Identity

‘Solitude Is Bliss’ การทำวงแบบสบายใจ เพื่อใส่ Bliss ลงไปในทุกจังหวะ

~จบไปแล้วกับ ‘Head to Toe’ ทัวร์ดนตรีเหนือจรดใต้ของ ‘Solitude Is Bliss’ วงอัลเทอร์เนทีฟร็อคจากเชียงใหม่ที่หลายๆ คนรู้จักกันดีจากดนตรีที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และการแสดงระดับปรมาจารย์ที่สั่งสมมาจากการแหวกว่ายในทะเลอัลเทอร์เนทีฟกว่า 11 ปี ตั้งแต่อีพีอัลบั้ม Montage ซึ่งมีเพลง ‘Vintage Pic’  เป็นตัวแทนของความไร้เดียงสา ดึงอารมณ์แฟนเพลงให้ส่งเสียงร้องดังสนั่นทุกครั้งที่ได้ดูการแสดงสด จนมาถึงอีพีอัลบั้มล่าสุด ‘Such A Vast Sea’ กับการ back to basic ในเรื่องของการผลิตผลงาน แต่ยังคงความขลังในเรื่องมิติของ sound design เช่นเดิม

~วันนี้ EQ มีโอกาสได้บุกไปถึงฐานทัพของวงที่เชียงใหม่เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับแนวคิด ชีวิตและการทำงานทดลองดนตรีแบบใหม่ รวมไปถึงประสบการณ์ที่ได้รับจากการทัวร์ในที่ใหม่ๆ และความหวังที่จะเห็นดนตรีของตัวเองเติบโตในที่ที่พวกเขาเรียกว่าบ้าน

แนวเพลงของ Solitude Is Bliss ณ ปัจจุบัน คือแนวอะไร?

ปอนด์ : ก็ยังเป็นอัลเทอร์เนทีฟเป็นวงมีทางเลือก เรายังไม่กำหนดทิศทางที่ชัดเจนว่าเป็นดนตรีแนวไหนเป็นหลัก แต่เราก็ลองผิดลองถูกจากหลายๆ เพลงเอามายำรวมกัน แต่หลักๆ ก็คือ alternative rock 

อัลเทอร์เนทีฟแบบ Solitude Is Bliss เป็นแบบไหน?

เฟนเดอร์ : น่าจะเป็นความที่เราจะทำงานชิ้นใหม่โดยการเอาความสนใจแนวเพลงที่เราฟังวนๆ ช่วงนั้นมาทดลองใส่ในงานตัวเอง มันก็เลยเป็นจุดแข็งของวงที่เราตั้งไว้ว่ามันเป็นอัลเทอร์เนทีฟ ไม่ได้กำหนดแนวต่างๆ ตั้งแต่แรก มันเลยเปิดกว้างสำหรับการที่จะเอาแนวทางใหม่ๆ มาลองผสมกันดู

ปอนด์ (คีย์บอร์ด) Solitude Is Bliss

Solitude Is Bliss เป็นวงฟังง่ายไหม?

เฟนเดอร์ : ถ้าเป็นสิ่งเราฟังอยู่แล้ว ไม่ได้ถือว่าฟังยาก แต่เท่าที่เราเข้าใจคือในไทย มันก็อาจจะเป็นอะไรที่ฟังยากในครั้งแรก ต้องไปซ้ำรอบสองรอบสาม แล้วแต่บางคนนะ บางคนฟังรอบเดียวก็เห้ย เพลงไรวะ

มีคนเคยมาบอกไหมว่าแบบ โห่พี่ วงพี่แม่งฟังยากว่ะ?

เฟนเดอร์ : ก็จะเป็นคนที่ไม่ได้เป็นแฟนเพลง มีบางคนที่รู้จักกันที่เขาไม่ได้ฟังเพลงแนวนี้อยู่แล้ว พอเขาบอกว่าฟังยาก เราก็อยากจะตอบว่า ‘เพลงที่นายฟัง เราก็ฟังยากเหมือนกัน’ มันยากคนละแบบ พอด้วยการทำงานออกมาในแต่ละอัลบั้มมีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนเรื่องของซาวด์ดีไซน์เรื่องของกระบวนการคิด แต่ในภาพรวมของโชว์สุดท้ายก็ต้องกลับไปเล่นเซ็ทเพลงเก่าๆ

มันมีเพลงที่เบื่อต้องเล่นเพลงนี้ไหม แต่ไม่เล่นก็ไม่ได้ มีเพลงแบบนั้นไหม?

เฟนเดอร์ : มีแหละ มันมีอยู่แล้ว แต่มันก็จะ… ชงมาให้เข้มเลยนะเนี่ย(หัวเราะ) มันก็จะมีอยู่ 2 แบบ ที่แบบว่าเราไม่อินกับมันแล้วจริงๆ พูดในมุมของเรา แต่มันเกิดจากมติวง เราก็รู้สึกว่าเพลงนี้เล่นแล้วมันไม่ได้จอย เพลง Sex เพลง Wanderer Land มันก็ไม่เชิงว่าเกลียด มันแค่ไม่ได้จอยเอเนอร์จี้เฉยๆ

เห็นว่าวงเคยทำเพลงชื่อ ’ขยะ’ แต่ถูกทิ้งไปเพราะมันขยะสมชื่อ มันขยะยังไง? 

