Identity

ทำไม LGBTQ+ ทุกวันนี้ถึงชอบโหราศาสตร์

‘ช่วงนี้ดาวพุธเสีย ฉันจะไม่ทำอะไรเลย’ 

‘ดาวย้ายชีวิตพัง’ 

‘ฉันเป็นคนไม่ชอบวางแผนเยอะฉันไปตาม flow เพราะฉันคือคนราศีกุมภ์’ 

คำพูดเหล่านี้สามารถได้ยิน ได้เห็นในกลุ่ม LGBTQ+ ได้บ่อย และเป็นปรากฏการณ์ทางสังคมของเควียร์ ที่ทำให้คนตั้งคำถามว่า ทำไม LGBTQ+ ถึงสนใจ ถึงชอบโหราศาสตร์กันนะ? มันมีที่มาที่ไปอย่างไร? มันกำลังบอกอะไรกับโลก หรือมันกำลังบอกอะไรเกี่ยวกับวัฒนธรรมในกลุ่มเควียร์? ในบทความนี้เราเลยอยากชวนทุกคนมาทำความรู้จักความเชื่อมโยงของดวงดาวที่แฝงอยู่ในหลายวัฒนธรรมของโลกเควียร์

ทำไมเควียร์ถึงรัก และสนใจในโหราศาสตร์ 

คำถามนี้กลายเป็นคำถามฮ็อตฮิตในช่วงต้นปี 2020 ที่กระแสของโหราศาสตร์เริ่มโด่งดังในโลกออนไลน์ และสื่อหลายแห่งก็ได้ถามคำถามนี้กับนักโหราศาสตร์เควียร์สุดป็อบ 'Chani Nicholas' ที่ได้ให้นิยามโหราศาสตร์ว่ามันเป็น ‘เครื่องมือเพื่อทำความเข้าใจวัฏจักรชีวิตส่วนตัวของเรา และชีวิตส่วนร่วม’

Photo Credit: Rolling Stone

ซึ่งในช่วงที่การพูดคุยเรื่องดวงดาวนั้นไวรัลบนโลกออนไลน์ โดยเฉพาะในกลุ่ม LGBTQ+ เธอก็เคยให้ความเห็นกับคำถาม ‘ทำไมเควียร์ถึงสนใจในโหราศาสตร์’ เอาไว้ได้อย่างน่าสนใจว่า

"ก่อนอื่นเลยฉันอยากจะบอกว่า ฉันอยากมีพื้นที่ให้เควียร์ทุกคนที่เกลียดโหราศาสตร์ด้วยนะ ฉันรักพวกคุณเหมือนกัน ส่วนเรื่องที่ว่า ทำไมเควียร์ถึงรักในโหราศาสตร์ สิ่งนี้มันเป็นปรากฏการณ์ที่เควียร์มากๆ เพราะฉันคิดว่า พวกเราตามหาวิธีที่จะมองเห็นตัวเองที่ต่างจากขนบทั่วไปอยู่ โดยเฉพาะเมื่อกรอบธรรมเนียมสังคมทั่วไป และสถาบันศาสนาได้ปฏิเสธพวกเรามาอย่างยาวนาน นั้นส่งผลลึกถึงจิตวิญญาณของพวกเรา การถูกทำให้ไร้ตัวตนยิ่งกดทับ ให้เควียร์หลายคนอยากจะถูกมองเห็นขึ้นมาบ้าง เมื่อพวกเราโตมาในวัฒนธรรมที่มองไม่เห็นตัวเรา ไม่เห็นอัตลักษณ์ทางเพศ และทำให้พวกเราไร้ตัวตน มันก็ทำให้พวกเราสนใจในสิ่งที่ทำให้พวกเรารู้สึกว่าเราถูกมองเห็น พวกเราเลยต้องการสิ่งที่สามารถสะท้อนตัวตนของพวกเราออกมาได้ และพวกเรารู้สึกว่ามันจริง"

