วันหยุดสุดแสนหวานในจินตนาการของคู่รักมันพอจะมีอะไรบ้างนะ ส่วนใหญ่ก็คงจะไม่พ้นการไปพักผ่อนตามรีสอร์ตหรือโรงแรมดีๆ และหากิจกรรมทำกัน เชื่อว่าแบบนี้หลายคู่ก็คงจะเคยทำกันมาหมดแล้ว แต่จะมีคู่รักสักกี่คู่ที่จะได้ใช้เวลาด้วยกันอย่างแนบชิดและเป็นธรรมชาติด้วยกันอย่างแท้จริงโดยหมดกังวล เป็นอิสระในทุกเงื่อนไขที่ถูกจำกัดไว้ เปลือยเปล่าจากเสื้อผ้า เครื่องนุ่มห่มที่ห่อเรือนร่างไว้ และกลายเป็นหนึ่งเดียวกับแสงแดด สายลม และเรือนเงาต้นไม้
วันนี้ EQ จะพาทุกท่านเข้าไปสำรวจ Naturist Resort หรือรีสอร์ตของผู้รักในธรรมชาติ ที่ไม่ใช่การส่องสำรวจสัตว์ป่า แต่เป็นสถานที่เฉพาะกิจของผู้ที่หลงไหลในธรรมชาติอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นเรือนร่างของมนุษย์ที่มาในทุกรูปแบบและลักษณะ (ซึ่งมักจะเป็นสิ่งแรกที่ถูกตัดสิน) หรือบรรยากาศของรีสอร์ตที่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ เอื้อให้คู่รักรู้สึกผ่อนคลายและได้เป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มที่โดยที่ไม่มีใครมาตัดสิน เนื่องจากทุกๆ คนต่างก็ปราศจากซึ่ง “เปลือก” หรืออาภรณ์ใดๆ มาห่อหุ้ม
แอ้ - ชลวี พฤติกุล อดีตแอร์โฮสเตสสาวสวย และอดีตเวิร์คกิ้งวูแมนชาวกรุงที่มาหลงไหลในธรรมชาติของเกาะพะงันจนเป็นเหตุให้เราได้มาเจอกัน ได้เล่าให้เราฟัง (ในขณะที่ใส่เสื้อผ้า) ถึงประสบการณ์ของเธอที่ได้ไปสัมผัสกับรีสอร์ตเนเจอริสต์แห่งหนึ่งแถวพัทยาว่า ที่ได้มีโอกาสไปเพราะ เพื่อนสาวรุ่นพี่ของเธอที่ชื่นชอบการอาบแดดมากได้ชวนเธอให้ไปเป็นเพื่อนลองไปใช้บริการด้วยกันเพราะไม่กล้าไปคนเดียว โดยเพื่อนของเธอได้ส่งข้อมูลของรีสอร์ตแห่งนี้ให้เธอดู โดยบอกว่าเธอจะต้องชอบมากแน่ๆ เพราะมันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องเซ็กซ์หรืออนาจารอะไรแต่ว่าไปเพื่อสัมผัสกับธรรมชาติจริงๆ และเพื่อจะได้อาบแดดได้ทั้งตัวโดยไม่มีรอยเสื้อผ้า
เมื่อเธอพบว่ารีสอร์ตทั้งสวยงามและตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติโดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ โรงยิม โต๊ะพูล เหมาะกับการไปพักผ่อนจริงๆ เมื่อเราถามว่าไปถึงแล้วตื่นเต้นไหม แอ้บอกว่าเขินและตื่นเต้นมากตั้งแต่ไปถึงแล้วได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นและเป็นกันเองจากรีเซฟชั่นซึ่งเดินเปลือยอกมาต้อนรับ! เธอจึงถือคติเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม เปลือยตามตั้งแต่วันแรกที่ไปถึง จนเพิ่งมาทราบทีหลังว่าเราสามารถเอาผ้าหรือโสร่งมาปิดบางส่วนได้ถ้าไม่มั่นใจพอ แต่ไม่ใช่ใส่เสื้อผ้าปกติ