เบียร์ : อันนี้ต้องให้เฟนเดอร์เล่า มันความเหนียมอายอยู่อะไรบางอย่าง 

เฟนเดอร์ : มันคือเพลงผมใช่ป้ะ?(หัวเราะ) มันแค่ใช้ไม่ได้อะ เราเล่นแบบประชด ประชันกับมันโดยทำให้มันกลายเป็นเพลงขยะจริงๆ เหตุผลมันก็อยู่ในตัวของมันเอง ก็ใช้ต่อไม่ได้ 

แต่ถ้ามันขยะจริงๆ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้วไม่ใช่หรอครับ? 

ทุกคน : 55555555555555555

เฟนเดอร์ : ไม่รู้ดิ คือถ้าพูดถึงเพลงขยะแล้วมันเป็นเพลงที่ดีก็ได้ แต่เป็นการจับคู่กันที่อย่าให้มันไปต่อเถอะ 

แสดงว่ามี demo ที่โดนทิ้งเยอะเหมือนกันใช่ไหมครับ? 

เบียร์ : บางเพลงก็รู้สึกว่าอยากเอามาทำอยู่บ้าง ก็มี อาจจะเป็นโบนัสแทรคก็ได้ 

เฟนเดอร์ : คอมโพสิชั่นไม่สมบูรณ์ในตัวมันเอง เนื้อเพลงครุมเครือ ไดเร็คชั่นมันไม่เข้ากับเพลงที่เหลือ  พอไม่ได้ใช้ก็กลายเป็นหน้าตาแบบอื่น เอาไปใช้ในรูปแบบอย่างอื่น น้อยมากที่แบบไม่ใช้เลย น่าจะเรื่องของจังหวะเวลาด้วย อาจจะยังใช้ไม่ได้ตอนนี้ ยังตกผลึกไม่พอในการพัฒนาซาวน์ดีไซน์ของมัน

Kgreen พี่เบียร์​จะทำต่อหรือเปล่าครับ? 

เบียร์ : ช่วงนี้ยังไม่มีไอเดีย แต่ก็มีแพลนคร่าวๆ เหมือนกัน บางทีมันก็มีแว้บๆ ที่เราทำสักหน่อยดีไหม แต่ยังสับสนกับตัวเองอยู่ก็เลยพักไปก่อน แล้วมาเต็มที่กับ Solitude 

คิดว่า 11 ปีที่ผ่านมา โตขึ้นหรือเปลี่ยนแปลงจากเดิมขนาดไหนครับ?

เฟนเดอร์ : ถามสมาชิกใหม่เลยละกัน

อาร์ท : ผมเข้ามา 2 ปีที่แล้ว น่าจะเริ่มปีที่ 9 ก็มาจากการเป็นแฟนเพลงเหมือนกันครับ เห็นพี่ๆ มาตลอด สำหรับตัวผม ผมก็พยามตามพี่ๆ อยู่เหมือนกัน ยังมีหลายๆอย่างที่ยังไม่ทัน หรือยังไม่ถึงเขา ก็พยามบิ้วตัวเองให้มันไปให้ทันกับทุกคนด้วย 

แล้วความยากของการที่มาตามทีหลังมันคืออะไรหรอครับ? 

อาร์ท : ก็ถ้าเรื่องเอเนอร์จี้ลื่นไหลไปได้ครับ แต่เรื่องเทคนิคเล็กน้อยบางอย่างก็ต้องปรับให้มันเข้ากับวงมากขึ้น มันจะเป็นส่วนบางส่วนเล็กๆ รายละเอียดเรื่องความเข้ากัน 

พี่โด่งรู้สึกยังไงบ้างครับ ได้ร่วมงานกับน้องอาร์ท?

โด่ง : หืม ผมก็…

อาร์ท : ดีๆ นะ(หัวเราะ)

โด่ง : คืออาร์ทผมก็เจอมาอยู่ก่อนแล้ว ผมเล็งไว้อยู่แล้ว คิดว่าเราเข้ากันค่อนข้างง่าย ไม่ต้องพูดอะไรมาก

แล้วชอบอะไรในตัวอาร์ท?

โด่ง : ชอบความที่บางทีที่เราเล่นเราก็ไม่ต้องพูดอะไรมาก บางทีเรามีลูกที่เราเล่นไปเรื่อยแล้วมันตรงกัน เราก็จะยิ้ม มันมีเยอะอะไรแบบนี้ ตามกันแบบเสี้ยววินาทีทันตลอด

อาร์ท (กลอง) Solitude Is Bliss

ความหมายที่ซ่อนอยู่บนปก Such A Vast Sea คืออะไร?

