Identity

“ปก ปกฉัตร” กับการถ่ายทอดความงามของสรีระผู้หญิงภายใต้เสื้อผ้า

 เรือนร่างตัวเองในภาพสะท้อนของกระจก มักมีส่วนของร่างกายที่เราพึงพอใจและไม่พึงพอใจกับมัน ส่วนที่ไม่พึงพอใจเราอาจมองแง่ลบและเกิดเป็นความไม่มั่นใจในตัวเอง แต่ภายใต้เรืองร่างที่ไม่สมบูรณ์ของผู้คนที่มองตัวเองเหล่านี้ มีอีกหลายคนที่มองว่ามันงดงาม และต้องการที่จะถ่ายทอดถึงความงามเหล่านั้นออกมา  

ปก - ปกฉัตร วรทรัพย์ ช่างภาพหญิงที่ถ่ายทอดความงามของสรีระผู้หญิงออกมาได้อย่างน่าค้นหา และทำให้ผู้ที่ชมผลงานของปกฉัตรรับรู้ถึงความงามในร่างกายของตัวเอง วันนี้เราชวนปก ปกฉัตรมาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวและมุมมองต่างๆ ให้ผู้คนได้รู้จักเธอมากยิ่งขึ้น

จุดเริ่มต้นการถ่ายภาพนู้ดของปกฉัตร

เส้นทางการเริ่มถ่ายภาพของปกฉัตร ใครจะคิดว่าการถ่ายภาพจะเป็นสิ่งที่ปกฉัตรชอบเป็นอันดับสอง สิ่งแรกที่อยากเรียนตอนปริญญาตรีคือ การออกแบบภายในที่ศิลปากร แต่เมื่อสอบไม่ติดจึงตัดสินใจเรียนถ่ายภาพ และเมื่อถ่ายไปเรื่อยๆ ปกฉัตรรู้สึกว่าตัวเองชอบถ่ายภาพคน จึงตัดสินใจเรียนปริญญาโทเกี่ยวกับ Fine Art และกลายเป็นจุดเริ่มต้นการถ่ายภาพนู้ดของปกฉัตร

“ปกรู้สึกว่าปกชอบถ่ายภาพคน แล้วพอถ่ายไปเรื่อยๆ สิ่งที่สวยงามของคนอยู่ภายใต้เสื้อผ้า แล้วก็ร่างกายของคนแต่ละคนก็มีความสวยงามไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นจึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจ ปกคิดว่ามันเป็นการแสดงออกถึงความเรียล ความอิสระ ความเป็นจริง ความเป็นมนุษย์ มันเป็นสัญลักษณ์การแสดงออกถึงความอิสระของมนุษย์”

เบื้องหลังก่อนลั่นชัตเตอร์

“ก่อนที่จะถ่ายภาพมันถูกคิดมาก่อนหน้านั้นแล้วว่าจะถ่ายภาพนี้เพราะอะไร ช่วงหลังที่เราทำงานมันเป็นคอนเซ็ปต์ที่เราคิดมาก่อนว่าซีรีส์นี้จะสื่อเรื่องราวอะไร เรามี 2 พาร์ทในการทำงาน ก็คืองานเป็นการแสดง ที่เป็นคอนเซ็ปต์ก้อนกลมๆ กับงานที่เป็นถ่าย ซึ่งงานสองงานนี้ต่างตรงที่มีคอนเซ็ปต์และไม่มีคอนเซ็ปต์ แต่ส่วนที่เหมือนกันคือ บทสนทนาของเราจากการกดลั่นภาพชัตเตอร์ คือเรารู้สึกว่า การได้ถ่ายรูปใครสักคน ส่วนใหญ่ปกไม่ได้ใช้นางแบบ ใช้ผู้หญิงจริงๆ คือเขาไม่ได้รู้ว่าความสวยอยู่มุมกล้องไหน เพราะฉะนั้นการที่เขารีแอคต่อหน้ากล้องหรือต่อเรามันเป็นอะไรที่เป็นธรรมชาติมาก เพราะเขาไม่รู้ว่ามุมเอวนี้เขาสวยหรือเปล่า บอดี้หรือมุมหน้าเขาสวยตรงไหน เพราะฉะนั้นมันแสดงออกถึงภาษากายที่เป็นธรรมชาติ พอได้ถ่ายเหมือนเป็นการพูด แต่พูดในเชิงภาษากาย ภาษาภาพว่าเขาจะแสดงออกแบบไหน เราจะกดและเก็บความสวยงามได้ยังไง”

