Life

เสวศึกษา | PART 2: การช่วยตัวเองคืออะไร? ยาคุม ถุงยาง แบบไหนเหมาะกับเรา?

‘เซ็กซ์’ เป็นสิ่งที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละมุมมอง บางคนเปิดกว้าง แต่ก็มีบ้างที่ขัดเขิน การนิยามความหมายของมันจึงยังคงเป็นเรื่องปัจเจก สามารถเป็นได้ทั้งประสบการณ์อึ้ง ทึ่ง เสียว กิจกรรมกระชับสัมพันธ์ระหว่างคู่รัก การสร้างเลือดเนื้อเชื้อไขเป็นของตัวเอง หรือบางคนอาจจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้มาก่อน อย่างไรก็ตาม เราทุกคนต่างเคยได้ยินเรื่องเซ็กซ์ ขึ้นอยู่กับว่ามีความเข้าใจหรือได้ทำความรู้จักกับมันมากน้อยแค่ไหนก็เท่านั้น ในวันนี้ EQ จึงจะชวนทุกคนมาเปิดมุมมองเรื่องเซ็กซ์หรือเพศสัมพันธ์กันอย่างเปิดใจ ไม่มีหมกเม็ด เริ่มตั้งแต่การยอมรับตนเอง ไปจนถึงขั้นตอนการปฏิบัติจริง

การสำรวจตัวเอง – ก้าวแรกที่จะนำไปสู่ความสุขทางเพศ

บนเส้นทางการค้นหาความชื่นชอบทางเพศ นับเป็นเรื่องทั่วไปที่จะมีการใช้สื่อต่างๆ เป็นตัวช่วย ไม่ว่าจะเป็นหนังโป๊ ภาพวาบหวิวในนิตยสาร การ์ตูนและนิยายอีโรติก ฯลฯ สื่อเหล่านี้ไม่ต่างจากสื่อทั่วไปที่มีทั้งดีและไม่ดี ชอบและไม่ชอบ ซึ่งก็เป็นเรื่องปัจเจกอีกเช่นกัน ดังนั้น สิ่งที่จะช่วยตัดสินก็คือความรู้สึกขณะที่กำลังเสพสื่อนั้นๆ ถ้าหากว่ามันก่อให้เกิดความรู้สึกที่ไม่ดี อึดอัดใจ ไม่มั่นใจ หรือไม่คลิก สื่อประเภทนั้นก็ไม่ใช่สำหรับเรา แต่ในทางกลับกัน ถ้ามันช่วยให้เรารู้สึกดี ไปถึงฝั่งฝันได้ง่ายขึ้น หรือถูกจริต กิจกรรมที่อยู่ในสื่อก็บ่งบอกได้ถึงรสนิยมของเรา ซึ่งสามารถนำจุดนี้มาอ้างอิงถึงสิ่งที่อยากปฏิบัติกับคู่รักหรือคู่นอนได้เช่นกัน

อนึ่ง ร่างกายของเราทุกคนมีความแตกต่างกัน มีความชอบที่ไม่เหมือนกัน สิ่งที่เวิร์กสำหรับคนหนึ่งก็อาจจะไม่ใช่สำหรับอีกคน การพูดคุยและสร้างข้อตกลงก่อนจะมีเซ็กซ์จึงเป็นอีกเรื่องที่ควรทำอยู่เสมอ นำมาซึ่งหัวข้อถัดไปของบทความนี้

Consent น้้นสำคัญไฉน – ก็คงต้องตอบว่า ‘สำคัญมาก’

‘Consent’ หรือ ‘การยินยอม’ ในบริบทของเรื่องเพศ คือการที่คนทั้งสองฝ่าย (หรือมากกว่านั้น) ยินยอมพร้อมใจที่จะมีเซ็กซ์ร่วมกัน ภายใต้ข้อตกลงที่สร้างกันเอาไว้ ซึ่งการขอความยินยอมนั้นเป็นสิ่งที่ควรทำทุกครั้ง ต่อให้มีความสัมพันธ์ฉันท์คู่รักหรือเคยมีเซ็กซ์กันมาก่อนแล้วก็ตาม ถ้าอีกฝ่ายไม่ตกลง หรืออยากยกเลิกขึ้นมากลางคันก็ควรหยุดการกระทำเอาไว้ เพราะความรู้สึกของคนเราสามารถเปลี่ยนไปได้ทุกเมื่อ การเคารพการตัดสินใจของอีกฝ่ายจึงเป็นเรื่องสำคัญ

เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่ามีการยินยอมจริงๆ การถามถึงความพร้อมก่อนทุกครั้งก็ถือว่าจำเป็น อย่างไรก็ตาม การให้ความยินยอมนั้นอาจจะไม่ใช่การตกลงหรือชักชวนด้วยคำพูดตรงๆ เราจึงควรจะคำนึงถึงลักษณะการสื่อสารของอีกฝ่ายว่าแบบไหนคือการอนุญาตให้ไปต่อ เช่น สำหรับคนที่ขี้อายและไม่กล้าพูด หากมีการตกลงกันเอาไว้ว่าเวลายินยอมให้ทำแบบไหน (เช่น พยักหน้า) ก็ถือว่าเป็นไฟเขียว ถึงอย่างนั้นก็ควรสังเกตหน้าตา ท่าทาง และภาษากายของอีกฝ่ายด้วยว่าตกลงตามที่พูดจริงหรือไม่ เนื่องจากบางคนอาจฝืนตัวเองเพื่อความพึงพอใจของผู้อื่น การบอกว่าโอเค ไม่เอ่ยห้าม ไม่ขัดขืน มีปฏิกิริยาตอบสนองทางร่างกาย (เช่น อวัยวะเพศชายแข็งตัว หัวนมตั้ง) หรือเปิดเผยเนื้อตัวจึงไม่ได้หมายถึงการยินยอมพร้อมใจเสมอไป นอกจากนี้ หากมีการยินยอม แต่อีกฝ่ายอยู่ในสภาพที่เมามาย สติสัมปชัญญะไม่ครบถ้วน การยินยอมนั้นก็ถือเป็นโมฆะ

การแสดงออกถึงการไม่ยินยอมเองก็มีอยู่หลากหลายวิธี ซึ่งการสื่อสารอย่างตรงไปตรงมานั้นถือว่าชัดเจนที่สุด อย่างเช่นการพูดว่า “ขอเวลาก่อนได้ไหม” “วันนี้เราไม่ค่อยพร้อม ขอนอนกอดเฉยๆ ได้ไหม” “วันนี้ไม่มีอารมณ์เลย เหนื่อยแล้ว ไว้เรามาทำกันวันหลังนะ” ฯลฯ ขอให้ทุกคนท่องจำเอาไว้เสมอว่า คู่รักและคู่นอนที่ดีจะเคารพในการตัดสินใจ ไม่เซ้าซี้หรือตื๊อให้ทำในสิ่งที่ไม่ต้องการ แม้จะเป็นแค่การจับมือหรือแตะเสื้อผ้า หากไร้ความยินยอมก็ไม่ควรทำทั้งนั้น ถ้าหากว่าอีกฝ่ายขืนใจหรือบังคับ เซ็กซ์ทั่วไปจะกลับกลายเป็นอาชญากรรม ไม่ว่าความสัมพันธ์จะเป็นอย่างไรก็ตาม คู่สมรสทางกฎหมายก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

‘แล้วถ้าเราเป็นฝ่ายถูกปฏิเสธเสียเองล่ะ?’ คำถามนี้คงจะผุดขึ้นมาในใจของใครหลายๆ คน ซึ่งประโยคต่อไปนี้ไม่ใช่คำปลอบใจ แต่คือความจริงที่ว่า การปฏิเสธนั้นไม่ได้หมายถึงการที่อีกฝ่ายไม่รัก หรือไม่มองว่าเราน่าดึงดูด สาเหตุที่นำไปสู่การปฏิเสธมีอยู่หลากหลายอย่างด้วยกัน เช่น เพิ่งพบเจอกับเหตุการณ์ที่ทำให้รู้สึกเสียใจ โกรธ เหนื่อย หรือร่างกายไม่พร้อม ซึ่งอาจจะไม่เกี่ยวกับเราเลยก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม ถ้าหากว่าการปฏิเสธนั้นกระทบกระเทือนต่อจิตใจของเรา การสื่อสารออกไปให้อีกฝ่ายได้รับรู้ถึงความรู้สึกก็เป็นสิ่งที่สามารถทำได้เช่นกัน ทั้งนี้ก็เพื่อให้เกิดการเข้าใจกันและกันมากขึ้น ไม่ใช่การพูดเพื่อให้เกิดความรู้สึกผิดและยอมมีเซ็กซ์ด้วยในที่สุด