เฟนเดอร์ : จริงๆ ชื่อคอนเซปต์มันมาก่อน แล้วมันมาพร้อมกับวิธีการทำงานใหม่ เราต้องการทดลองแนวคิดวิธีการทำงานใหม่ เรารู้สึกว่ามันเป็นทะเลที่กว้างเหลือเกิน เหมือน material ที่เราเอามาใส่ วิธีปฏิสัมพันธ์กันในห้องซ้อมมันก็ต่างกันออกไป เราก็ไม่รู้ว่ามันจะไปจบกันตรงไหน มันรู้สึกเหมือนเรากระโดดลงทะเลพร้อมกัน 5 คน

ทะเลAlternative?

เฟนเดอร์ : (หัวเราะ) Such A Vast Sea เราตีความว่าวิชวลมันจะเกี่ยวกับเรื่องอะไรได้บ้างที่คนมันเข้าถึงได้ ไม่ใช่แค่วิธีการทำงานของเรา เราก็ตีความออกมาเท่าที่เราเข้าใจ ณ เวลานี้ เป็นเรื่องของ Age of A.I. ที่กำลังมา ซึ่งเราไม่รู้ว่ามันจะไปทางไหน มันจะส่งผลกระทบขนาดไหน เรารู้ว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ ก็เลยเอาไปผูกกับเรื่องแรงงาน เรื่องความไม่แน่นอน ความไม่มั่นคงของคนที่ทำงาน เลยเป็นหุ่นยนต์ที่เอาสีสันออกไปจากตัวเอง แล้ววาดใหม่กลายเป็นขาวดำ สีที่อยู่บนมือจะเป็นสีที่ครบทุกอย่าง หุ่นยนต์ตัวนั้นเป็นสไตล์ที่แบบว่ามันเป็นหุ่นยนต์จริงๆ เป็น A.I. หรือความจริงแล้วเป็นแรงงานสร้างสรรค์ไส้แห้ง

ทำไมถึงต้องเพิ่มความอัลเทอร์เนทีฟร็อคให้มากขึ้น ซับซ้อนน้อยกว่าชุดที่แล้ว?

เฟนเดอร์ : ถ้าเป็นมุมของเรา วิธีคิดของการผลิตมันเปลี่ยนไปจากยุคก่อน เราคิดแล้วก็อัดเลย เราพยามกลับไปสู่สามัญ ตั้งแต่ยุคสมัยการอัดดนตรีเลยคือการระดมสมองและก็การซ้อม เราซ้อมจนเล่นได้แล้ว ค่อยอัด มันเลยค่อนข้างมีความธรรมชาติของการสวิง ความสาด

ไม่ใช้ metronome ด้วยใช่ไหมครับ?

เฟนเดอร์ : ไม่ใช้ metronome? ห้ะ! รู้ด้วยหรอ?(หัวเราะ) 

อาร์ท : มันสนุกตรงนี้แหละ 

เบียร์ : ก็จะมีความเป็นธรรมชาติโดยวิธีการที่เฟนเดอร์บอก มีความไหลลื่นอะไรบางอย่างอยู่

อัดรวมพร้อมกันเลยไหม?

เบียร์ : ไม่พร้อมกันครับ เริ่มจาก rhythm section อาจจะมีกีตาร์สองตัวกับกลอง แล้วค่อยไหลตาม rhythm อีกที

ปอนด์ : ของผมก็เป็นคัลเลอร์ จะรอพาร์ท rhythm เสร็จก่อน หรือว่าบางเพลงอาจจะมาก่อนกีตาร์ก็ แต่ว่าส่วนใหญ่ lick ของคีย์บอร์ดก็จะมาจากกีตาร์ 50-50 รอแปลงสัญญาณให้  

เฟนเดอร์ : แล้วคัล(คัน)เลอร์ นี่เกาเลอร์ด้วยไหม?ครับ(หัวเราะ)

เบียร์ : มันก็จะมีความสนุกอย่างนึงใน EP. นี้ที่ผมชอบส่วนตัวก็คือ เพลงที่เราสามารถอิมโพรไวส์หรือแจมกันได้

จริงๆ Solitude Is Bliss ชอบลูกแจมๆ กันอยู่แล้วใช่ไหม?

เบียร์ : ส่วนใหญ่ก่อนจะซ้อมก็จะแจมกัน ก็สนุกดีครับ

เฟนเดอร์ : คือตอนเล่นสดไม่ค่อยแจมกันมากนะ แต่ก่อนจะซ้อมกันจริงจัง ก็เล่นๆ ตามๆ กันมาเป็นธรรมชาติ อัดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เราก็ไม่เคยจริงจังกับการแจม เราก็ไม่รู้ว่าถ้าเราจริงจังกับการแจมขึ้นมา มันจะยังธรรมชาติอยู่ไหม?