"โหราศาสตร์ถูกสอนโดยมนุษย์ และมนุษย์เราก็เต็มไปด้วยความบกพร่อง เมื่อพวกเราโตขึ้นมาในระบบที่ไม่ค่อยดีกับพวกเราเท่าไร มันก็ส่งผลต่อองค์ความรู้ทางโหราศาสตร์ที่ถูกส่งต่อมาด้วย ที่ในอดีตมันจะค่อนข้างมีความเป็นขนบรักต่างเพศ จากที่มีความนิยมคนขาว และมีความเป็น cis-gender มากๆ ในอดีต" Chani ให้คำตอบในประเด็นเรื่องความรักที่ไม่จำกัดเพศในเชิงโหราศาสตร์

Photo Credit: The Black Queer Tarot By Kendrick Daye

โหราศาสตร์คือพื้นที่ที่มองเห็นเควียร์และคนที่ไม่ถูกมองเห็น

จากสองประเด็นคำถามข้างต้น ทำให้เราสามารถมองเห็นปรากฏการณ์นี้ได้ว่า พื้นที่ของโลกโหราศาสตร์ และจิตวิญญาณในยุคร่วมสมัยนั้น มีพื้นที่เปิดกว้างให้เควียร์ได้มีตัวตน, ถูกมองเห็น, ได้เชื่อมโยงคุณลักษณะบางอย่างของเรากับเรื่องของดวงดาว เพื่อให้เรามีคำอธิบายชีวิตตัวเองได้ (เหมือนกับว่า ถ้าต้องการเข้าใจชีวิตตัวเองมากขึ้น การไปปรึกษาดวงดาวก็จะมอบเครื่องมือที่ช่วยให้เห็นความกระจ่างในชีวิตตัวเองได้) ปรากฏการณ์นี้ได้ทำงานกับกลุ่ม LGBTQ+ เพื่อช่วยให้พวกเขาเห็นชีวิตตัวเองชัดเจนขึ้น ในโลกที่ยังขาดพื้นที่ให้ทุกความหลากหลายอันเป็นผลพวงจากในอดีต

ในพื้นที่เหล่านี้พวกเขาได้รู้จักคนที่มีความสนใจร่วมกัน มีคนที่มองเห็นพวกเขาตามชุดภาษาของดวงดาว และโหราศาสตร์ สิ่งเหล่านี้เชื่อมโยงให้เกิดพื้นที่ของเควียร์ที่ทุกคนได้รับการมองเห็น มีตัวตน ได้รับการยอมรับที่เกิดขึ้นมาเพื่อเป็นพื้นที่ทางเลือกของคนที่รู้สึกไม่ฟิตอินกับกรอบสังคม และอิทธิพลของคำสอนจากสถาบันศาสนาที่กีดกันผู้มีความหลากหลายทางเพศ

ขอบเขตของความน่าเชื่อถือ

โหราศาสตร์กลับมาแมสอีกครั้งในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่รู้สึกเคว้งคว้างจากสังคมโลกสมัยใหม่ และผลจากการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ผู้คนมีเวลาได้กลับไปสะท้อนมองย้อนหาตัวเองมากขึ้น เป็นเหตุให้พวกเขาได้หันกลับมาสนใจความเป็นไปของชีวิตตัวเองอีกครั้ง โหราศาสตร์จึงเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่ถูกดึงกลับมาอยู่ในกระแสความสนใจอีกครั้ง จากที่เคยเป็นที่นิยมในป็อบคัลเจอร์ ก่อนจะค่อยๆ เฝดหายไป 

แต่ทั้งนี้มันก็ยังเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความน่าเชื่อถืออยู่ แม้ว่าฟากฝั่งของนักโหราศาสตร์ก็ยังยืนยันว่า มันสามารถพิสูจน์ และอธิบายได้ แต่ในโลกวิทยาศาสตร์ก็ยังคงมองว่าเรื่องราวเหล่านี้ยังไม่มีหลักมีฐานเพียงพอ และจำเป็นที่จะต้องค้นคว้ากันต่อไป

Photo Credit: Mashable

โหราศาสตร์ และการเดท

หรือทุกอย่างอาจจะมาขมวดปมที่โหราศาสตร์ กับการทำนายทายทักชีวิตรักของ LGBTQ+ ทั้งเรื่องเนื้อคู่ ความเหมาะสม หรือดวงสมพงษ์ เพราะตามขนบของโลกคนรักต่างเพศ และคำสอนทางศาสนา มักจะพูดกันว่า LGBTQ+ คือกลุ่มคนที่สับสน หลงทางในชีวิต และเมื่อเป็นชีวิตที่หลงทาง จึงต้องเป็นชีวิตที่ไร้รักไปด้วย มีความรักรออยู่สำหรับคนที่ตรงขนบรักต่างเพศเท่านั้น เพราะอย่างที่รู้ๆ กันความรักที่หลากหลายมันเคยเป็นเรื่องยาก และไม่ถูกกฎหมายมาก่อน

