เวียนมาอีกครั้งกับบทความ Sound of Youth ของพวกเรา! และธีมของคอนเทนต์ในเดือนนี้จะเป็นอะไรไปได้ ถ้าไม่ใช่ ‘ฝรั่ง’ หรือคำที่เราๆ ใช้เรียกชาวต่างชาติมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าทรงธรรม EQ จึงจะพาทุกคนไปพูดคุยกับสาวไทยทั้งสาม ที่ต่างคนต่างก็มีคนรู้ใจเป็นฝรั่ง ในยุคสมัยนี้ที่การคบชาวต่างชาติไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป มาดูกันดีกว่าว่าประสบการณ์รักจากต่างแดนของพวกเธอนั้นเป็นอย่างไร ด้วยวัฒนธรรมที่แตกต่างกับรักระยะไกลที่อาจเลี่ยงไม่ได้ ทิ้งทัายด้วย how to เล็กๆ ในการเข้าหาชาวต่างชาติให้ไดัคุยต่อ ไม่ต้องนั่งรอรักกันอีกต่อไป
‘แอน – ณัฐธิดา จันทร์ดา’ หนึ่งในออร์แกไนเซอร์ผู้จัดปาร์ตี้แนวเพลง Hip Hop/R&B/Latin ‘TW#RK IT’ ซึ่งปัจจุบันมีแฟนหนุ่มเป็นชาวสวีเดน (IG: @bizarreannz)
“เราเจอกับแฟนคนนี้ตอนที่ได้ไปเที่ยวภูเก็ตในวันหยุดยาว เพราะเขามาเที่ยวไทยในช่วง Sandbox พอดี ก็เลยต้องกักตัวที่ภูเก็ต จริงๆ แล้วเจอกันครั้งแรกที่บาร์แห่งหนึ่งค่ะ บังเอิญสบตากันก็เลยยิ้มให้และชวนคุยด้วย ซึ่งในช่วงล็อกดาวน์บาร์จะเปิดถึงแค่ 4 ทุ่ม เขาก็เลยขอช่องทางติดต่อเราไว้ จะได้เจอกันอีก หลังจากนั้นก็ได้แฮงเอ้าท์กันบ้าง ไปเจอกันที่เกาะช้างต่อ แล้วก็คบกันมาเรื่อยๆ จนปัจจุบันค่ะ”
‘เจสซี่ – เจสสิลินน์ นาคประสิทธิ์’ แห่ง Miss International Trans Thailand ที่มีคนรักชาวเยอรมันคอยเป็นกำลังใจอยู่ข้างๆ เสมอ (IG: @jessiesvenom)
“ตอนนั้นแฟนเจสมาทำโปรเจกต์ที่ไทยค่ะ แล้วก็บังเอิญเจอกันที่ร้านกาแฟ เขาเข้ามาคุยแล้วก็แลกคอนแทกต์กัน จากนั้นก็ได้คบกันยาวๆ จนถึงตอนนี้เลยค่ะ”
‘ป๊อปปี้ – สุปรียา มุขพิมาย’ สาวไทยผู้รักการวาดรูป และกำลังอยู่ในความสัมพันธ์แบบ ‘เฟื่อน’ กับชายหนุ่มจากอเมริกา (IG: @supreeyaah)
“ตอนนั้นเป็นช่วงโควิดที่ไม่ได้ออกไปไหน ก็เลยปัดแอปฯ หาคู่เล่น เราแมตช์กับเขาแล้วก็นัดเจอกัน แต่ด้วยความที่เป็นช่วงล็อกดาวน์ก็ทำให้ไม่ได้ไปไหนเป็นพิเศษค่ะ แค่มาพูดคุยแล้วก็คลิกกัน แต่ไม่ได้เป็นแฟน 100% เรียกได้ว่าเป็น situationship มากกว่า”
ความต่างระหว่างแฟนคนไทยกับแฟนต่างชาติ
แน่นอนว่าทุกประเทศจะต้องมีวัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่ต่างกันออกไป คนที่มาจากแต่ละพื้นที่ก็มักจะติดเอาสิ่งเหล่านั้นมาด้วย ทำให้การคบหาคนบ้านเดียวกันกับการมีหวานใจคนละเชื้อชาติต่างกันมากเลยทีเดียว
