย่างใส่ได้หมดเลย รถเล็ก, รถสปอร์ต หรือรถซูเปอร์คาร์”
“พอกระแสแนวนี้เข้ามามันเหมือนเป็นการเปิดโลก คนทั่วไปหันมามองว่ารถเราก็ใช้ได้ เราทำรถแรง 4-5 ร้อยม้า มาใส่ถุงลมได้นิฝรั่งเขายังใส่กันได้เลย กลุ่มลูกค้าเลยจะเปลี่ยนแนวไปจากแต่ก่อน หลากหลายแนวขึ้น ทั้งรถยุโรปญีปุ่นใหม่ๆ จากโรงงาน, รถคลาสสิก, รถ 90’s, Stance, Flush ฯลฯ เพราะมันไม่ได้จำกัดแค่ V.I.P. อีกต่อไปแล้ว”
ยุคของระบบถุงลมที่เปลี่ยนไป
“เริ่มตั้งแต่การติดตั้งตัวถุงลมที่เมื่อก่อนมันต้องดัดแปลงเยอะคัสตอมหลายจุด ต้องมีการซีลกันลมรั่วทุกจุด พวกนี้คือตัวปัญหาที่ทำให้ลมรั่วบ่อย”
“ต่อมาผู้ผลิตเขาก็พัฒนาออกแบบถุงลมมาโดยเฉพาะ ไม่ต้องมีการซีลมากันรั่วแล้ว ปัญหาการรั่วตามจุดเล็กๆ ก็ตัดไป จุดเสี่ยงที่เปิดโอกาสรั่วมันหายไปหมดละ เมื่อก่อนคนบ่นว่าถุงลมมันรั่วง่าย ใช้จริงไม่ได้เพราะเขาไปเจอร้านที่ไม่ค่อยมีมาตรฐาน ถ้าไปทำร้านแค่จอดรถกองได้ดันขึ้นได้ ไม่ได้เน้นคุณภาพของอุปกรณ์ในตอนติดตั้ง คุณภาพของงานมันก็จะทำให้เจอปัญหาแก้กันไม่จบไม่สิ้น”
“ต่อมาคราวนี้พออุปกรณ์ส่วนถุงลมมันแก้ไปหมดละ ก็มาพัฒนาที่ส่วนการควบคุมหรือคอนโทรเลอร์ชุดควบคุม ทุกอย่างมาเป็นครบชุดติดตั้งง่าย เซ็ทระดับความสูงต่ำได้ 1-2-3 มีการควบคุมผ่านแอปฯ ได้ในมือถือ รวมไปถึงมีมาเป็นชุดถุงลมพร้อมโช๊คอัพสำหรับรถเลยในปัจจุบัน ตัวโช๊คอัพเซ็ทค่ามาสำหรับถุงลมโดยเฉพาะ การขับขี่จะดีมากๆ เมื่อเทียบกับถุงลมที่ใช้คู่กับโช๊คเดิม”
“ถุงลมมันก็ยังต้องมีโช๊คอยู่ โช๊คที่มาจากโรงงานมาใส่ถุงลมจะกระด้างมากๆ แต่ถ้ามาเป็นสำเร็จถุงลมพร้อมโช๊คสำเร็จรูปมันจะได้เรื่องความนุ่มนวลมากขึ้น”
ฉีกทุกข้อจำกัดในการใช้งานของรถแต่งให้หมดไป!
“กลุ่มลูกค้าคือคนที่ชอบรถเตี้ยแล้วอยากขับรถไปไหนมาไหนก็ได้ ไปทะเล ขึ้นภูเขาไปได้หมด โดยไม่ต้องกังวลว่าเส้นทางจะเป็นยังไง คือจริงๆ สมมติเราชอบจอดเตี้ยๆ เท่ๆ เราไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว แค่จอดเตี้ยประมาณอมยางครึ่งหนึ่งอะ ตรงๆ คือขับได้แค่แถวบ้าน”
“อย่างลูกค้าที่ใช้รถเยอะๆ ขับปีละแสนกว่าโล เขาวิ่งกรุงเทพ-เชียงราย ไม่ต้องห่วงเลย ใช้มา 5-6 ปี ไม่เคยมีปัญหา
แค่เขามาดูแลตามระยะเหมือนชิ้นส่วนทั่วไปของรถ“
“ถ้าระบบมีปัญหามันสามารถแจ้งเตือนเราได้เลยให้เข้าตรวจเช็กระบบ หรือบางรุ่นมีระบบที่สามารถเติมลมเองเข้าระบบถุงลมที่รั่วได้เลย ให้รถสามารถขับต่อไปได้แล้วรีบนำรถเข้าไปเช็ก ไม่มีปัญหาต้องมาจอดตายกลางทาง”
“จากประสบการณ์ที่ทำมาในกรณีอายุการใช้งานยังไม่ถึง ติดตั้งออกไปใหม่ๆ หรือแบบก่อน 5 ปีเนี่ย โอกาสมีปัญหา ‘น้อยมาก’ คือต้องบอกว่ามันอยู่ที่ช่างติดตั้งด้วย ถ้าเดินระบบไม่ดี เดินสายไปอยู่จุดที่ใกล้ความร้อนก็เสี่ยงทำให้ระบบถุงลมมีปัญหา แต่หากใช้ของที่มีมาตรฐาน ช่างมืออาชีพในการติดตั้งโอกาสที่ภายใน 5 ปีขับๆ ไปจอดเสียข้างทางแทบไม่มีเลย”
อีกฟีเจอร์ที่ไม่ได้มีให้เลือกเพิ่มได้ตั้งแต่ออกจากศูนย์ แต่ตอบโจทย์คนรักการแต่งรถที่อยากให้รถสุดรักสุดหวงไปด้วยได้ทุกที่แบบไม่มีข้อจำกัดเรื่องถนนหนทาง ดีกว่าทำรถใส่ของซิ่งแพงๆ แล้วต้องมาเสี่ยงกับความเสียหาย ถนนแย่แค่ไหนก็ยกให้รถสูงขึ้นได้ ขับไปห้างทางขึ้นชันๆ ถนนพังแค่ไหน รถเดิมวิ่งได้รถซิ่งของคุณก็ไปได้หมด “รถไม่ช้ำ” พอถึงเวลาจอด กดปุ่มให้เตี้ยเลียพื้นหล่อๆ ผสมผสานความหล่อและไม่ทิ้งนิยามการใช้งานรถได้อย่างลงตัวที่สุด
ติดตามและอัปเดตความหล่อลงตัวของรถทั้งหมดได้ที่ Hop-Up Airsus