Safe Sex ไว้ก่อน ปลอดภัยที่สุด

เมื่อกล่าวถึงหัวข้อนี้แล้ว ปราการชิ้นสำคัญที่ขาดไปไม่ได้ก็คือถุงยางอนามัย เพราะนอกจากจะลดความเสี่ยงในการตั้งครรภ์แล้ว ยังสามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย ข้อดีของมันคือความสะดวก มีหลากหลายขนาดและรูปแบบให้เลือก สามารถใช้สิทธิบัตรทองรับฟรีได้จากแอปฯ เป๋าตังและหน่วยบริการต่างๆ แถมยังไม่มีผลข้างเคียง ยกเว้นในกรณีที่เกิดอาการแพ้ วิธีการใช้เองก็ง่ายแสนง่าย

เพื่อให้ถุงยางอนามัยคงประสิทธิภาพเอาไว้และถูกใช้อย่างถูกต้อง ข้อควรปฏิบัติก็คือ

  1. ก่อนที่จะทำการซื้อ ควรวัดขนาดของอวัยวะเพศชายว่าเหมาะสมกับถุงยางอนามัยไซซ์ไหน หรือหากไม่แน่ใจ ควรซื้อขนาดที่คาดเดาว่าใกล้เคียงมาลองสวม หากไม่หลวมหรือรัดแน่นเกินไปก็ถือว่าใช้ได้
  2. ไม่เก็บถุงยางอนามัยในสถานที่ที่สามารถเกิดการเสียดสีและเสี่ยงต่อการขาดได้ เช่น กระเป๋าดินสอ หรือ ใกล้ของมีคม
  3. ไม่เก็บถุงยางอนามัยในสถานที่ที่มีความร้อนสูง เช่น กระเป๋าสตางค์ กระเป๋ากางเกง คอนโซลรถ ฯลฯ เนื่องจากประสิทธิภาพของตัวยางจะเสื่อมลง
  4. ควรเช็กวันหมดอายุและความสมบูรณ์ของซองก่อนใช้งานอยู่เสมอ ถ้าหากซองชำรุด มีรอยขาด หรือมีรูก็ไม่ควรใช้
  5. เวลาที่ฉีกซอง ควรดันถุงยางอนามัยให้อยู่ติดขอบใดขอบหนึ่ง แล้วจึงฉีกอย่างระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการใช้เล็บหรือฟัน เนื่องจากอาจเสี่ยงต่อการขาดได้
  6. ควรสวมใส่ตอนที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยบีบตรงกระเปาะที่ปลายถุงยางอนามัยเพื่อไล่ลมด้านในออก วางลงบนส่วนหัวของอวัยวะเพศชาย แล้วจึงรูดลงจนสุดโคน หากไม่มีการไล่ลมก่อน ถุงยางอนามัยอาจฉีกขาดระหว่างการทำกิจกรรมได้
  7. เมื่อเสร็จกิจแล้ว ให้รูดถุงยางอนามัยออกในขณะที่อวัยวะเพศยังคงแข็งตัว ผูกมัดเป็นปมไม่ให้อสุจิรั่วไหล แล้วจึงทิ้งลงถังขยะตามปกติ
  8. หากต้องการใช้นิ้วหรือใช้ปาก ถุงยางอนามัยสำหรับสวมนิ้วหรือ Oral sex เองก็มีวางขายเช่นกัน สามารถใช้ถุงยางอนามัยสำหรับอวัยวะเพศชายแทนได้ แต่ถ้าจะนำมาตัดเป็นแผ่นเพื่อใช้สำหรับ Oral sex ควรตรวจเช็กให้แน่ใจว่าไม่มีสารฆ่าเชื้ออสุจิ เนื่องจากอาจก่อให้เกิดการระคายเคือง

อย่างไรก็ตาม ถุงยางอนามัยนั้นสามารถป้องกันการตั้งครรภ์และโรคติดต่อได้ 87-98% เท่ากับว่าความเสี่ยงลดน้อยลง แต่ไม่ได้หายไปโดยสมบูรณ์ เพราะมันไม่สามารถป้องกันโรคที่ติดจากการสัมผัสบางชนิดได้ เช่น หิด เริม โลน หูดหงอนไก่ ฯลฯ ดังนั้น การตรวจโรคเป็นประจำทุกปีจึงเป็นเรื่องสำคัญ หรืออาจบ่อยกว่านั้นหากมีคู่นอนหลายคน

ถ้าหากว่าไม่มีความจำเป็นต้องป้องกันโรค ตัวเลือกของวิธีการคุมกำเนิดก็ยังมีอีกเยอะแยะมากมาย หนึ่งในวิธียอดฮิตก็คือการทานยาคุมกำเนิด ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป และมีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ ยาคุมกำเนิดชนิดเม็ดจะทำการปรับระดับฮอร์โมน ส่งผลให้ไม่มีการตกไข่ อสุจิจึงไม่มีไข่ให้ผสม และหน้าที่หลักของฮอร์โมนสังเคราะห์ในยาคุมกำเนิดก็คือ :

