‘มูเตลู’ จากคำซับคัลเจอร์มากๆ จากทั้งวงในของกะเทยและชื่อหนังไทยยุคก่อนกับความหมายใดๆ ที่เกี่ยวกับดวง เวทมนตร์ ปาฏิหาริย์ มหัศจรรย์ และการขอพร คำนี้กลายเป็นคำป็อปๆ ที่คนรุ่นใหม่ต่างรู้จักและให้ความสนใจกันมากขึ้นด้วย วันนี้เราเลยอยากชวนวัยรุ่นมาคุยกันเรื่อง มูเตลูกัน ทั้งแชร์ประสบการณ์มูๆ แกเชื่ออะไรกันบ้าง และ ถามกันตรงๆ ไปเลยว่า แก ทำไมคิดว่าคนรุ่นใหม่ถึงสนใจเรื่องมูเตลูกันมากขึ้นกับ มังกร (mungkamon) เอมม่า (emmaduhard) และ เหมือง (178.5x87)
เราขอแนะนำตัวทุกคนด้วยการเริ่มเปิดบทสนทนาด้วยการให้แต่ละคนแชร์ว่า เชื่อในอะไรกันบ้าง
“เราเชื่ออะไรหลายๆ อย่างในด้านแฟนตาซี เพราะเราชอบจินตนาการ เพ้อฝัน แล้วเอามาสร้างสรรค์เป็นผลงานในมุมมองของเรา”
มังกร เป็น Illustrator/Model อายุ 21 ปี นักวาดภาพประกอบที่มีไอจีชื่อ virgo.dragonn
“เราเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างคือหนึ่งและหนึ่งคือทุกสิ่ง เหมือนวงกลมวงใหญ่แห่งจักรวาลที่ประกอบรวมกันจากวงกลมเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ในทุกสรรพสิ่งแม้แต่ในอะตอมที่เล็กที่สุด แต่มันก็ใหญ่ที่สุดด้วยเช่นกัน เพราะเราทั้งหมดคือทุกสิ่งที่เป็นหนึ่งเดียวกัน
เอมม่า - เอมม่า มาติลด์ ดูอาร์ด อายุ 21 ปี นักศึกษาคณะ Digital Art ม.รังสิต แล้วก็มีรับสักร่างกายในร้านที่ชื่อ @le.17.avril เป็นภาษาฝรั่งเศส มาจากวันเกิดของเธอ
“เชื่อในตัวเอง รักตัวเองก่อนทุกสิ่ง เพราะพรที่วิเศษที่สุดคนที่จะให้มันได้ก็มีแค่ตัวเราเองเท่านั้น xx”
เหมือง อายุ 24 ปี เป็นนิสิตปี 4 ฟรีแลนซ์สอนศิลปะ/รับดูดวง + กำลังทำบาร์กับเพื่อน
คิดว่าทำไมคนรุ่นใหม่ให้ความสนใจในมูกันมากขึ้น
มังกร: “เราคิดว่าเพราะสังคม, สภาพแวดล้อม, รัฐบาลต่างๆ ในตอนนี้ของพวกเราไม่สามารถเชื่อถือและเป็นที่ยึดเหนี่ยวได้ คนรุ่นใหม่เลยหันหน้าเข้าศาสตร์นี้เพื่อสร้างความสบายใจและหาที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เช่น การงาน การเงิน สังคม ความรัก”
เอมม่า: “เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป การเป็นคนเก่งและขยันอย่างเดียว อาจไม่ช่วยให้เราประสบความสำเร็จหรือไปถึงเป้าหมายได้ในทุกคน เราคิดว่าสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันเลยคือเรื่องเกี่ยวกับจังหวะชีวิต การอยู่ถูกที่ถูกเวลา หรือที่บางคนเชื่อว่าเป็นเรื่องของ ดวง โชคช่วย ในโลกทุนนิยมที่โตขึ้นเรื่อยๆ การมีที่พึ่ง ที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจจึงอาจเป็นสิ่งที่ทำให้คนรุ่นใหม่สนใจในมูกันมากขึ้น”