แอน: เคยมีแฟนคนไทยมาก่อนเมื่อสมัยเรียนค่ะ มันก็จะมีความ puppy love แบบใสๆ แต่เราคิดมาตลอดว่าถ้ามีแฟนก็อยากคบกับคนที่ independent เพราะเรารักอิสระมาก ตัดสินใจอะไรด้วยตัวเองตลอด และไม่ชอบคนที่ขี้หึงหรือจุกจิก ซึ่งแฟนคนนี้ก็ตอบโจทย์ได้ ฝรั่งส่วนใหญ่ค่อนข้างที่จะรักอิสระค่ะ ทำให้ความสัมพันธ์มันลงตัว
เจสซี่: จริงๆ แล้วเจสเคยคุยกับคนไทยมาบ้าง แต่รู้สึกว่าเขาไม่ได้มีสิ่งที่เรากำลังตามหา และด้วยความที่เราเป็นผู้หญิงข้ามเพศ บางคนก็ไม่กล้าที่จะเข้ามาคุยหรือออกเดตกับเรา แต่ในขณะเดียวกัน คนต่างชาติก็ไม่ได้มาแคร์ตรงจุดนี้ เขาจะเปิดรับความหลากหลายทางเพศมากกว่า เปิดกว้างทางด้านรสนิยมด้วย บวกกับความที่เราชอบวัฒนธรรมตะวันตกมาตั้งแต่เด็กๆ อยู่แล้วค่ะ ชอบดูหนัง ซีรีส์ ฟังเพลงสากล ก็เลยค่อนข้างที่จะชอบฝรั่งเป็นการส่วนตัว
ป๊อปปี้: ในเรื่องของความ open คนเอเชียส่วนใหญ่จะไม่ค่อยเปิดกว้างเท่าไหร่ จะมีความ traditional มากกว่า ทำให้เวลาคบกับเขาก็อาจจะมีอึดอัดบ้าง เราจะเป็นคนติดชิลมากกว่า แล้วก็มีเรื่อง mood & tone ที่ต่างค่ะ บางคนก็จะชอบคนเอเชียที่ขาวๆ ตี๋ๆ แต่เราจะชอบชาวต่างชาติที่ผิวเข้มหน่อย เป็น Western European ไปเลย จะคนละ mood กันค่ะ
กำแพงวัฒนธรรมที่ขวางกั้นความเข้าใจ
แอน: มี culture shock เยอะอยู่เหมือนกันค่ะ ต้องบอกก่อนว่าแฟนอายุมากกว่าเรา 5 ปี ประกอบกับความเป็นฝรั่ง เขาก็จะไม่ค่อยเล่นโซเชียลมีเดียเลย แล้วก็จะมีวิถีชีวิตแบบ slow life ชิลเอามากๆ ขัดกับเราที่มีนิสัยคนเมือง ใจร้อน ชอบหาทำกิจกรรมอยู่ตลอดเวลา สไตล์การใช้ชีวิตก็เลยจะต่างกัน เขาก็จะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องถ่ายรูป ต้องโพสต์ลงสตอรี่ (หัวเราะ) แล้วก็ต้องปรับตัวเยอะในเรื่องของการทำความเข้าใจด้วยค่ะ สิ่งหนึ่งที่เราต้องปรับเข้าหาเขาคือการพูดสิ่งที่ต้องการแบบตรงไปตรงมามากขึ้น เพราะถ้าเราไม่พูด ผู้ชายก็ไม่เก็ท และในการที่จะข้ามขั้นตอนจากการเป็นคนคุยไปเป็นแฟน เขาต้องเข้าใจเรา เราก็ต้องเข้าใจเขา จะได้จูนกันติด
เจสซี่: สำหรับวัฒนธรรมนี่เยอะพอสมควรค่ะ หลักๆ ก็จะเป็นเรื่องความรักษาน้ำใจของคนไทยที่เขาไม่เข้าใจเรา เจสรู้สึกว่าคนไทยส่วนใหญ่จะมีความห่วงควมรู้สึกคนอื่น มีความเกรงใจ และบางครั้งก็อ่อนน้อมถ่อมตนจนอาจเกินพอดีในสายตาชาวต่างชาติ อย่างกับแฟนเจส ตั้งแต่คบกันมาเขาก็จะเห็นบ้างที่เราปล่อยให้คนอื่นมาเอาเปรียบ เขาก็จะไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องประนีประนอม ทำไมถึงไม่ยอมสู้เพื่อสิทธิของตัวเองบ้าง มันคงเป็นเพราะนิสัยแบบไทยๆ ที่ไม่ชอบมีปากมีเสียงกับใครค่ะ วัฒนธรรมของเขาที่เราเข้าใจแต่ยากที่จะปรับตัวก็มี ถึงอย่างนั้นเราก็พยายามปรับตัวเข้าหากัน พูดคุยกันอยู่ตลอดค่ะ
