“บูดูสะอาด หาดทรายสวย รวยน้ำตก นกเขาดี ลูกหยีอร่อย หอยแครงสด”
คำขวัญแรกของจังหวัดปัตตานีที่เหล่าวัยรุ่นปัตตานีทั้ง 4 คนแนะนำกับเราว่ามันบ่งบอกถึงเสน่ห์ของจังหวัดได้อย่างชัดเจนว่าถ้าพูดถึงจังหวัดปัตตานีต้องคำขวัญนี้เลย ก่อนที่จะเปลี่ยนแปลงเป็นคำขวัญปัจจุบันว่า "เมืองงามสามวัฒนธรรม ศูนย์ฮาลาลเลิศล้ำ ชนน้อมนำศรัทธา ถิ่นธรรมชาติงามตา ปัตตานีสันติสุขแดนใต้"
บทความนี้เราได้เชิญชวนวัยรุ่นปัตตานี 4 คนมาร่วมพูดคุยเล่าเสน่ห์ของจังหวัดปัตตานี สถานที่ท่องเที่ยว ไลฟ์สไตล์ชีวิตวัยรุ่น อาหารที่อยากแนะนำและบอกรักจังหวัดปัตตานีกัน
ฝ้าย (@faiafaii) เป็นคนที่มีพื้นเพครอบครัวมาจากจังหวัดชุมพร เธอเกิดและเติบโตที่จังหวัดปัตตานี ตอนนี้ก็ทำบัญชีที่บ้านไปพร้อมๆ กับเรียนปริญญาโท เธอเล่าชีวิตวัยรุ่นที่ปัตตานีว่า มันเป็นชีวิตที่มีความสุขมากๆ
“เราเป็นคนนับถือศาสนาพุทธนะ เป็นคนไทยพุทธ ชีวิตที่อยู่ปัตตานี เรามีคัลเจอร์ที่เยอะ มันเปิดโลก มีทั้งจีน มลายู แล้วก็พุทธ ชีวิตอยู่นี้มันเปิดโลกโดยไม่ต้องสรรหาเอง ชีวิตมันสนุกมากๆ แต่ว่าตอนเป็นเด็กมันก็จะมีความระแวงเวลาสถานการณ์ไม่สงบ เวลาไปเที่ยวก็ต้องกลับบ้านก่อนห้าโมงเย็น คือมันต้องระวังตัวเองเยอะมาก ตอนที่ได้ไปเปิดโลกที่กรุงเทพ ไปเรียนกรุงเทพ ก็ตกใจว่าทำไมคนเข้ากลับบ้านกันสามสี่ทุ่ม เขาออกมาใช้ชีวิตกลางคืนกันได้ เพราะเรามีชีวิตสนุกได้แค่ตอนกลางวัน ก็เลยเป็นเด็กใช้ชีวิตตอนเที่ยวให้คุ้มที่สุด”
“สมัยเรียนก็โดดเรียนเก่ง ช่วงม. ปลาย โรงเรียนไม่มีรั้วมันก็จะออกไปโน่นไปนี้บ่อย เพราะใช้ชีวิตกลางคืนไม่ได้ พอตกดึกไปกินน้ำชากับเพื่อนไม่ได้ ยิ่งช่วงไหนมีระเบิด ก็ต้องห้ามออกจากบ้านเลย มันกลายเป็นว่าเด็กสามจังหวัดใช้ชีวิตกลางวันมากกว่ากลางคืน แต่ถามว่ามีความสุขไหม ชีวิตที่นี่ก็มีความสุขมาก มันมีสามวัฒนธรรม แต่ละวัฒนธรรมก็ความยูนีคของเขา ทั้งคนจีน คนไทย คนมลายู”
ซีน (@zeenxschulz) เป็นคนปัตตานีโดยกำเนิด ตอนนี้เขาเป็นนักศึกษาคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ปี 4 ที่เล่าว่า มุมมองรีวิวชีวิตวัยรุ่นของพวกเขานั้นก็ไม่ใช่ภาพแทนของวัยรุ่นทั้งหมดนะ พวกเขามีชีวิตไลฟ์สไตล์คล้ายๆ กันเพราะทั้งสี่คนเรียนจบมาจากโรงเรียนเดียวกัน แต่ทว่าประสบการณ์ที่ประทับใจในชีวิตวัยรุ่นที่ปัตตานีของเขาก็คือการได้ไปชมพระอาทิตย์ตกกับเพื่อนๆ
“ชีวิตวัยรุ่นของเราก็จะคล้ายกับเพื่อนๆ พี่ๆ ในนี้เลย ถ้ามีเวลาว่างหลังเลิกเรียน เอาที่ไปบ่อยๆ ที่ไปทุกวันไปดูพระอาทิตย์ หลังทะเลสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ หาดสะมิแล ปัตตานีที่ยื่นออกไปในทะเล แต่พอไปก็ต้องรีบกลับบ้านเพราะช่วงประมาณหกโมงถึงหกโมงครึ่งเมืองจะเงียบมากเพราะมันเป็นเวลาละหมาดที่คนเขาจะปิดบ้านกัน”