เหมือนงานวิจัยเลย เหมือนองค์กรวิจัยเสียงแห่งเชียงใหม่

เฟนเดอร์ : องค์กร ปอนด์ โด่ง เบียร์ 

โด่ง (เบส) Solitude Is Bliss

Such A Vast Sea ในเครดิตมีชื่อทุกคนในพาร์ทเนื้อเพลงบนสตรีมมิ่ง มีการทำงานใหม่ที่หลายคนเข้ามามีส่วนร่วมในการแต่งเนื้อเพลงด้วยหรอครับ?

เฟนเดอร์ : เอ๋ ไม่รู้นะเนี่ย อาจจะเป็น error เอาจริง ความจริงก็คือเหมือนเดิม ก็คือคนเขียนเนื้อก็แยกกันไป เรากับพี่เบียร์ แล้วที่เหลือทั้งหมด 5 คน ก็จะเป็น arrange แล้วก็ compose ด้วยกัน ช่วยกันเรียบเรียง 

แล้วพี่โด่ง พี่ปอนด์ อาร์ท อยากลองเขียนเพลงไหมครับ?

โด่ง : เขียนเนื้อหรอครับ? ผมน่าจะยัง เพราะว่า ยังไม่มีไอเดียการเขียนเนื้อของตัวเองเลย เพราะไม่ค่อยได้ทำ ยังไม่มีภาษาของตัวเองชัดเจนเลย 

ปอนด์ : เหมือนกันครับ ไม่ค่อยมีไอเดียเรื่องการเขียนเนื้อเท่าไร ส่วนใหญ่จะฟังเพลงบรรเลง เพลงประกอบ อินกับเพลงที่มันเป็นดนตรีเปล่าๆ 

อาร์ท : ผมก็ไม่มีเลยครับ ยำอย่างเดียวเลย ยำเนื้ออย่างเดียวเลย(หัวเราะ) 

ทัวร์เหนือจรดใต้กับโปรเจ็คต์ Head to Toe เป็นยังไงบ้าง?

อาร์ท : โห่ นั่งรถกันฉ่ำเลย สนุกดีครับ เหนื่อยหน่อยตรงที่ระยะทางมันไกล อยู่บนรถตู้นานสองวันเต็มๆ กว่าจะถึง แต่ว่าไปถึงสถานที่ต่างๆ ทุกคนก็น่ารักมากครับ แฟนคลับทุกคนยังเหมือนเดิม ทุกคนก็มีเอเนอร์จี้ร้องลั่น น่ารักมาก โห่ สุดยอด!

เฟนเดอร์ : ถ้าเป็นเรื่องเทคนิคกับบรรยากาศรอบนี้เริ่มชัดเจนขึ้น เราไปลุยกันแล้วสองทัวร์เมื่อปีก่อน ทัวร์เหนือเป็นทัวร์แรกที่เราทดลองกัน เอาทีมงาน เอาเครื่องเอาอะไรไปเอง รอบที่สองก็ที่อีสาน ไอ้สองรอบนี้ก็เหมือนเป็นการปรับตัวมาเรื่อยๆ มันให้ผลลัพธ์ที่ไม่ได้มีประสิทธิภาพเท่าไร เลยเอาบทเรียนต่างๆ มาปรับใช้ในรอบนี้ด้วย หลักๆ ก็เป็นเรื่องเทคนิคแหละ ความคล่องตัวของทีม ของอุปกรณ์ บวกกับชั่วโมงบินของเราก็เริ่มจะเหนียมอายน้อยลง

ครั้งนี้ลงไปถึงภาคใต้เลย ปราบเซียนเหมือนกันนะ เป็นไงบ้างที่ภาคใต้?

เฟนเดอร์ : เมื่อก่อนก็เป็นแมพมืดเหมือนกันนะ เหมือนเกม Yuri แต่พอขับรถไปแล้วแมพค่อยๆ สว่าง ยุคนี้มันเริ่มมีความหวัง อย่างซีนหาดใหญ่ เขาก็เริ่มมีคอมมูนิตี้ของเขา วงที่สร้างเพลงใหม่ๆ มันอาจจะยังไม่เยอะ แต่คนฟังเยอะขึ้น เขารู้แล้วว่าเขาจะไปฟังที่ไหน ถ้าพูดถึงภาคใต้ เราจะพูดถึงหาดใหญ่ได้ชัด เพราะเห็นพัฒนาการเมือง ดูมีแนวโน้มที่ดี รู้สึกว่าคนกับบรรยากาศที่นั่นมันคล้ายเชียงใหม่ มีความชิล ความกันเองของคน มุก 5 บาท 10 บาทเหมือนกันเลย

เป็นยังไงกันบ้างพอได้มีคณะเริ่มทัวร์ใหม่ๆ MAKARA, VELS., สวนไดโนเสาร์, Chala Deen? 