“ส่วนที่เป็นงานคอนเซ็ปต์ เป็นงานที่วางแผนเพื่อจะแสดงงาน สมมติคอนเซ็ปต์ง่ายๆ ว่า เราอยากถ่ายแมวของเราเองผ่านผู้หญิงคนนึงแค่นั้น แต่เวลาที่ผู้หญิงรีแอคต่อหน้ากล้อง เขาก็จะเป็นตัวเขาเองซึ่งเราอาจมองว่าเขามีความคล้ายๆ กับแมวเรา เราจะปล่อยให้เขาแอคติ้ง เขาอยากทำอะไรก็ทำไปเรื่อยๆ แล้วเราก็คุยกับเขาว่าเป็นยังไง ชีวิตเป็นยังไง มันเหมือนการรีเสิร์ชคนเหมือนกัน ว่าคนๆ นี้เป็นคนยังไงแต่ผ่านท่าทางที่เขาสื่อเป็นภาษากายให้เราได้ถ่ายออกมาแค่นั้นเอง”

“ก่อนถ่ายภาพ ปกต้องคุยกับเขามาก่อน เพราะด้วยความที่เขาไม่ใช่นางแบบ เขาจะเขินแน่นอน คุยสัพเพเหระให้เขาเชื่อใจเราในการพูดเกี่ยวกับชีวิตและร่างกาย และเราจะถ่ายทอดออกมาผ่านการลั่นชัตเตอร์”

อินสไปเรชันในการสร้างคอนเซ็ปต์งาน

“อินสไปเรชันมาจากหลายอย่าง อาจจะเป็นหนังหรือเพลง ปกชอบจินตนาการเกี่ยวกับ Visual ในการฟังเพลง หรืออ่านหนังสือ มันส่งต่อให้กับอินสไปเรชันในการทำงาน แต่เราไม่ค่อยดูภาพถ่ายสมัยใหม่เท่าไหร่ ยิ่งแฟชั่นไม่ดูเลย เพราะว่าปกรู้สึกว่าตอนนี้เราอยู่ในช่วงเวลาของการทำซ้ำแล้ว ไม่มีใครสามารถคิดอะไรได้ใหม่นอกจาก เทคนิคเก่าๆ ที่นำมาอะแดปเป็นอินสไปเรชันหรือเป็น Reference สมัยนี้มันมีแค่เทคโนโลยีที่มันก้าวข้ามไปข้างหน้า แต่พวกเทคนิค งานศิลปะ มันผ่านพวก Masterpiece ไปหมดแล้ว มันอยู่ที่ว่าเราจะจับทางไปได้มากแค่ไหน ว่าจะทำยังไงให้มีลายเซ็นเป็นตัวเรา”

ความต่างระหว่างภาพอาร์ตกับภาพอนาจาร

“จริงๆ ภาพอาร์ทกับอนาจารมันอยู่ที่คนสื่อ คนทำว่าเขาอยากจะสื่ออะไร คือมันอยู่ในหัว คือคนถ่ายรู้อยู่แล้วว่าจะสื่อเรื่องลามกหรือความสวยงามทางด้านอื่น อีกอย่างนึงคืออยู่ที่ความคิดของคนด้วย สมมติว่าเราสื่อแบบนี้ แต่คนมองวิตถาร มันก็มองอย่างนั้นอยู่วันยังค่ำ เราก็ไปห้ามใครไม่ได้หรอก ช่างแม่ง คือดูให้เป็นบรรทัดฐานของเรา เราแสดงออกแบบนี้ คนเข้าใจมี คนไม่เข้าใจก็มี เราเข้าใจพื้นฐานธรรมชาติของคน ว่าคนเรามีความเห็นต่างแค่นั้น แล้วเราก็จะไม่ Judge ใคร แต่เราก็ดูรู้ว่าอันนี้ Positive หรือ Negative เราไม่ชอบเราก็ไม่ต้องไปดู”