ดา (@ninajdasulaiman) เป็นคนปัตตานีที่ตอนนี้กำลังเรียนคณะนิติศาสตร์อินเตอร์ปี 1 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อยู่ เธอเล่าถึงร้านน้ำชาร้านโปรดและแหล่งดูพระอาทิตย์ตกดีๆ ที่ปัตตานีไว้ว่า
“ตอนช่วงวัยรุ่นของเราเหตุการณ์มันไม่ค่อยรุนแรง ตอนที่รุนแรงเราไม่ค่อยได้อยู่ไทย ไปเที่ยวเป็นคาเฟ่ ก็มีโมเมนต์ไม่ค่อยออกข้างนอกตอนดึกๆ ร้านน้ำชา ชา-โคล มีตลาด Green Market ให้เดิน แล้วก็มี แหลมตาชี ปัตตานีที่ขับรถไปดูพระอาทิตย์ตกกับเพื่อนๆ ”
สิรา (@luckybsira) เป็นคนที่เกิดและเติบโตมีบ้านที่จังหวัดปัตตานี ตอนนี้เธอเป็นนักเขียนอยู่ที่ way magazine เธอเล่าว่าชีวิตวัยรุ่นของเธอจะแตกต่างจากทั้งสองคนหน่อยตรงที่เธออาจจะไม่ได้ใช้เวลาตอนหลังเลิกเรียนกับเพื่อนมากนักเพราะต้องเดินทางกลับบ้านที่อยู่ไกลจากตัวเมือง แต่เธอก็ใช้ช่วงเวลาที่แฮงเอาท์ให้เต็มที่ที่สุด
“ชีวิตเราจะไม่เหมือนทั้งสามคน บ้านเราอยู่ต่างอำเภอ ใช้เวลาไปกลับ สามสิบนาที ใช้เวลามาแฮงเอาท์ มาโรงเรียน ช่วงเวลาไปโรงเรียนจะไปไหนมาไหนมากที่สุด ถ้ามีคาบว่างเยอะ ก็จะไปแฮงค์เอาท์ ถนนสายมอ”
ถ้าให้แต่ละคนให้มู้ดที่บ่งบอกถึงจังหวัดปัตตานีเป็นคนละมู้ด จะให้มู้ดอะไรกันบ้าง
ฝ้าย: คัลเลอร์ฟูล คนปัตตานี เขาแต่งตัวเก่ง ไม่เหมือนที่อื่น ข้างขาบนลาย ข้างล่างก็ลายก็ได้ ชอบพูดเสียงดังๆ มีสีสัน
ซีน: เป็นจังหวัดที่ไปได้เรื่อยๆ จะเป็นที่ไหนก็ไปเรื่อยๆ
ดา: ชิลๆ รีแลกซ์
สิรา: เป็นความเงียบที่อยู่กลางเสียงดัง คนก็จะแต่งตัวโดดเด่น ถึงมันจะดูเงียบ แต่ทุกคนก็ตะโกนออกมา
ถ้ามีเพื่อนต่างจังหวัดมาเที่ยวจังหวัดปัตตานีหนึ่งวันจะพาเพื่อนไปไหนกันบ้าง มีร้านอาหาร ร้านอะไรอร่อยๆ อยากแนะนำบ้าง
ดา: ถ้ามากินมื้อเช้ามื้อแรกของวันที่ปัตตานีที่คนปัตตานีหลายคนชอบไปกินก็คือร้าน บังหนูด ก็จะมีแนะนำ โรตี ชาชัก ปัตตานี
ซีน: มื้อเที่ยงก็มีแนะนำร้านราดหน้านำรส ถ้าเพื่อนมาก็อยากจะพาไปไหว้เจ้าแม่ ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว มัสยิดกลาง วัดช้างให้ ละแวกที่คนมาปัตตานีต้องมา
สิรา: ละแวกนั้นเป็นละแวกที่ไม่ว่าคนศาสนาก็ไป แถวนั้นเป็นสถาปัตยกรรมวัฒนธรรมแฝงชิโนยูโรเปียน มันคล้ายกับภูเก็ต ย่านเมืองเก่า แล้วก็มีหลากหลายวัฒนธรรมตรงนั้น
ฝ้าย: ตรงศาลเจ้าแม่ แถวละแวกนั้นมันมีสามวัฒนธรรม มีวัดหัวตลาด ไทยพุทธ ศาลเจ้าแม่ก็จีน เลยไปอีก มัสยิดกลาง แล้วตรงนั้น มันเป็นละแวกคนไปเที่ยวก็เยอะ เป็นย่านโปรโตกีส ไม่ใช่เพาะแค่คนมาถ่ายรูป
Photo credit: Line Today, Thailand tourism directory
ซีน: ตอนกลางวันก็สามารถแวะกินข้าวที่โรงเตี้ยมได้ มันจะอยู่ติดถนนเลย เป็นร้านอาหารจีนที่มีชาจีน อาหารจีนอร่อยๆ
ฝ้าย: ถ้าอาหารแนะนำเพิ่มก็จะมีติมซำ ก๋วยจั๊บยะลา (แต่เป็นร้านที่อยู่ในปัตตานี) ข้าวยำที่ตลาดโต้รุ่งปัตตานี หมี่กะทิ
สิรา: ถ้ามาปัตตานีก็อยากแนะนำร้านน้ำชาด้วย มีร้านน้ำชาเยอะแบบเติมได้เรื่อยๆ ที่ตลาดโต้รุ่ง แหล่งของกินในเมืองก็จะเป็นตลาดนี้แหละ
