ถ้าความรักมีตัวตนจับต้องได้ คุณวินคิดว่าความรักจะมีรูปร่างหน้าตายังไง?
“พูดเป็นหน้าตายากมาก แต่รักสำหรับเราคือความเข้าใจ ความใส่ใจ ความจริงใจ เป็นตัวเข้ามารวมไอเดียของการที่คอนเซปต์ของความรักจะมีตัวตนจริงๆเลยเนี่ย สิ่งแรกที่จะเข้ามาให้หัวของเราคือไอศครีม มันเรียบง่าย มันจริงใจ อ่อนโยน มีความหวาน แต่มากไปก็ไม่ดี แล้วมันก็จะมีเวลาของมัน ถ้ากินเร็วไปก็ Brain Freeze ถ้ากินช้าก็ละลาย แต่บางคนก็อาจจะชอบไอศครีมที่ละลาย เป็น Milk Shake ไปเลย 555 จริงๆ มันก็คือเนี่ยแหละ ถ้าโลกสิ้นหวังแล้วสำหรับบางคน ก็อยากให้รู้ว่าในโลกยังมีไอศครีมอยู่”
แม้จะผ่านเดือนแห่งความรักไปแล้ว แต่ความรักเองไม่เคยหมดไป มาร่วมสัมผัสถึงความรัก ความห่วงใย ความจริงใจผ่านบทสัมภาษณ์กับ วิน นิมมานวรวุฒิ หรือที่อาจจะรู้จักจากนามปากกาของเขาที่ชื่อว่า “โรแมนติกร้าย” ผู้ถ่ายทอดความรักผ่านงานเขียน ทั้งหนังสือ บทความ กวี และเสียงเพลง โดยหนังสือเล่มใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจด้วยความใกล้ชิดของคนรอบกาย, ศิลปินมากมาย และ Feminism.
คนเรามีไอเดียความรักไม่เหมือนกัน และมีการถ่ายทอดความรู้สึกออกมาไม่เหมือนกัน คุณวิน ที่งานเขียน และการแต่งกลอน ของเขา แฝงกลิ่นอายความโรแมนติกไว้มากจะมีแนวคิด หรือประสบการณ์แบบไหน อะไรคือความรักครั้งแรก และทำไมมันถึงสำคัญ
- ประสบการณ์แรกกับสิ่งที่เรียกว่ารักของคุณวินคืออะไร?
“ถ้าเรียกว่าความรักเลยเนี่ย คือจากคุณแม่ เราโตมากับคุณแม่ที่เป็น Single Mom เราเอง ตอนที่เราโตมาเนี่ย เราก็เห็นคุณแม่เศร้า แต่เราก็ไม่รู้ว่าทำไม พอโตมาถึงรู้ว่าโลกมันไม่อ่อนโยนกลับแม่เราเลย โดยปกติเนี่ยคุณแม่จะเป็นคนที่แฮปปี้ ร่าเริงมากๆ แต่เรารู้สึกถึงความเศร้าเหล่านั้นได้ นั่นคือสัมผัสแรกของความรักที่เรารู้สึกเลย มันคือ Connection ที่ไม่ว่าจะอารมณ์ไหนเราก็สามารถรับรู้ได้เพราะความใกล้ชิด ความเป็นห่วง ถึงแม้ในวันที่เราไม่เข้าใจ นั่นแหละความรักแรก”
“ส่วนในเชิงโรแมนติกเลยเนี่ย First Crush (รักแรก) เราเป็นช่วงมัธยมปลายเลย และเขาคนนั้นเป็นคนที่ทำให้เรากลายเป็น Poet (นักแต่งกลอน) คือช่วงนั้นเป็นช่วงที่เราซึมเศร้านิดหน่อย เพราะเราอยู่ในโรงเรียนชายล้วน ซึ่งเราไม่อินกับสังคมตรงนั้น เพราะงั้นเราเลยหันไปอยู่ในกลุ่มที่รักการอ่าน รักศิลปะ แล้วเราก็ไปเจอผู้หญิงคนนึงที่เรารู้สึก Connect กับเรามากๆ แต่อยู่ๆ มันก็มีเหตุให้เขาต้องไปอยู่ต่างประเทศ พลอตเหมือนหนัง 80s เลย 555 เราได้แต่งกลอนให้เขาด้วย เป็นผู้หญิงคนแรกๆ เลยที่จุดประกายบางอย่างในใจเรา แต่เพราะสถานการณ์มันไม่อำนวย แต่ก็ไม่ได้แย่ มันเลยทำให้เรามองความรักว่ามันสวยงาม แต่ก็เจ็บปวดไปพร้อมๆ กัน”