งานภาพเคลื่อนไหวของปกฉัตร

“ตอนนี้ปกเริ่มมาพวกกำกับภาพเคลื่อนไหว ภาพที่เกี่ยวกับเพลง Music Video ซึ่งมันน่าสนใจ พัฒนาความคิดไปได้อีกสเต็ปนึง เพราะภาพเคลื่อนไหวมันก็คือ การที่นำภาพนิ่งมาต่อกัน ซึ่งเวลาปกทำภาพเคลื่อนไหวมันก็คือเบสของภาพนิ่ง เพราะปกไม่ได้ถูกสอนมาด้วยเทคนิคของพวกเด็กเรียนฟิล์มหรือภาพยนตร์ เพราะฉะนั้นภาพเคลื่อนไหวของปกคล้ายๆ มุมมองภาพถ่ายที่มีมูฟเมนต์”

“ในภาพเคลื่อนไหวเราไม่ได้อยู่ในจุดที่เราไปถ่าย เราเป็นคนกำกับ เพราะฉะนั้นภาพในหัวของเรา เราจะต้องหาช่างภาพที่ลิงก์กัน เพื่อตอบสนองภาพที่เรามองและต้องการนำเสนออกมาให้มากที่สุด เราเคยลองถ่ายภาพเคลื่อนไหวแล้ว เราต้องเรียนรู้อีกเยอะ เพราะด้วยความที่กล้องภาพเคลื่อนไหวมันไปไกลมากๆ แล้ว ซึ่งเราเหมาะกับการที่เราคิดสตอรี่มาแล้วเราวาง Mood & Tone ของภาพ แล้วให้ช่างภาพไปทำการบ้านต่อว่า มุมนิ่งๆ แบบนี้ ด้วยเรื่องและแบบนี้ เขาควรจะมีมูฟเมนต์ยังไง เพราะการถ่ายภาพเคลื่อนไหวมันเป็นอีกศาสตร์นึง อีกโลกนึงซึ่งยากมาก”

ปกฉัตรในฐานะอาจารย์มหาวิทยาลัย

“ตอนนี้ปกเป็นอาจารย์พิเศษของลาดกระบัง ซึ่งปกสอนแค่วิชาเดียวคือ Fine Art Photo น่าเสียดายที่ Fine Art Photo เป็นวิชาที่สำคัญมากๆ แต่ระบบการศึกษาเลือกให้มาเรียนแค่เทอมเดียว หวังว่าในอนาคตจะมีวิชานี้ไม่ใช่แค่วิชาเลือก แต่เป็นวิชาที่แบบต้องเรียนเลย เพราะว่า Fine Art เกี่ยวกับเรื่องความคิด คอนเซ็ปต์ การวางแผนการทำงานศิลปะมันสำคัญกับคนที่ทำงานเรื่องครีเอทีฟทั้งหมด ถ้าเรารู้เบสของลัทธิต่างๆ ในงานศิลปะหรือเรารู้วิธีความคิด มันก็อาจจะมีอะไรอะแดปเข้ามาให้งานมันมี Aesthetic หรือความสวยงามมากขึ้นกว่าเดิมเยอะ ที่ไม่ใช่ดูช่างภาพคนนี้มาสัก 2 เซต แล้วก็เอามาทำงาน”

“เวลาปกสอน เข้าใจว่านักศึกษาสามารถหาอินสไปเรชันจากงานอื่นได้ แต่เราจะอะแดปยังไงให้ไม่ใช่ก็อปปี้ พอดูปุ๊บได้อินสไปเรชันมาจากอาร์ทติสคนนี้ ศิลปะอันนี้ มันควรจะต้องใส่คอนเซ็ปต์หรือแนวความคิดอะไรของเราลงไปด้วย ไม่ใช่แค่การก็อปมา”

เคยถ่ายภาพนู้ดผู้ชายไหม?