เฟนเดอร์ : สนุกแล้วก็ต่อเนื่องดีครับ เพราะว่าโฮสที่แล้วๆ ของปีก่อน ทัวร์แรกเป็นเพื่อนสองคนที่ทำอิเล็กโทรนิค ที่อีสานเราก็มีวงในจังหวัดของเขา ได้เปิดหู เปิดตาดี แต่รอบนี้ MAKARA ได้ไปกับวง 4 โชว์ ทั้งความสนิทกันกับวงและพัฒนาการของโชว์เขาเองก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไปพร้อมๆ กันก็ปรับตัวเหมือนกัน Chala Deen ก็ดีครับเป็นเอนเตอร์เทนเนอร์ สวนไดโนเสาร์ นี่ก็ดีครับ มู้ดดีมาก ซาวด์ที่เขาสร้างเท่มาก แล้วก็ VELS. เป็นอิเล็กโทรนิกที่เรียบเรียงมามีความโซนิคซาวน์

เบียร์ : มีความ deep หน่อย 

เฟนเดอร์ : เอ้อ มีความ deep มีความ emotional อยู่ในนั้น มันเข้ากันกับการที่ได้เดินทางร่วมกัน อินกับทุกทางที่วงเปิดได้นำเสนอ 

สถานะปัจจุบันของสมาชิกวงหลังจากจบ Head To Toe 

ปอนด์ : ว่างงานเลยครับ เมื่อก่อนก็จะเล่นดนตรีกลางคืน แต่ตอนนี้ก็พักเล่นดนตรีกลางคืนไปมาทัวร์กับวงเพียวๆ เลย

ยังเล่นเกมอยู่ไหมครับพี่

ปอนด์ : เล่นอยู่ครับ อันนี้เป็นหลักเลย เล่นทุกคืนเลย ตอนนี้ก็เล่นเกมคอมกับพี่โด่ง กลับไปเล่นเกมแบบย้อนวัยหน่อย

เล่นpubg ใช่ไหมพี่? ผมเข้าไปค้นช่องพี่ เห็นพี่เล่นpubgอยู่

ปอนด์ : ใช่ๆ สมัยแบบพี่แฟรงค์เล่นเลยอะ(สมาชิกเก่า)นานแล้ว เล่นในipad ยังเป็นตี้แบบ 10 ปีที่แล้ว แต่อันนั้นเป็นเกมมือถือ แต่ตอนนี้มาเล่นเกมแบบใน pc 

โอเคได้ครับ เดี๋ยวไว้เราจะมาเจาะลึกว่าพี่ปอนด์เล่นเกมอะไรกันบ้างนะครับ แล้วพี่โด่งทำอะไรอยู่ครับ?

โด่ง : ถ้าไม่ได้ทำวง ตอนนี้ก็รับทำซาวด์ มิกซ์มาสเตอริ่ง ทำซาวด์ไลฟ์สดให้วงต่างๆ ในเชียงใหม่ ไม่ได้ทำอะไรมาก ว่างๆ เล่นเกมกับพี่ปอนด์ ครับประมาณนี้ครับ ช่วงนี้ก็ชิลๆ 

แล้วพี่เฟนเดอร์ล่ะครับ? (เฟนเดอร์หลับ) อ้าว พี่เฟนหลับแล้ว

เฟนเดอร์ : ครับ หลักๆ ก็ทำโปรเจควงนี่แหละครับ มี Solitude Is Bliss กับ View From The Bus Tour ซึ่งเป็นโปรเจคส่วนตัว แล้วก็งานราช งานหลวงก็ พยามจะเคลียร์อยู่ ช่วยเพื่อนโปรดิวซ์เพลง ตอนนี้ก็เป็นช่วงเคลียร์งาน 

อาร์ท : ผมก็ยังเล่นดนตรีกลางคืนอยู่ครับ มีวง Solitude Is Bliss แล้วก็มีวง Chiangmai BLUES ตอนนี้จบจากทัวร์ก็กลับมาทำงานเหมือนเดิม เข้าลูปชีวิต

เบียร์ : ของผมก็หลักๆ ก็เป็น Solitude Is Bliss นี่แหละครับ ช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่เพิ่งพักจากทัวร์ ’Head to Toe’ ทำหลายอย่างครับ มีงานสอน งานเบื้องหลังก็จะเป็นพวกโปรดิวซ์ แต่งเพลงครับ มีงานสอนกีตาร์ไพรเวท แล้วก็เล่นเกมนิดหน่อย

เมื่อไร Solitude จะมีคอนเสิร์ตใหญ่? 

โด่ง : (ตอบเสียงเศร้าๆ) เราเคยคุยกันว่าจะไม่มีคอนเสิร์ตใหญ่ ไม่รู้ครับ คอนเสิร์ตใหญ่ก็น่าจะเป็นคอนเสิร์ตที่เต็มรูปแบบเรื่อยๆ เราอาจจะไม่มีแบบคอนเสิร์ตใหญ่(ตะโกน) แต่อนาคตก็ไม่รู้

แบบ50ปี Solitude อะไรงี้?