โหราศาสตร์จึงมีฟังก์ชั่นเป็นที่ปรึกษาความรัก และเป็นพื้นที่ทางเลือกสำหรับ LGBTQ+ ในการพึ่งพิงอาศัย มอบความหวัง และเป็นเครื่องมือในการเดท โดยเฉพาะในบริบทของโลกตะวันออก การดูดวงดาว และโหราศาสตร์เป็นเครื่องมือสำคัญในการเลือกคู่ครอง การจะตามหาความรักที่เหมาะสมสักที ก็สามารถดูฤกษ์ยามได้ก่อนตัดสินใจ เมื่อคบกันไปแล้วชีวิตจะดีไม่ดี รุ่งไม่รุ่ง ก็ใช้หลักโหราศาสตร์มาช่วยพิจารณา ศาสตร์ของดวงดาวจึงยังเป็นที่นิยมในการเลือกคู่ครองเสมอมา

Photo Credit: Vogue

Sign compatibility ตกยุคแล้ว

ในอดีตช่วงยุค 2000s โหราศาสตร์จะสามารถใช้เป็นเครื่องมือที่บอกได้ว่า คนเราจะมีความเข้ากัน (Compatibility) กับใครได้บ้าง จากพื้นฐานของดวงดาว แต่ในยุคปัจจุบัน Gen Z ที่แม้จะดูเป็นกลุ่มคนที่พูด และเชื่อในโหราศาสตร์มากขึ้นในสังคมปัจจุบัน แต่พวกกลับเขาปฏิเสธแนวคิดเรื่อง ‘Sign compatibility’ และยืนพื้นว่า การทำความเข้าใจตนเองผ่าน Big3 (Sun sign, Moon sign, Rising sign) นั้นสำคัญ แต่มันไม่จำเป็น ต่อการเลือกคู่ครองแล้ว ถึงจะมีล้อกันขำๆ บ้าง แต่มันไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่ชี้ขาดเหมือนความเชื่อของสมัยก่อนอีกต่อไปแล้ว

ท้ายที่สุดแล้วโหราศาสตร์อาจจะเป็นเรื่องที่ป็อบมากในปัจจุบัน แต่มันก็ยังไม่ใช่เรื่องที่ได้รับการยอมรับในขนบสังคมประเพณีดั้งเดิม และถูกยึดโยงว่าเป็นศาสตร์นอกรีตอยู่ จากมุมมองของสถาบันศาสนาดั้งเดิม ดังนั้นพื้นที่ของโลกโหราศาสตร์จึงเป็นเหมือนพื้นที่ของการต่อสู้สำหรับเควียร์ เพื่อท้าทายกรอบทางเพศเดิมๆ ทำลายขนบมาตรฐานของโลกเก่า ขยับขยายองค์ความรู้ให้หลากหลายทางเพศมากขึ้น และเชื้อชวนให้ทุกคนได้มาเรียนรู้ความลื่นไหลของชีวิต จากการศึกษาระบบดวงดาวที่อัพเดทให้เปิดกว้างกับทุกเพศ 

ทุกวันนี้คนเราสามารถเชื่อเรื่องดวงดาว และใช้มันเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เข้าใจสิ่งเชื่อมโยง (reasonate) ชีวิตตัวเอง และคนรอบข้างได้ แต่อย่างไรก็ตาม แม้ดวงดาวจะบอกเราได้ทุกอย่าง แต่คนที่ต้องลงมือทำ และรับผลกระทบกับของมันก็คือ ตัวเราเอง ดังนั้นจงพิจารณาทุกสิ่งตามความเหมาะสม และอย่าถลำลึกไม่ลืมหูลืมตาจนกลายเป็น ‘งมงาย’

อ้างอิง

The Pink News
Advocate
Hypebae
Refinery29
Refinery29 (2)