เขาว่ากันว่าเวลาเป็นเครื่องวัดใจ แต่ความสัมพันธ์ของความรักกับกาลเวลาเป็นเรื่องที่หลายคนอาจจะไม่ได้ใส่ใจกับมันมากทั้งๆ ที่มันผลกับการพัฒนาของความสัมพันธ์อยู่ไม่น้อย เวลาผ่านไป อะไรๆ ก็เปลี่ยนไป แม้แต่ความรักก็เช่นกัน
“มันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เลย มันมีช่วงที่เราเคยคิดว่ารักแท้คือความเจ็บปวด ถ้าไม่เจ็บไม่ใช่รัก เพราะจริงๆ เหมือนตอนนั้นเรายังรักตัวเองไม่เป็น แต่ไอ้ความเจ็บปวดเนี่ยก็ถูกเปลี่ยนมาเป็นบทกวีที่เราเขียนถ้าใครตามเรามาแต่แรกก็จะรู้ว่าเรางานเขียนเศร้าตลอด เป็น Tortured Poets Department เลย 555 แต่พอโตมา มันก็เหมือนเราได้แว่นใหม่ เราได้เรียนรู้เรื่องสังคม เรียนรู้เรื่องความไม่เท่าเทียม มันก็มีผลกับคอนเซปต์ของคำว่ารักของเราเหมือนกัน โดยเฉพาะหลังจากที่เราได้ไปเรียน Creative Writing ที่ New York ช่วงนั้นมันก็เป็นช่วงที่เราเห็นอะไรชัดขึ้น เห็นสีชัดขึ้นเหมือนเปิดโลกให้เราเห็นว่าความรักมันไม่ได้มีมิติเดียวหรือ 2 มิติแต่มันคือหลายๆ สิ่งมาประกอบเข้าด้วยกัน”
ถ้าเราพูดถึงความรัก แต่ละคนก็จะมีประสบการณ์ทั้งหวาน และขมขื่น ความยากในการปรับชีวิตของเรา บางคนประสบความสำเร็จ บางคนพ่ายแพ้ แต่ถ้าเป็นมนุษย์โลกสีชมพูแบบคุณวิน เขาจะมองอีกด้านของความรักในโลกของเขายังไงกัน
“เรารู้สึกว่าจริงๆ ถ้าพูดถึงความรักเลยเนี่ยมันไม่มีอะไรไม่ดีเลย แต่เพราะเราอยู่ในสังคมที่เป็นทุนนิยม ดังนั้นคอนเซปต์ของคำว่ารัก กับคอนเซปต์ของความสัมพันธ์เนี่ย มันจะปนมั่วกันไปหมด บางคนก็เลยเข้าใจว่า ความรักของเขามันเป็นการแลกเปลี่ยนกันไปมาจนมันกลายเป็น Business แบบถ้าคุณไม่มีสิ่งนี้เราจะไม่รักคุณ ถ้าคุณไม่ครบตาม Checklist นี้แปลว่าคุณไม่ใช่คนของเรา สำหรับเราสิ่งเหล่านี้มันไม่ใช่ความรัก”
ความรักนู่นความรักนี่ แต่หนึ่งในบทบาทสำคัญของทุกคนในความสัมพันธ์คือการดูแลรักษา และใส่ใจตัวเองด้วย การที่จะรักษาความสัมพันธ์เอาไว้มันไม่ได้มีแค่การเอาใจใส่คนรักของเราจนลืมตัวเองไปเลย
“เราขอใช้คำว่า Self Love Together (การรักตัวเองร่วมกัน) เพราะถ้าเราจะรักใครสักคนให้ดี เราก็ต้องรักตัวเองให้ดีก่อน ซึ่งนั่นมันคือในเชิงคอนเซปต์ แต่ในชีวิตจริง เราว่ามันทำไปพร้อมๆ กันได้ ในขณะที่เรารักตัวเอง เราก็รักเขาได้เหมือนกัน
Self love บางทีมันอาจจะถูกมองในแง่ลบในสังคมปัจจุบัน มันมีเส้นมายาคติบางอย่างที่ปิดกันไม่ให้คนเข้าถึงสิ่งที่จริงๆ Self Love มันถูกขโมยไปโดยนายทุนต่างๆ เอาไปขายเป็นสินค้า ทำให้มันเกิดคำว่าถ้า ถ้าเราซื้อถุงผ้าที่เขียนว่า Love yourself มันคือ Self Love รึเปล่า?”