ผลงานของปกฉัตรที่ผ่านมา เราอาจไม่ค่อยได้เห็นตัวแบบที่เป็นผู้ชายมากนัก เกือบทั้งหมดของผลงานงานปกฉัตรมักมีแต่ภาพนู้ดของผู้หญิง เราจึงสงสัยและถามไปว่า “ทำไมถึงไม่ชอบถ่ายภาพนู้ดผู้ชาย?”

“เรารู้สึกว่าร่างกายผู้ชาย หรือ Emotional ในการถ่าย มันไม่ค่อยมีความสวยงามแบบที่เราอยากเห็น มันมีแต่ความแบบแข็งแกร่ง สมมติเปรียบผู้ชายเป็นเส้นคงเป็นเส้นตรงทึบ เป็นเส้นเล็ก เส้นใหญ่ มันไม่มีความเป็นคลื่นเป็นอะไรเหมือนกับแบบผู้หญิง มันมีความสวยงามในระบบร่างกาย ความสวยงามของผู้ชายสำหรับเราเป็นเหมือนความพึงพอใจในร่างกายของเรา แต่พอเป็นผู้หญิงจะมีความสวยงามบางอย่างทางด้านสายตา สัมผัสนำกว่า พอเวลาถ่ายผู้หญิงเราสามารถดึงตรงนั้นออกมาได้มากกว่า ผู้ชายถ่ายส่วนใหญ่เป็นความเท่ ความเจ๋ง แต่จริงๆ เราก็ถ่ายเกย์แล้วก็ Transgender เรารู้สึกมีความเป็นผู้หญิงอยู่ในนั้น พอถ่ายเรามองออกเลยว่ามันมีความน่าสนใจตรงนี้กว่าผู้ชายจริงๆ”

มุมมองเรื่องเพศกับสังคมไทยในปัจจุบัน

“เรื่องเพศในสังคมอยู่ที่ดุลพินิจ ความถูกไม่ถูกของแต่ละคนขึ้นอยู่ว่าถูกสอนมายังไง มันอยู่ที่ความ Dark Side ของแต่ละคน ความเปราะบางของแต่ละคนว่ามันไปสุดที่ไหน แต่พวกนี้คือต้องอยู่ในบรรทัดฐานที่ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนด้วยนะ เราอาจจะเดินทางสายกลาง คนเราจริงๆ เป็นสีเทา ทางสายกลางคือเราจะอะแดปขาวสุดกับดำสุดให้มันเข้ากับชีวิตเราได้อย่างไร เดินทางสายกลางนะแต่เป็นทางสายกลางของเรา อาจจะแบบชั่วไปแล้ว 95 อีก 5 เปอร์เซ็นเป็นคนดี เราก็จะถือว่าเราเป็นคนดีเพราะว่า 95 เปอร์เซ็นมันอยู่ในลึกๆ ไง ไม่มีใครรู้ (หัวเราะ)”