หลังจากจบทริปเที่ยวในเมือง ก็ยังมีธรรมชาติรอบจังหวัดให้เที่ยวชมอีกเยอะ แหล่งดูพระอาทิตย์ตกดินที่แนะนำจากดาและซีนก็คือ หาดสะมิแล และ แหลมตาชี ส่วนถนนเดินชิลก็มีแนะนำถนนสายมอและตลาด Green Market หลังจากแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว รีวิวชีวิตวัยรุ่นกันเสร็จแล้ว ก่อนจะปิดบทความ เราจึงถามคำถามสุดท้ายกับแต่ละคนว่า
มีอะไรอยากจะบอกรักจังหวัดปัตตานีกันไว้บ้างไหม
ฝ้าย: “เรารักการแต่งตัว รักในความยูนีค รักในความเป็นไปไม่ได้แต่มันเป็นไปได้ของปัตตานี มันไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะอะไร แต่ละคนที่อยู่ เขาก็มีความตกต่างกันแต่ก็อยู่ด้วยกันเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน”
“ยกตัวอย่าง พวกเราสังคมเด็กโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มันไปที่ไหนมันจะรู้ว่านี้เด็กสาธิตชัดๆ มันจะรับรู้ได้ไง คนนี้เป็นเด็กสาธิต แต่นอกจากรู้ว่าเป็นเด็กสาธิตไม่พอ มันจะรู้ว่าเออเราจะได้รับความช่วยเหลืออยู่แล้ว ต่อให้ไม่ว่าเราจะไปอยู่ตรงไหนเขาก็พร้อมจะช่วยเหลือเราอยู่แล้ว มันเลยเป็นความรู้สึกที่ว่าแต่ละคนมีความเป็นตัวของตัวเองที่แตกต่างกัน แต่พอมาอยู่ด้วยกันเพราะคือรู้เลยว่าเขาเป็นใคร แล้วอยู่ด้วยกันเพราะอะไร ด้วยความปัตตานี วัฒนธรรมมันหล่อหลอมให้เราเป็นคนประมาณนี้”
ซีน: “รักปัตตานีที่มันเป็นปัตตานี มันมีความเป็นตัวของมันเอง เราอยู่มาเกือบ 20 ปี ด้วยความเคยชิน เราโอเคมาก กับบรรยากาศอย่างนี้ มันเซฟโซนของเรา เราชอบที่ปัตตานีเป็นปัตตานี”
ดา: เรารักปัตตานีเหมือนพี่ๆ เลย รักที่มันสงบ ท้ายที่สุดแล้วมันคือบ้านของเรา มันคือเซฟโซนของเรา เราโตกับสภาพแวดล้อมที่ดีมากๆ พี่ๆ ครอบครัว คนรอบตัวคือดีหมดเลย ทุกคนที่นั่นน่ารักมากๆ อยากให้ลองมาสัมผัสด้วยตัวเองแล้วจะรู้ว่ามันอบอุ่นมากจริงๆ
สิรา: “ขอเสริมจากที่น้องดาพูด คือรู้สึกว่าปัตตานีเป็นจังหวัดที่ไม่ได้เล็กไม่ได้ใหญ่ไปกว่าจังหวัดอื่น แต่รู้สึกว่าคนในจังหวัดมีปฏิสัมพันธ์ต่อกันหมดเลย มันจะรู้ว่าคนนี้รู้จักคนนี้แล้วเหมือนทุกคนรู้จักกัน เรารู้สึกว่าทุกคนไม่ใช่คนแปลกหน้า เราชอบที่ทุกคนเป็นคอมมูนิตี้เดียวกัน”
“ถ้าให้บอกรัก คือรักในความเงียบของปัตตานีนั้นและ ถึงจะมีช่วงให้เอ๊ะ ให้ระวังตัว แต่เราก็มั่นใจว่าความเงียบนี้ของปัตตานีนี้เป็นสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรที่ดีต่อสภาพจิตใจที่ส่งผลให้พวกเราเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ เพราะก็นึกไม่ออกเหมือนกันถ้าพวกเราไม่ได้โตในที่เงียบแบบนั้น ไปอยู่ในที่ที่วุ่นวาย เสียงดังหรือมีความเจริญกว่านี้ คือมันอาจจะฟังดูเหมือน romanticize แต่ปัตตานีมันเป็นความเงียบที่ดี เรารักในความเงียบสงบของพื้นที่ตรงนั้น”