“ทุกคนแก้กันหมดแล้วทำตัวตามปกติ ไม่มีใครสนใจจะมองเรา เราเลยเลือกไปนอนอาบแดดข้างสระว่ายน้ำกัน วันที่ไปเป็นวันธรรมดาซึ่งคนจะน้อยหน่อย ทางรีสอร์ตบอกว่าถ้าเราไปวันศุกร์-เสาร์ คนจะเยอะมากเพราะห้องเต็มทุกห้อง เรากลัวเขินถ้าคนเยอะเพราะก็มาครั้งแรกเลยเลือกที่จะไปวันนี้ดีกว่า”
“ตามรีสอร์ตจะมีป้ายติดไว้ว่าถ้าเรารู้สึกว่ามีใครทำให้เรารู้สึกอึดอัดก็ให้แจ้งกับทางรีสอร์ตได้เลย ซึ่งเราไม่รู้สึกว่ามีใครมาทำให้เรารู้สึกแบบนั้นนะ เราก็ใช้บริการพวกสิ่งอำนวยความสะดวกของรีสอร์ตกันอย่างสบายใจ ไม่ว่าจะเป็นสตีม ซาวน่า ที่รีสอร์ทยังมีบ่อน้ำขนาดย่อมๆ ซึ่งจะมามี bath tub อยู่สองอันที่เขาทำไว้แบบส่วนตัวเหมาะกับการหลบมุมไปสวีทกันสองคนกับคู่รักมากๆ เพราะทำเป็นฉากกั้นคล้ายบ้านน่ารักๆ แต่ความที่เราไปกันเองเลยชอบไปนอนอาบแดดข้างสระมากกว่า”
เราเริ่มสนใจอยากรู้ว่าค่าใช้บริการมีอัตราอย่างไรบ้าง แอ้บอกว่าค่าเปิดห้องไม่ต่างกับค่าใช้บริการแบบรายวัน (day visit) เท่าไหร่ พวกเธอจึงลองเปิดห้องกันดูซะเลยในการมาเยือนครั้งแรก และในครั้งต่อมาจึงมาแบบรายวัน ซึ่งก็จะได้รับผ้าเช็ดตัว ล็อคเกอร์และน้ำดื่ม รวมทั้งสั่งเครื่องดื่มและอาหารจากครัวของรีสอร์ตได้ตลอด ซึ่งเธอเน้นมากว่าอาหารที่นี่เด็ดมากอย่างไม่น่าเชื่อ ที่สำคัญเธอสามารถสั่งแม้กระทั่งหมูกระทะมาทานได้อีกต่างหาก(แต่ต้องแจ้งล่วงหน้านะ)!
“แต่ที่ประทับใจสุดๆ คือช่วงเย็น เราได้ไปนอนแช่น้ำร้อนในอ่างที่อยู่ในพื้นที่ในสวนของรีสอร์ตที่มีบึงขนาดค่อนข้างใหญ่ อ่างน้ำร้อนจะอยู่ตรงขอบบึงซึ่งเป็นตำแหน่งสำหรับชมพระอาทิตย์ตกดินพอดี ในบึงก็จะมีเป็ดและหงส์เล่นน้ำอยู่ บรรยากาศสุดโรแมนติกมากเสียจนต้องรีบหาคนกลับไปด้วยให้ทันวันวาเลนไทน์นี้แล้วล่ะ” แอ้เล่าไปกลั้นหัวเราะไป
เมื่อเราถามว่าแล้วได้เพื่อนใหม่บ้างไหม เธอเล่าว่าได้เจอคนมาจากหลายที่เหมือนกัน บางคนขับรถมาจากที่ไกลๆ เพื่อมาที่นี่โดยเฉพาะ แต่ที่เธอประทับใจคือพวกเขาหลายๆ คนโชว์รูปตัวเองในขณะทำงานว่าใครประกอบอาชีพอะไรกันบ้างพลางหัวเราะกันไปพลางว่าโลกข้างนอกนั้นช่างเต็มไปด้วยการแบ่งแยกมากมาย และเสื้อผ้าอาภรณ์นั้นถือว่าเป็นเครื่องมือชั้นดีอย่างหนึ่งที่เรามักใช้ในการแบ่งแยกและตัดสินซึ่งกันและกัน เพื่อนใหม่ของเธอหลายๆ คนประกอบอาชีพที่ไม่ธรรมดา แต่ทุกคนกลับชอบที่จะกลับมาอยู่ในบรรยากาศที่ไร้ซึ่งการตัดสินและนำมาซึ่งความรู้สึกที่เท่าเทียมกันกับทุกคนอย่างที่นี่ แอ้กล่าวว่าเธอประทับใจกับที่นี่หลายอย่าง แต่ที่ประทับใจสุดคงเป็นความรู้สึกปลอดภัยเพราะเธอเชื่อว่าความรู้สึกปลอดภัยต้องเป็นพื้นฐานในทุกกิจกรรมของการดำเนินชีวิต เราจึงถามว่านอกจากนโยบายไม่ต้อนรับผู้ที่สร้างความลำบากใจให้ผู้ใช้บริการรายอื่นที่ได้รับการปฏิบัติอย่างเคร่งครัดแล้ว ทางรีสอร์ตมีนโยบายอย่างอื่นอีกไหมเพื่อสร้างความมั่นใจให้แขกที่มาพักรู้สึกถึงความปลอดภัยและได้รับความเป็นส่วนตัวในขณะมาพักผ่อนจริงๆ