โด่ง : ประมาณนั้นครับ(หัวเราะ) ยังไม่ได้คิด

เฟนเดอร์ : ถ้าจะขยายความจากพี่โด่ง คือความคาดหวังของคำว่าคอนเสิร์ตใหญ่ของคนไทย ณ ตอนนี้มันบวกมาด้วยของแถมเยอะแยะมากมายเลย ว่าฟีทเจอริ่งกับใคร ฉากที่มันเหมือนโรงละคร ซึ่งคำว่าคอนเสิร์ตใหญ่ที่เราบอกว่าอาจจะไม่ทำเนี่ยมันเป็นรูปแบบนั้น ที่แบบเราประกาศไปแล้วแล้วคนก็จะคาดหวัง เห้ย จะมีใครมาแจมมั่ง หรืออะไรก็ตามแต่ อันนี้ก็ไม่รู้

หรือเราไม่เอาใครมาแจมได้ไหม? 

เฟนเดอร์ : อาจจะไม่ก็ได้หรืออาจจะมีก็ได้ แต่เรารู้สึกว่าการใช้คำว่าคอนเสิร์ตใหญ่มันทำให้เกิดความกดดันมากไป เราอาจจะทำคอนเสิร์ตในแบบที่ใหญ่ขึ้นมาจริงๆ ก็ได้ แต่เราไม่บอกว่าเป็นคอนเสิร์ตใหญ่ คือถ้าเราพยามจะทำสเกลขนาดนั้น เราก็คงจะทำสเกลขนาดนั้นอีกเรื่อยๆ โดยไม่ใช่แบบที่ว่า อ๋อ เพราะว่าเรา 10 ปีแล้วเราต้องทำสเกลขนาดนั้น ไม่ใช่แค่แบบทำตูมเดียว แล้วก็แบบ อ้าาาา for the sake เราได้มีคอนเสิร์ตใหญ่ในชีวิตแล้วหนึ่งครั้ง ภูมิใจแล้ว เย้! 

เฟนดอร์ (ร้องนำ,กีตาร์) Solitude Is Bliss

แล้วถ้าเกิดต้องมีคอนเสิร์ตใหญ่จริงๆ อยากให้เป็น Live in Chiang Mai หรือ Live in Bangkok? 

ปอนด์ : อยากไปกรุงเทพไปเลยที่เดียว เพราะว่าแฟนคลับฝั่งกรุงเทพก็น่าจะเยอะกว่าทางนี้ แต่ถ้าเป็นบ้านเราก็อาจจะเป็นแบบมินิ เอ้ย ไม่ได้หนิ(หัวเราะ)

เฟนเดอร์ : มินิบิ้กคอนเสิร์ต?

ปอนด์ : เป็นแบบคอนเสิร์ต 1.5 อะไรประมาณนี้ ซีรีย์เดียวกันแต่จัดสองที่

โด่ง : ใจจริงๆ ผมอยากมีที่เชียงใหม่มากกว่า ให้มันเต็มรูปแบบ แปลกและใหญ่ในเชียงใหม่สักทีนึง กรุงเทพความเป็นไปได้มันมีอยู่แล้ว ถ้าเป็นเชียงใหม่ก็จะดูแบบพีคขึ้นไปอีกนิดนึง 

เบียร์ : พอพูดถึงคอนเสิร์ตใหญ่เนี่ย มันมีความเป็นไปได้แหละในอนาคต แล้วช่วงนี้เราก็ทัวร์ทั่วประเทศ ก็ค่อยๆ ดู ค่อยๆ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ของคนดูแต่ละภาค แต่ละจังหวัด ในวันหนึ่งกลุ่มพวกนี้ก็จะค่อยๆ โตขึ้น ถ้าสมมติว่าจะมีคอนเสิร์ตหนึ่งที่มันใหญ่ที่สุดในชีวิตเรา ก็ยังไม่ได้คิดว่ามันจะต้องอยู่ที่ไหน ในเชียงใหม่หรือกรุงเทพ 

อาร์ท : ของผมน่าจะเป็นกรุงเทพครับ เพราะว่าเป็นเชียงใหม่มันตื่นเต้นกว่าที่อื่นมากสำหรับผมนะ ครั้งล่าสุดนี่ตื่นเต้นที่สุดเลยครับ แบบบางคนมันก็เห็นกันมานาน เล่นดนตรีด้วยกันมา มันจะตื่นเต้นกว่า

เฟนเดอร์ : รู้จักคำว่าขี้เพี้ยกไหมครับ?

อาร์ท : ขี้แซว(ภาษาเหนือ)ครับ มันจะแบบฮั่นแน่ ส่งสายตา ถ้าเป็นไปได้ก็อยากเล่นทั้งสองแหละครับ แต่ถ้าเป็นเชียงใหม่ก็จะตื่นเต้นตลอดไป 

เฟนเดอร์ : อันนี้ตอบแบบท้องถิ่นนิยมนิดนึงนะครับ อยากจัดที่เชียงใหม่เป็นหลัก โดยเฉพาะคนกรุงเทพที่เขามีกำลังจ่ายสูงกว่าให้เขาขึ้นมาหาเราดีกว่า เพราะว่าถ้าเราไปจัดที่กรุงเทพ แล้วคนเชียงใหม่ที่มีค่าแรงต่ำกว่า เขาต้องจ่ายเยอะกว่า แต่ว่าสองที่มันก็ดีแหละแต่ ถ้าให้เลือกแบบสุดทาง idealistic เลยนะก็เชียงใหม่ ที่เดียวด้วยนะ ไม่มีรอบสองที่กรุงเทพด้วย