คุยกันมาขนาดนี้แล้วก็จะเห็นว่าคุณวินมีแนวคิดในเชิงโลกสดใสพอควร แต่ก็ยังไม่ปล่อยให้ตัวเขาหลุดจากโลกแห่งความจริง ถึงอย่างนั้น เราเชื่อว่าเราทุกคนมีหนทางที่จะหลบไปอยู่ในโลก Ideal ของเราเสมอ แล้วดูเหมือนภาพฝันของคุณวินจะเป็นงานด้านการเขียน แต่อะไรดลใจให้เขาไปถึงจุดนั้นกัน
“จริงๆ แล้วเราค่อนข้างเป็น Introvert เรารู้ตัวว่าเราพูดไม่เก่งเวลาเราอยู่กับใครที่เราไม่รู้สึกคุ้นเคย หรือ Connect ด้วยเพราะงั้นเราจะชอบเขียน มันเริ่มจากการเรียนบันทึกไว้คุยกับตัวเอง เพราะว่าเราอยู่โรงเรียนชายล้วนมา เราก็ไม่อินกับ Culture เขา เราก็เลยแบบ คุยกันตัวเองดีกว่า พอเราได้คุยกับตัวเองในบันทึกของเราแล้วอะ เรารู้สึกว่ามัน Heal (รักษา) ใจเราได้ ก็เลยคิด เอ๊ะ ถ้ามัน Heal เราได้ ทำไมมันจะ Heal คนอื่นที่อาจจะเจอสถานการณ์ใกล้ๆ กันไม่ได้ เราก็เลยเอามันไปโพสต์ตามเว็บบ้างอะไรบ้าง ทำให้เรารู้สึกว่านี่อาจจะเป็นพรสวรรค์อย่างนึงของเราที่เราสามารถใช้ตัวอักษรในการช่วยเรา และช่วยคนอื่นได้”
ด้วยโลกโซเชียลมีเดียที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในชีวิตของคนรุ่นใหม่ในสังคมไทย บวกกับการที่คนรุ่นใหม่รับรู้การเป็นไปของโลกมากขึ้น สามารถแบ่งปันความรู้และความรู้สึกต่อเพื่อน และต่อคนอื่นๆได้ง่ายขึ้น แบบนี้ไอเดียเรื่องความรักของคนรุ่นใหม่อาจจะถูกปรับให้เข้ากับพวกเขา หรือยุคสมับในมุมมองของพกวเขามากขึ้น
- คุณวินมีความคิดอย่างไรกับความรักของยุคสมัยนี้ หรือของคนรุ่นใหม่ในสังคมไทย?