ป๊อปปี้: เรื่องที่ไม่เข้าใจกันก็มีแน่ๆ ค่ะ ส่วนตัวเราเคยคบคนแถบ Middle East มาก่อน เขาก็จะห้ามไม่ให้แต่งตัวเผยเนื้อหนังสักเท่าไหร่ และเราก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงห้าม ซึ่งคบกันไปเรื่อยๆ ก็เข้าใจมากขึ้นว่าวัฒนธรรมของเขาเป็นแบบนั้น ทำให้ไม่ชอบเห็นแฟนแต่งตัวโป๊ไปด้วย แต่กับคนปัจจุบันก็จะชิลมาก ไม่ค่อยมีปัญหากันเท่าไหร่ค่ะ และถ้าเกิดมีอะไรที่ไม่ลงรอยกัน ก็จะเข้าไปคุยและหาทางปรับตัวเข้าหากันค่ะ จะได้เข้าใจกันมากขึ้น
Long Distance Relationship – กายห่างไกลแต่ใจใกล้กัน
หนึ่งสิ่งที่หลายๆ คนที่คบหาชาวต่างชาติต้องเคยประสบพบเจอก็คือ ‘รักระยะไกล’ นั่นเอง ทั้งสามคนที่เข้ามาพูดคุยกับเราในวันนี้ก็ล้วนผ่านสถานการณ์นั้นมาแล้วเช่นกัน ซึ่งประสบการณ์และมุมมองที่แต่ละคนมีต่อมันก็ต่างกันออกไป
แอน: เราเคยอยู่ใน long distance relationship กับแฟนเก่าคนหนึ่งที่เป็นคนฝรั่งเศสมาก่อน ตอนนั้นก็จะพยายามหาวันหยุด บินมาเจอกันทุกๆ 3 เดือนตรงประเทศที่อยู่กึ่งกลางค่ะ อย่างเช่น ฟิลิปปินส์ ตุรกี ฯลฯ ในความสัมพันธ์ที่เราอยู่ไกลกัน ถ้าไม่วางแผนเพื่อให้มันยังคงอยู่ได้ก็จะยากค่ะ เพราะเราก็ไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่ ทำให้เราใจแป้วและยอมแพ้ไปเอง สิ่งสำคัญก็คือเราต้องชัดเจนกับตัวเอง ทำความเข้าใจว่ามันจะมีข้อจำกัดหลายๆ อย่าง และถ้าจะให้ความสัมพันธ์ไปรอดก็ต้องมีจุดมุ่งหมายร่วมกันค่ะ เช่น วางแผนมาเจอกัน ทำกิจกรรมด้วยกัน อย่างแฟนคนนี้ของเราชอบดูบอล ในช่วงนี้ก็มีการแข่งขัน champion league ด้วย เราก็จะดูการแข่งสดพร้อมกัน เอาเรื่องนี้มาคุยกัน ทำให้ยังมีสิ่งที่เชื่อมโยงหากันได้ค่ะ
เจสซี่: ส่วนตัวเจสกับแฟนย้ายมาอยู่ด้วยกันประมาณ 3 ปีได้แล้วค่ะ ล่าสุดเขาเพิ่งขึ้นเครื่องบินกลับไปเยอรมนีเมื่อไม่นานนี้เอง ก็เหงานิดหน่อย แต่เข้าใจเสมอค่ะว่าต่างคนต่างมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ แล้วก็ต้องวางแผนเพื่อให้ความสัมพันธ์สามารถไปต่อได้ด้วย สำหรับคู่เจส เราไม่ต้องโทรหาหรือว่าแชทคุยกันตลอด อาจจะมีวิดีโอคอลกันบ้างตอนกลางคืน ซึ่งมันค่อนข้างต่างจากความสัมพันธ์ระยะไกลที่เจสเคยเจอมาค่ะ สมัยที่ใส่วิก เล่น Omegle คุยกับฝรั่ง (หัวเราะ) กับคนนั้นเคยคบประมาณ 4 ปีค่ะ แต่ไม่เคยเจอตัวจริงกันเลย ก็ต้องคุยกันแทบจะตลอดเวลา เวลานอนก็วิดีโอคอลเปิดกล้องทิ้งไว้ แต่พอโตขึ้นและมาอยู่ในความสัมพันธ์อีกรูปแบบหนึ่ง เจสก็ไม่รู้สึกว่าต้องตัวติดกันขนาดนั้น เพราะเราต่างมีสิ่งที่ต้องทำ