เบียร์ : จัดที่ไหนดีที่เชียงใหม่? สนามกีฬาอะไรดีมะ 100ปีอะ(หัวเราะ)

เฟนเดอร์ : ไม่รู้เหมือนกัน เรื่องสถานที่ค่อยว่ากันอีกที

โด่ง : แต่สรุปแล้วว่าเราไม่มีคอนเสิร์ตใหญ่นะครับ

ทุกคน : 5555555555555555555

เบียร์ (กีตาร์) Solitude Is Bliss

เคยคิดจะย้ายไปอยู่กรุงเทพไหม?

เฟนเดอร์ : ไม่น่าจะไปปักหลักกันอยู่ตรงนั้น เคยคิดเรื่องพวกนี้ไหม ก็เคย แต่พอสืบถามกันแต่ละคน ทุกคนก็ไม่ได้พร้อม ยังรู้สึกว่า ‘เรารู้สึกว่าต้องไปฝ่าฟันกับสภาพแวดล้อมtoxicนานเท่าไรจนกว่าเราจะรู้สึกดีกับมันนะ’ ใช้คำว่ารู้สึกดีนะ แบบอยู่ได้ รู้สึกว่าเราจะไปยังไงถ้าเรายังผลิตงานในแนวทางที่ตัวเองต้องการได้อยู่ที่นี่ แต่ละคนก็ยังทำงานที่เกี่ยวกับดนตรีอยู่ตรงนี้

ทำไมระดับ Solitude Is Bliss ถึงยังไม่ได้ออกไปนอกประเทศเลย?

เบียร์ : จริงๆ ช่วงนี้ก็เริ่มมีแพลนกันบ้างอยู่แล้วครับ คิดว่ามันมีจังหวะเวลาของมัน เก็บในบ้านไปก่อน ทำงานของเราให้มันดี ให้มันถึง ยังไงมันก็จะมีคนได้ยินเราไม่อยากไปแบบว่า ไปแล้วเราต้องลงทุนเอง ถ้าอย่างนั้นเราคงไปหลายที่แล้ว ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน คิดว่าเราอยากไปแบบเขาอยากฟังเรา

เฟนเดอร์ : คือเรื่องแผนการไปต่างประเทศ คือเอาจริงๆ มันก็สามารถทำมาได้หลายปีแล้วแหละ แต่ก็มีโควิดมาขั้น ถ้าไม่นับตรงนั้นก็คือเหมือนเราพัฒนาin house ของเราให้มันแข็งแรงก่อน ให้ในประเทศมันแข็งแรง แล้วถ้าไปต่างประเทศมันก็คงไม่ได้เป็นเรื่องยากขนาดนั้น เราไม่อยากไปแบบfor the sake ที่ได้ไป เราต้องได้อะไรกลับมา 

แล้วถ้าได้ไปเล่นต่างประเทศพี่ปอนด์อยากไปประเทศไหน

ปอนด์ : น่าจะญี่ปุ่นครับ เพราะอยากไปเล่นเกม 

อ้าว แล้วดนตรีอ่ะพี่? 

เฟนเดอร์ : เออ อยากไปญี่ปุ่นเหมือนกัน อยากไปซื้อของเล่น 

ปอนด์ : มันมีแบบอะไรในวัยเด็กที่เราโตมากับที่นู่นอยู่ อยากเจอของจริงที่นู่น

พี่อยากเจออะไรของจริง?

เฟนเดอร์ : (ตอบแทนปอนด์) อยากไปจับมืออุลตร้าแมนตัวจริง

ปอนด์ : หลักๆ ก็น่าจะเป็นของเล่น เกมเก่าๆ เกมคลาสสิค

อาร์ท : ไม่ได้ไปเล่นเกม!!!

ปอนด์ : ก็อยากไปเป็นฟีลคนดูญี่ปุ่นมาดูเรา รู้สึกว่าจากที่ดูในYoutube เวลาคนดูญี่ปุ่นเขามาดูดนตรีมันจะมีความhype มีปรบมือมีอะไร เขามีรูปแบบการจอยของเขาที่ไม่เหมือนกับบ้านเรา 

‘ตอนนี้แต่ละคนค้นพบ Bliss (ความสุขสุดยอด) แล้วหรือยัง?’