  1. รบกวนการสื่อสารระหว่างรังไข่กับสมองส่วน Hypothalamus และต่อม Pituitary เพื่อหยุดการตกไข่
  2. ทำให้มูกตรงปากมดลูกมีความข้นหนืดมากขึ้น อสุจิจึงไม่สามารถว่ายไปหาไข่ในมดลูก
  3. ทำให้เยื่อบุมดลูกไม่สามารถก่อตัวได้ ถึงแม้ว่าไข่จะผสมตัวกับอสุจิ มันก็ไม่สามารถฝังตัวและพัฒนาเป็นตัวอ่อนได้

บางคนอาจจะติดภาพจำว่ายาคุมกำเนิดมีความซับซ้อน ทานยาก แต่ในความจริงแล้วไม่เป็นเช่นนั้น เราสามารถจำได้ง่ายๆ ว่า ยาคุมกำเนิดชนิดเม็ดมีอยู่ 2 รูปแบบ แผงละ 21 หรือ 28 เม็ด โดยให้ทานวันละ 1 เม็ดในเวลาเดิมทุกวันจนกว่าจะหมดแผง ซึ่งแบบ 28 เม็ดนั้นคือยาคุมกำเนิดปกติ เพียงแค่มีเม็ดแป้งเพิ่มเข้ามาในแผงจำนวน 7 เม็ด มีไว้เพื่อไม่ให้ขาดช่วง ช่วยให้ไม่ลืมทานยาในเวลาเดิมระหว่างที่หยุดยาช่วงมีประจำเดือนเท่านั้น เพราะการทานให้ตรงเวลาสำคัญมากต่อการคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพ ส่วนวิธีการเริ่มทานยาคุมกำเนิดเป็นครั้งแรกก็คือ เริ่มทานในวันแรกที่มีประจำเดือน หรือไม่เกินวันที่ 5 นับตั้งแต่วันแรกที่มีประจำเดือน ถ้าหากเริ่มทานยาหลังจากนั้น ควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์เป็นเวลา 7 วัน หรือใช้วิธีการคุมกำเนิดอย่างอื่นร่วมด้วย

ถ้าหากไม่แน่ใจว่าตนจะมีวินัยมากพอ เราก็สามารถเลือกวิธีการคุมกำเนิดอื่นๆ ได้ เช่น

  1. แผ่นแปะคุมกำเนิด (ระยะการใช้งาน 1 สัปดาห์)
  2. วงแหวนคุมกำเนิด (ระยะการใช้งาน 3 สัปดาห์)
  3. ยาคุมกำเนิดชนิดฉีด (ระยะการใช้งาน 1 หรือ 3 เดือน แล้วแต่ชนิดที่เลือกฉีด)
  4. ยาฝังคุมกำเนิด (ระยะการใช้งาน 3-5 ปี)
  5. ห่วงคุมกำเนิด IUD - Intrauterine Device (ระยะการใช้งาน 3-10 ปี)
  6. ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ต้องทานภายในระยะเวลา 48-72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์

อีกสิ่งหนึ่งที่ควรจดเอาไว้สำหรับผู้ที่มีอวัยวะเพศหญิง คือการปัสสาวะทุกครั้งหลังจากมีเซ็กซ์ นั่นก็เพราะท่อปัสสาวะสามารถเกิดการติดเชื้อได้ง่าย หากพบเข้ากับแบคทีเรียแปลกปลอมจากการมีเพศสัมพันธ์ การปัสสาวะจะช่วยขับเอาเชื้อแบคทีเรียและสารคัดหลั่งต่างๆ ออกจากบริเวณท่อปัสสาวะ มันจึงช่วยป้องกันภาวะกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้นั่นเอง

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้จะสังเกตได้ว่า ตั้งแต่ขั้นตอนการสำรวจตัวเอง การขอและให้ความยินยอม มาจนถึงการมีเซ็กซ์อย่างปลอดภัย ล้วนต้องใช้เวลาในการค้นหา ศึกษา และเข้าใจ มันจึงไม่เป็นไรเลย หากรู้สึกว่ายังไม่พร้อม หรือต้องการเวลามากกว่านี้ในการค้นหาเซ็กซ์ที่ใช่ วิธีที่ชอบ ถ้าใครพร้อมแล้ว ทางเราขอให้คุณโชคดีและมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมกับความสุขทางเพศที่ได้เลือกด้วยตนเอง