ป๊อปปี้: เราเคยมีประสบการณ์กับรักระยะไกลมาแล้ว แต่รู้สึกว่าไม่เวิร์กเท่าไหร่ค่ะ (หัวเราะ) มันขึ้นอยู่กับคนด้วยแหละค่ะ อย่างเรา บางครั้งก็อยากรู้บ้างว่าเขาสบายดีไหม ทำอะไรอยู่ แต่ถ้าตัวอยู่ไกลก็จะมีการขาดการติดต่อกันไปบ้าง ต้องพยายามมากๆ เพื่อที่จะรักษาความสัมพันธ์เอาไว้ ทำให้เรารู้สึกว่ามันไม่เวิร์ก ส่วนตัวคงไม่กลับไปอยู่ในความสัมพันธ์รูปแบบนั้นอีกค่ะ
คำแนะนำสำหรับคนที่อยากใจกล้า เข้าหาฝรั่ง
ก่อนที่จะลากันไปในวันนี้ เราก็ได้ขอให้สาวๆ ทุกคนฝาก tips ในการเข้าหาและขยับความสัมพันธ์กับชาวต่างชาติกันเสียหน่อย บอกเลยว่านำไปทำตามกันได้ไม่ยาก หากคิดจริงจังและมีความกล้าที่จะพูดคุย
แอน: ก่อนอื่นเลยก็คือ เราต้องชอบตัวเองค่ะ สิ่งสำคัญคือต้องเป็นตัวเองในแบบที่ชอบและมั่นใจก่อน การชวนฝรั่งคุยไม่ต้องพิธีรีตองเยอะ แค่เราส่งยิ้มสดใส มันก็จะดึงดูดให้เขาเข้าหาเราเองค่ะ เวลาชอบใครก็จะต้องมองให้เขารู้ว่าเรามองนะ ส่งสายตาชวนให้เขามาคุยด้วย (หัวเราะ) อีกอย่างคือ ยิ่งถ้าเป็นคนที่ชอบทำกิจกรรมก็จะได้เจอและรู้จักกับคนที่หลากหลายขึ้น ถ้าเขาชอบเรา ความสัมพันธ์ก็จะพัฒนาต่อได้เอง และที่ลืมไม่ได้คือต้องโฟกัสกับความสุขของตัวเองด้วย คุยหรือคบกับใครแล้วต้องมีความสุข ควรหาคนที่เข้ากับเราได้ ไม่อย่างนั้นความสัมพันธ์ก็จะ toxic ค่ะ
เจสซี่: จริงๆ แล้วการจะไปเดตหรือพูดคุยกับฝรั่งไม่ใช่เรื่องยากค่ะ ยิ่งสมัยนี้มีแอปฯ หาคู่ก็ยิ่งง่าย แนะนำว่าให้ลองเปิดใจ พาตัวเองไปเปิดหูเปิดตาในที่ๆ มีชาวต่างชาติแล้วก็พูดคุยได้เลยค่ะ คิดซะว่าฝึกภาษา จะคุยออนไลน์หรือนัดเดตก็ได้ แต่ก็อาจจะต้องระวังในหลายๆ เรื่อง ต้องเข้าใจว่าบางคนอาจจะยังไม่ได้อยากมีแฟนเป็นตัวเป็นตน ฝรั่งบางคนที่มาเที่ยวไทยก็อยากจะแค่มี holiday girlfriend กันมากกว่า อารมณ์แบบคบกันระยะสั้นๆ และสำหรับบางคน ก็ต้องพูดกันตามตรงว่าเขาเลือกได้ คนสวยๆ จึ้งๆ ที่เข้าหาชาวต่างชาติก็มีเยอะ สำหรับสาย one night stand ก็มีเรื่องของโรคติดต่อที่ต้องระวังเหมือนกัน เราก็ต้องเซฟตัว เซฟใจกันด้วยค่ะ อย่ายกใจให้ใคร 100%
ป๊อปปี้: อันดับแรกก็ต้องรู้ว่าตัวเองชอบแบบไหน สเปกเป็นยังไง แล้วก็ใช้ตรงนั้นเป็นแรงบันดาลใจให้การหาแฟน (หัวเราะ) ถ้าเจอคนที่ตรงสเปกก็เข้าไปชวนคุยเลยค่ะ ถามเขาก็ได้ว่ามาเที่ยวหรือมาทำงาน ส่วนใหญ่จะเฟรนด์ลี่ ชวนคุยด้วยง่ายอยู่แล้วค่ะ ไม่ต้องกลัว