เฟนเดอร์ : ก็ยังนะ มันเป็นโมเมนต์ต่อโมเมนต์มากกว่า จะเหมารวมทั้งหมดมันก็คงไม่ได้ คำว่า 

‘Bliss ’ของเรามันเป็นเรื่องความนิ่งมากขึ้น โตขึ้น ไอ้ความคาดหวังที่จะไปจุดสุดยอดเนี่ยมันก็ลงไปบ้างพอสมควร ช้าๆ ได้พล้าเล่มงาม แต่ไม่ได้หมายความว่าเราอยากจะไปจุดนั้นแล้ว 

ปอนด์  : ตามคอนเซปต์วงเลย การที่มัน ’Bliss’ โดยการที่เราได้อยู่กับตัวเองยังไงมันก็ดีที่สุด อยู่คนเดียว คิดจะทำอะไรคนเดียว ไม่ต้องมีใครมากำหนดกรอบเราแบบว่าเราจะต้องไปทิศทางไหน การที่ทบทวนด้วยตัวเราเอง มันก็เกิดความ ’Bliss’ ได้เหมือนกัน ‘เล่นเกมก็คือความ ’Bilss’ ที่สุดแล้ว’

โด่ง : ถ้าสำหรับ ’Bliss’ ที่เจอแล้วรู้สึก ’Bliss’ เลย น่าจะเป็นการที่ผมไม่มีปัญหากับตัวเอง เพราะผมเป็นคนที่จัดการความคิดตัวเองไม่ได้ แต่พอมีโมเมนต์บางทีที่เราจัดการได้ ก็น่าจะมีความสุขที่สุด สบายที่สุด

เบียร์ : คิดว่า ’Bliss’ มันอยู่ในทุกที่ มันอยู่ในสภาพแวดล้อม ในตัวของเราหรือในจิตสำนึกของเราก็ได้ ในความคิดของเราก็ได้ ซึ่งมันมาคู่กับอะไรที่มันตรงข้ามกันนั่นก็คือความทุกข์ ซึ่งสองสิ่งนี้แทบจะเป็นอันเดียวกันด้วยซ้ำ ความอยากจะ ’Bliss’ เราก็ต้องแลกมาด้วยความทุกข์ คิดว่าสิ่งพวกนี้มันไม่มีความยั่งยืน มันสามารถไปต่อได้เรื่อยๆ หรือมันจะนิ่งของมัน เราก็จะต้องอยู่กับมันไป

โอเค อาร์ทมาเลย ขอตลกๆ มาเลย คนสุดท้ายตัวตบมุก

อาร์ท : ‘Bliss’ หรอครับ? มันแปลว่าอะไรหรอครับ?

ทุกคน : 5555555555555555555555555

อาร์ท : ก็ของผมตอนนี้ สัมผัสได้เลยก็คือการได้อยู่กับความสัมพันธ์ที่ดี อยู่กับพี่ๆ อยู่กับครอบครัวที่อบอุ่น ให้มันมาเติมเต็มก็พอแล้ว 

ผมสงสัยอะ(หันไปทางพี่โด่ง พี่ปอนด์) พี่จะโกนหนวดกันไหมครับ?

โด่ง : อันนี้เราโกนตรงนี้มานิดนึงแล้วนะครับ(ชี้ไปที่คาง) แต่ว่าไม่น่า ไม่น่าโกนครับ มันไม่ได้อะครับ

อยากฝากอะไรถึงคนที่ติดตามเราอยู่หรือคนที่ยังไม่รู้จักเราไหมครับ?

เฟนเดอร์ : มือเบสวงเราหล่อนะครับ(หัวเราะ) กิจวัตรของเราช่วงนี้กว้างๆ เราเดินสายโชว์มากขึ้น เป็นทัวร์ของเราเอง นอกจากแค่ตัวเพลง เราก็อยากให้มาสัมผัสประสบการณ์หน้าเวทีด้วยการแสดง แสง สี เสียง อยากจะให้ลองมาสัมผัสดู 

อาร์ท : ฝากด้วยครับ วงน้องใหม่ Solitude Is Bliss 

เฟนเดอร์ : น้องใหม่มาก ถ้าเทียบสเกลร้อยปีอ่ะ 

สุดท้ายแล้วครับ อยากฝากอะไรถึงวงการดนตรีไทยไหมครับ?

เฟนเดอร์ : ก็ให้เด็กรุ่นใหม่เล่นระนาดบ้าง 

ทุกคน : 55555555555555555555

ดนตรีไทยจริงๆ ด้วย

เฟนเดอร์ : ซะล้อ ซอ ซึงครับ พิณก็ดีครับ แคนก็ดี 

เบียร์ : อะไรที่ฟังแล้วมันเชื่อมั่นกับตัวเรานะครับ เราก็อยากให้แบ่งปัน ให้เผยแพร่ไปกับหลายๆ คนเขายังไม่รู้จัก ช่วยๆ กันแชร์ Solitude ก็น่าสนใจนะครับ 

โด่ง : ช่วยๆ กันครับ ช่วยกันพัฒนาวงการดนตรี 

ปอนด์ : ก็อยากให้ซัพอร์ตกันเยอะๆ อยากให้วงอยู่กันไปกับพวกเรานานๆ นะครับ อาเมนครับ :)

เฟนเดอร์ : RockStar ตัวจริง คือ ‘เสก โลโซ’