เหมือง : “ถ้าเอาแค่ในไทย เรารู้สึกว่าในยุคปัจจุบันศาสนามันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ตอบโจทย์ใครหลายๆ คนได้อีกต่อไป ด้วยคำสอนที่ยึดโยงกับ 'ความดี' ที่มันขาว-ดำ มากเกินไป ไม่สอดคล้องกับบริบทสังคมในปัจจุบัน หรือเหตุการณ์อะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้สถาบันศาสนาของไทยมันหมดความน่านับถือ อันนี้หลายคนคงเห็นๆ กันอยู่ สองคือสถานการณ์บ้านเมืองที่มันย่ำแย่ลงเรื่อยๆ ในทุกๆ ด้านที่ทำให้คนรุ่นใหม่ หรือแม้แต่คนรุ่นก่อนๆ ก็ยังรู้สึกหมดหวัง”
“ไม่มีที่พึ่งไม่ว่ากับเรื่องอะไรก็แล้วแต่ ถ้าลองสังเกตช่วง 2-3 ปีนี้ดูจะเห็นว่าโพสต์หรือทวิตที่เกี่ยวข้องกับสถานที่ บทสวดขอพรเรื่องเงิน ความรัก หรือพวกเครื่องรางแบบใหม่ๆ มีให้เห็นผ่านตากันแทบทุกวัน เหตุก็มาจากเศรษฐกิจที่มันแย่มากๆ การบริหารจัดการประเทศที่ทำให้สุขภาพจิตและการใช้ชีวิตของคนแย่ลงจนกลายเป็น city of no romantic เอ่ออออ แต่จริงๆ มัน no life เลยแหละ ก็ฺเลยทำให้คนหลายๆ คน รวมถึงเราด้วย ต่างก็พยายามที่จะหาที่พึ่งใหม่ๆ กันมากขึ้น มันเลยกลายเป็นการมูเตลูเนี่ยแหละ”
มีประสบการณ์ อะไรมูๆ หรือคิดว่ามันดูเมจิคที่อยากแชร์ไหม
#ไปดูดวงมาแล้วโคตรแม่น มังกรแชร์ประสบการณ์มูๆ จากการไปดูดวงมา + ความเพ้อฝันที่แม่นจนขนลุกว่า
“ถ้าประสบการณ์ของเรานี้เยอะมาก เพราะเป็นคนเพ้อฝันมาก เช่น เขาบอกว่าจะมีหญิงใหญ่มาอุปการะเลี้ยงดู มาซัพพอร์ต ซึ่งก็มีพี่สาวคนสวยคนนั้นมาช่วยเหลือจริงๆ แล้วก็เรื่องการงานหมอบอกว่า เราจะมีงานเข้ามาเยอะแต่ไม่ค่อยได้เงิน ซึ่งพอรอดู เออก็จริงไม่มีเงินเลยแต่งานช่วยมาเพียบ แต่เรื่องความรักนี้ก็มีบ้าง ตรงบ่อย เลยสงสัยหมอดูว่ารู้ได้ไง พอเขาพูดเรามันก็โผล่ภาพในหัวว่าตรงมาก แม่นมาก เลยไม่กล้าดูเรื่องความรักบ่อยเพราะจะเพ้อเจ้อไปเอง”
#Manifestationสุดปัง เหมืองแชร์กับเราเรื่องการ Manifestation ประสบการณ์มหัศจรรย์ว่า
“โห เมื่อช่วงปีที่ผ่านมาเนี่ยแหละที่เพื่อนเราแนะนำให้รู้จักการ Manifestation ซึ่งก่อนหน้านี้เราก็ไม่เชื่อเท่าไรหรอกว่ามันจะเป็นจริงได้ แต่เราก็ลองทำดูนะ ลอง Manifest ให้คนที่เราชอบ text มาหาเรา ซึ่งลองทำ 3 ครั้งเขาก็ text มาหาเราทั้ง 3 ครั้งเลยจริงๆ เว้ย (กรี๊ด) จนล่าสุดเค้าก็เริ่มๆ ชวนเราไปเดทละ เออ มันแบบ อย่างน้อยในสภาพที่บ้านเมืองงี้ เราก็ยังหาความชุ่มชื่นให้หัวใจตัวเองต่อสู้ในวันต่อๆ ไปได้อยู่นะ (หัวเราะ)”
#EverythingIsTemporary ทุกอย่างนั้นไม่เที่ยง เอมม่า แชร์ประสบการณ์นี้ว่ามันอาจจะไม่ได้มูมากแต่ก็เป็นเรื่องที่ดีมากๆ ของชีวิต
“ก็เป็นประสบการณ์ไม่เชิงว่ามูมาก แต่เรารู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ทำให้เราคิดอะไรได้บางอย่าง คือเรานอนฟังเพลงอยู่บนเตียง เพลงนั้นชื่อว่า Time Adventure จากแอนิเมชั่นเรื่อง Adventure Time (เป็นแอนิเมชั่นที่มีความ Psychedelic ซึ่งเราชอบมาก) เราก็นอนฟังไปเพลินๆ จนจู่ๆ เราก็จะลุกขึ้นจากเตียง แต่พอเรากำลังจะลุก ชุดเดรสสายเดี่ยวตัวโปรดที่เราใส่อยู่ก็ขาด”