การถ่ายภาพที่ตื่นเต้นและท้าทายที่สุด

“สำหรับเรานะ เราตื่นเต้นทุกรอบ เพราะว่าส่วนใหญ่เราจะถ่ายคนไม่ค่อยซ้ำกัน ซ้ำกันบ้าง ซ้ำกันก็มีแต่อาจจะเป็นช่วงที่เขาเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างของชีวิต เพราะฉะนั้นมันจะมีอะไรที่น่าตื่นเต้น อยากรู้อยากเห็น อยากเสือกเรื่องของเขาทุกรอบ (หัวเราะ) อย่างเช่น ถ่ายกับผู้หญิง 4-5 คน ในงานใต้น้ำที่ไปแสดงที่ญี่ปุ่น อันนั้นก็สนุก ทุกครั้งสนุกหมด มันก็ท้าทายหมดทุกรอบ เพราะว่ามันเป็นการพูดคนละเรื่องกัน มันแค่เป็นการพูดผ่านภาพถ่ายของเรา เป็น Mood & Tone ของเรา”

เปรียบการถ่ายภาพของเรากับหนังสักเรื่องนึง

“หนังเรื่อง The Virgin Suicides ของ Sofia Coppola เพราะว่าหนังของ Sofia เขาจะให้ความสำคัญของผู้หญิง เป็นหนังเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมของวัยรุ่น 14-15 ปี เป็นความสวยงามของวัยรุ่นช่วงอายุที่ไม่ต้องคิดอะไรมาก นอกจากเรียน มีความรัก แล้วก็กฎระเบียบของพ่อแม่ หนังเรื่องนี้แสดงถึงความสวยงามของวัยกระเตอะ วัยแรกแย้ม ภาพของมันคล้ายๆ กับสิ่งที่ปกกำลังพูดอยู่ อิสระในร่างกายของคน แต่หนังเรื่องนี้จะเห็นได้ชัดกว่า มันจะมีการเคลื่อนไหว การจับที่มันแสดงออกถึงโลกส่วนตัวของสาวๆ ในตระกูล Lisbon มันแสดงภาพออกมาได้น่าค้นหา เต็มไปด้วยจิตนาการต่างๆ นานา แล้วเกี่ยวกับเรื่องความต้องการทางเพศด้วยนะ มีการเล่นลูกเล่นที่สวยงาม”

 

Photo Credit: THEREALMEGANFOX

โปรเจคที่กำลังมีขึ้นเร็วๆ นี้

“โปรเจก SELFPRESSION เป็นโปรเจคที่เขารวบรวม 100 ช่างภาพในประเทศไทยให้แสดงออกเกี่ยวกับตัวเอง ซึ่งภาพของปกจะเป็นรูปปกนั่งอยู่ตรงกระจก แล้วมีโทนี่ (แมว) มองอยู่ มันคือการถ่ายตัวเองกับสิ่งที่สนใจอยู่ก็คือแมว แล้วปีนี้อาจมีงานแสดงเดี่ยวด้วย ซึ่งเป็นงานที่แปลกออกไป อาจจะไม่ใช่ภาพที่วาง อาจเป็นหนังสือเลย และอาจจะมีงานเดี่ยวที่เชียงใหม่ ไปถ่ายนู้ดบนดอย พวกโรงฝิ่น แต่ต้องดูก่อนไม่รู้จะทำได้หรือเปล่าเพราะโควิด”

“ตอนนี้ทำเกี่ยวกับเรื่องภาพเคลื่อนไหว และเพลงมากขึ้น มีดูแล Visual ของวงที่เขาชอบในงานเรา และล่าสุดพึ่งกำกับ MV เพลง ฉันจะทำเพื่อเธอ ของ SIN”

ระหว่างการพูดคุยอย่างสนุกสนานกับปกฉัตร เราจะเห็นได้ว่าการถ่ายภาพนู้ดไม่ใช่แค่การถ่ายเพียงเท่านั้น แต่การถ่ายถูกคิดผ่านคอนเซ็ปต์เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวของเรือนร่างออกมาได้อย่างดีที่สุด และการทำงานในพาร์ทภาพเคลื่อนไหว ถึงแม้จะเป็นเรื่องมือใหม่ แต่ปกฉัตรพยายามเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้ผลงานทุกอย่างที่เธอทำออกมาได้อย่างดีที่สุด

ติดตามและอัตเดตผลงานของปกฉัตรได้ที่ queen_pokkachat