“ที่ที่แอ้ไปเขาจะให้รีเซฟชั่นเอาสติกเกอร์มาแจกให้เราปิดกล้องเพื่อให้ทุกคนที่มาเกิดความสบายใจว่าไม่มีใครถ่ายรูปพวกเขาติดไปแน่ๆ แต่ถ้าเราจะถ่ายเราก็สามารถถามคนที่อยู่ใกล้ๆ ได้ว่าเขาสะดวกไหมที่เราจะควักกล้องออกมาถ่ายรูปเพื่อเป็นการแสดงความสุภาพ”
แอ้กล่าวต่อไปว่าเธอคิดว่าที่บรรยากาศเป็นแบบนี้ได้เพราะเจ้าของสถานที่มีลักษณะแบบนี้ พวกเขาเป็นกันเองและสุภาพมากๆ ทั้งคู่เดินทางไปต่างประเทศกันบ่อยๆ จนเกิดไอเดียมากมายที่จะนำมาขยับขยายพัฒนาและปรับปรุงรีสอร์ตของเขาให้มันเริ่ดยิ่งขึ้น จากที่แอ้ก็คิดว่ามันดีมากๆ อยู่แล้ว เขาบอกว่าที่จริงก่อนโควิดยังมีรีสอร์ตเนเจอริตส์อีกหลายที่ในไทยเนื่องจากอากาศในบ้านเราเหมาะกับรีสอร์ตสไตล์นี้และเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ อย่างที่ภูเก็ตก็มีแห่งหนึ่งที่โฆษณาว่าเป็นที่เดียวในเอเชียที่มีหน้าหาดเป็นของตัวเอง แต่น่าเสียดายที่เพราะโควิดทำให้ต้องปิดไปเสียก่อนจะเริ่มเปิดใช้บริการเสียอีก
ชักเริ่มสนใจจริงจังแล้วสิ เราจึงถามเธอว่าค่าใช้บริการแบ่งเป็นอย่างไรบ้าง แอ้เล่าด้วยความตื่นเต้นว่า เธอสมัครเป็นสมาชิกแล้วน๊า ซึ่งในส่วนของค่าใช้บริการรายวันนั้นจะอยู่ที่ 800 บาทสำหรับผู้ชาย และ 400 บาทสำหรับผู้หญิงแต่ถ้าสมัครเป็นสมาชิกจะมีสองราคานั่นคือแบบ 3,500 บาทสำหรับผู้ชายและ 1,750 บาทสำหรับผู้หญิง ซึ่งราคานี้สมาชิกจะเสียค่าเข้าใช้บริการคนละ 300 บาทและถ้าเราพาใครมาด้วยอีกซักคน ไม่ว่าเขาจะเป็นเพศอะไรเขาจะเสียค่าเข้า 400 บาท และมีส่วนลดเป็นเปอร์เซ็นในกรณีเปิดห้องพักและใช้บริการห้องอาหาร ส่วนแบบพรีเมียมนั่นคือราคา 7,500 บาทสำหรับทั้งผู้ชายและผู้หญิงซึ่งจะได้รับส่วนลดอื่นๆ มากกว่า ทางรีสอร์ตมีกฏอยู่ว่าจะไม่อนุญาตให้ผู้ชายที่มาเพียงคนเดียวแบบรายชั่วโมงเปิดห้องใช้บริการเด็ดขาดนอกจากเป็นสมาชิก ต้องตั้งใจมาอยู่แบบค้างคืนเท่านั้น
“แอ้ก็สมัครแบบแพคเกจขั้นต่ำ เพราะบ้านอยู่กรุงเทพ ถ้าบ้านอยู่พัทยาก็คงจะเลือกแบบพรีเมี่ยมเหมือนกัน”
หวังว่าคงจะพอเป็นไอเดียทางเลือกใหม่ให้แก่คู่รักในช่วงเดือนแห่งความรักนี้นะ แต่ถ้าใครไม่มีคู่ก็ไม่ต้องกลัวไปเพราะถ้ามั่นใจและกล้าที่จะไปใช้บริการคนเดียว อาจได้พบเพื่อนใหม่ที่มองข้ามเปลือกภายนอกและรักในความเป็นตัวตนที่แท้จริงข้างในของเราเข้าก็ได้ เอาล่ะ ช้าอยู่ทำไม จัดกระเป๋าให้เบาที่สุด (เพราะไม่ต้องเอาอะไรไป) แล้วออกเดินทางมาเลย ถ้าเจอคนรู้จักข้างในก็ไม่ต้องเขินไปเลยนะ ทักทายกันเลย จะได้สนิทสนมกันขึ้นก็คราวนี้แหละ!
ติดตามบรรยากาศและรับชมภาพรีสอร์ตเต็มๆ ทั้งหมดได้ที่ Naturist Village Club (Pattaya)