“จากที่เราสังเกต มุมมองความรักของคนรุ่นใหม่เป็น Negative เยอะเหมือนกัน หลายคนไม่เชื่อเรื่องความรักแล้ว เราคิดว่าบางคนกลัวความผิดหวัง เลยมองโลกนี้ว่าความรักเป็นเรื่องของแฟนตาซีมากกว่าความจริง มันอาจจะเป็น Self Defend (การปกป้องตัวเอง) อย่างนึง เพราะจริงๆ ถ้าลองคิดดูมันก็เป็นปรากฏการณ์ทางสังคมด้วย ที่ในขณะที่คนรุ่นใหม่อาจจะเชื่อในความรักน้อยลง แต่กระแสการมี Self Love ก็มากขึ้น มันไม่ใช่แค่เรื่องจิตใจอย่างเดียว แต่เพราะสังคมที่ค่อนข้างหมองทำให้คนมองหาความรักไม่เจอ”
เพราะงานเขียนของคุณวินมีทั้งความหวาน และความร้ายตามชื่อนามปากกา “โรแมนติกร้าย” เลย ความน่าสนใจมันจึงไม่ใช่ความหวานของงาน แต่คือการแฝงรสชาติอื่นๆ เข้าไปด้วย
“We can be cute and be serious at the same time” (เราสามารถน่ารักได้ แต่ก็จริงจังได้ในเวลาเดียวกัน) “โดยพื้นฐานเราเองชอบอ่านงานที่มีความลึกซึ้งทางอารมณ์ แต่เราก็เป็นแฟนของ The Newyorker เราชอบอ่านอะไรที่เกี่ยวกับสังคม ก็อาจจะด้วยสิ่งที่เราสั่งสมมาทั้งสองฝั่ง มันอาจจะเข้ามาช่วยเราหาความสมดุลในงานเราได้ หนังสือเรามันก็เลยมีทั้งบทกวีฮีลใจด้วย แต่ก็มีบทความชวนคิดเรื่องปัญหาการเปลี่ยนแปลงในสังคมด้วย”
หนังสือเล่มใหม่ของคุณวิน “เพราะหัวใจดีๆ และเชอร์รีเป็นของเธอ” หนังสือที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจจากความอบอุ่นของคนรอบกายที่หล่อหลอมคุณวินมาในสังคมที่ไม่อ่อนโยนกับพวกเขา พร้อมทั้งศิลปินต่างๆ มากมายที่ช่วยให้วิน และหลายคนผ่านช่วงเวลาแย่ๆ มาได้
“มันเป็นเหมือนจดหมายรักของตัวเอง เป็นการรวมสิ่งที่หล่อหลอมมาเป็นตัวเราในวันนี้ เรารู้สึกว่าแค่การฮีลใจเราเองเฉยๆ มันไม่พอแล้ว เราต้องฮีลใจของสังคมด้วย เราอยากให้ทุกคนมาร่วมสร้างเมืองที่ Friendly กับทุกคน Friendly กับผู้หญิง Friendly กับเพื่อนเรา เราอยากสร้างเมืองที่เราไม่ต้องเตือนเพื่อนว่า “ถึงบ้านแล้วบอกนะ” เพียงเพราะว่ามันอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกัน”
“รักคือพันธนาการอันแสนหวาน
รักคืออิสรภาพอันแสนขม
แล้วแต่เธอจะเลือกชื่นชม
ขอแค่รักแล้วไม่ทำร้ายหัวใจ“
-💖โรแมนติกร้าย
ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจในการมองไปถึงความรัก และความสัมพันธ์ทั้งกับผู้อื่น และตัวเอง ผ่านสายตาของคุณวินที่แม้ว่าโลกของเขาจะเป็นสีชมพูขนาดไหน เราก็ห้ามละเลยความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ความโรแมนติกมันฝั่งอยู่ในทุกอย่างรอบตัวเรา มันไม่ใช่แค่เรื่องของความรัก แต่มันคือความห่วงใยต่อกันและกัน หรือที่คุณวินเรียกมันว่า “Self-Love Together” นั่นเอง
ขอบคุณคุณวิน โรแมนติกร้าย ที่มาคุยกับเรา
หนังสือ “เพราะหัวใจดีๆ และเชอร์รีเป็นของเธอ” สามารถหาซื้อได้แล้ว
ตามร้านหนังสือ ทั่วประเทศ
ช่างภาพ Instagram: pparnthepp
และขอบคุณร้าน Hidden Milk Bar, ถนนเจริญกรุง สำหรับสถานที่คูลๆ