“ความรู้สึกแรกตอนเห็นว่ามันขาดแล้วเราเสียใจขึ้นมาในทันที แต่ไม่กี่วินาทีต่อว่า เพลงที่เราเปิดอยู่ก็เล่นมาถึงท่อนฮุกพอดี ที่มีเนื้อร้องว่า “ Will happen happing happened And we will happen again and again Cause you and I will always be back then ” หลังจากฟังแล้วเราก็ร้องไห้ แต่ไม่ใช่เพราะเสียใจ แต่เพราะว่าไม่ว่าอย่างไง เสื้อตัวโปรดของเราก็อาจจะขาดในสักวันอยู่ดี ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เที่ยง สักวันมันก็ต้องดับสลายไป ชีวิตเรามันก็ง่ายแค่นี้ บางทีก็รู้สึกว่าคนอื่นๆ หรือเราเองจะทำอะไรให้มันยากไปทำไม เป็นประสบการณ์ที่ดีมากในชีวิต จะไม่มีวันลืม”
แล้วทุกวันนี้ ทุกคนคิดอย่างไรกับเรื่องมูเตลูกันบ้างในทุกวันนี้ (มันงมงาย หรือเป็นหลากหลาย)
มังกร: “คิดว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจดีครับ แฟนตาซีดี แบบเป็นเรื่องที่สร้างความสบายทางจิตใจให้กับคนที่เชื่อไรงี้ เหมือนศาสตร์นี้เขาจะดูดวงปูทางให้เราทำในสิ่งเราสบายถ้าไม่สบายก็แค่ปล่อยวางแค่นั้น”
เอมม่า: “คิดว่าเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับมนุษย์มานานโดยเฉพาะในประเทศไทย มันเหมือนเป็นสิ่งที่มนุษย์ต้องการอยากจะรู้คำตอบว่าเราเกิดมาทำไม ตายแล้วไปไหน เรื่องของ ศาสนา ความเชื่อ การนับถือสิ่งต่างๆ มันจึงเป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวและตอบคำถามต่างๆ เราได้จากความเชื่อที่ถูกส่งต่อกันมา เรารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ที่จะสงสัยใคร่รู้ในสิ่งที่ดูลึกลับและเหนือไปกว่าเรา”
เหมือง: “เราว่ามันก็ปกตินะ คือในสังคมไทยมันก็มีการมูเตลูมานานอยู่แล้วไม่ว่าจะรูปแบบยังไง เจ้าขุนมูลนายสามัญชนชายขอบเขาก็มีความเชื่อกับเรื่องแบบนี้กันทั้งนั้น เช่น ดูฤกษ์ยาม วันมงคล ปักตะไคร้ไรงี้ เพียงแต่ในช่วงปีที่ผ่านๆ มาเนี่ยการมูเตลูมันเข้ามาเป็นส่วนประกอบในชีวิตประจำวันมากขึ้นผ่านรูปแบบใหม่ๆ ”
“อย่างในยุคไทยโบราณ หญิงชาววังเขาก็จะมีนุ่งผ้าห่มตาดซึ่งก็มีสีมงคลประจำวันด้วย เช่น วันจันทร์นุ่งเหลืองอ่อนห่มน้ำเงินอ่อน มันก็วิวัฒนมาเป็นสีเสื้อมงคล หรือแม้แต่ตะกรุด ของขลังที่ก่อนหน้านี้คนมองว่ามันไม่เก๋ น่ากลัว พอเอามาใส่กรอบแบบใหม่กับหินสี ก็กลายเป็นเครื่องประดับแบบใหม่ที่ให้โชคลาภได้ด้วย ส่วนเรื่องความงมงายหรือน่ากลัวเนี่ยเราว่ามันขึ้นอยู่กับแต่ละคนมากกว่าว่าเขา practice มันแค่ไหน หรือเขามีความเชื่อกับมันมากเท่าไร”